แม้ว่าข้อมูลจ้างงานเอกชนจะออกมาดีขึ้น แต่แท้จริงแล้วตลาดรอคอยข้อมูลจากภาครัฐบาลที่จะประกาศในคืนวันศุกร์ ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนมากขึ้นว่าตลาดแรงงานมีการฟื้นตัวหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มร้านอาหาร, การท่องเที่ยว และธุรกิจขนาดเล็ก
· ดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางอ่อนค่า ท่ามกลางความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยงฟื้น – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังปรับลง
ค่าเงินดอลลาร์มีการเคลื่อนไหวในฐานสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนที่ยังอ่อนตัว ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเคลื่อนไหวแดนบวก ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดูจะเป็นปัจจัย “กระตุ้น” ตลาดเกี่ยวกับโอกาสการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดนมีแนวโน้มจะผ่านร่าง 1.9 ล้านล้านเหรียญได้
ดัชนีดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและทรงตัวบริเวณ 90.788 จุดในตลาดเอเชีย หลังจากที่ปรับตัวลดลงหลุดระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้
สมาชิกอีซีบี ระบุว่า การดำเนินนโยบายการเงินของอีซีบี อาจมีการขยายมาตรการเข้าซื้อพันธบัตร หรือแม้แต่เพิ่มโควตา “หากจำเป็น” ที่จะต้องกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง
ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.2088 ดอลลาร์/ยูโร รีบาวน์กลับหลังจากหลุด 1.20 ดอลลาร์/ยูโรทำต่ำสุดรอบ 1 เดือน
ค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.2% ไปที่ 106.875 เยน/ดอลลาร์ เข้าสู่สภาวะสะสมพลังหลังไปทดสอบ 107 เยน/ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค. ปีที่แล้ว
Bitcoin เคลื่อนไวสะสมพลังแถว 49,000 เหรียญ หลังจากที่ร่วงลงในวันที่ 21 ก.พ. ที่ไปทำสูงสุดประวัติการณ์บริเวณ 58,354.14 เหรียญ
· Reuters เผยมุมมองนักวิเคราะห์ ที่ระบุว่า “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น” เป็นอุปสรรคต่อเฮดจ์ฟันด์บางแห่งในการสร้างผลตอบแทนเดือนก.พ. ที่ผ่านมา
· รายงานการฉีดวัคซีน Covid-19 ล่าสุดพบ 108 ประเทศทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีนแก่ประชาชน และมีการฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 249.196 ล้านโดส
· กรรมาธิการอุตสาหกรรมของอียู ตั้งเป้า ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตวัคซีนโควิด ในปริมาณ 2-3 พันล้านโดสต่อปี ภายในปี 2021
· ผู้ว่าการกรุงโตเกียวกำลังพิจารณาที่จะขอให้นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ขยายระยะเวลาการบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการปรับตัวลดลงยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่มีการชะลอตัวลงจากข้อมูลก่อนหน้า
· เกาหลีใต้เร่งตรวจสอบผู้เสียชีวิต 2 รายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด AstraZeneca
เจ้าหน้าที่หน่วยงานควบคุมและป้องกันโรค KDCA เร่งดำเนินการตรวจสอบการเสียชีวิตในผู้ป่วยสองราย หลังมีรายงานว่าทั้งคู่มีอาการอยู่ก่อนหน้าแล้วและเสียชีวิตภายในไม่กี่วันหลังจากได้รับวัคซีนป้องกันโควิดของ AstraZeneca
โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ ผู้ป่วยในบ้านพักคนชราอายุ 63 ปีที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองมีอาการไข้สูงหลังจากได้รับวัคซีน AstraZeneca และได้ย้ายการรักษาไปยังโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในวานนี้ แต่เสียชีวิตหลังจากแสดงอาการเลือดเป็นพิษ และโรคปอดบวม
สำหรับผู้เสียชีวิตอีกรายหนึ่ง อายุ 50 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวาน เสียชีวิตหลังจากมีอาการหัวใจวายหลายครั้งโดยได้รับวัคซีนชนิดเดียวกันก่อนหน้านี้หนึ่งวัน
· กองทัพออสเตรเลีย เรียกร้องให้มีการผลักดันการฉีดวัคซีน Covid-19 เป็นการเร่งด่วน ขณะที่ทางการออสเตรเลียจะเร่งหาวิธีสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้แก่หน่วยงานด้านกองทัพของประเทศ หลังจากที่โครงการฉีดวัคซีนมีความล่าช้าออกไปเกินกว่ากำหนดที่ตั้งไว้
· “โมดิ” นายกรัฐมนตรีอินเดีย ประกาศเลือกใช้วัคซีน Covid-19 ที่ผลิตในประเทศแทนวัคซีนของบริษัท AstraZeneca ขณะที่วัคซีนที่ผลิตในอินเดียยังไม่ได้รับอนุมัติการรับรองประสิทธิภาพของวัคซีนในขั้นสุดท้าย
· วิกฤตกระแสข่าวลือและการเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ส่งผลกระทบต่อ “นายคูโม” ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ในการสูญเสียอำนาจการจัดการการระบาดของไวรัสอย่างกระทันหัน
· รายงานจากเฟดสาขาดัลลัส เผยว่า “การเติบโตทางเศรษฐกิจโลก” คือ ความเสี่ยงที่อาจฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯพลาดเป้าการเติบโตที่คาดการณ์ไว้ได้
· Financial Times รายงานว่า สหรัฐฯมีการร่วมมือกับพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับวัคซีน Covid-19 เพื่อต้อสู้กับอิทธิพลของจีน
· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษ ให้คำมั่น จะทำการ “สนับสนุนทุกอย่างที่ทำได้” สำหรับแผนงบประมาณ Covid ฉบับใหม่
แผนฉบับใหม่ดังกล่าวจะประกอบไปด้วย
- การขยายเวลาออกไปอีก 5 เดือน ในการช่วยเหลือคนว่างงานในประเทศ
- การผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- ความหวังจะก้าวออกจากการใช้มาตรการคุมเข้มในอีก 3 เดือนข้างหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
· เศรษฐกิจออสเตรเลียเผชิญกับการฟื้นตัวหลัง Covid-19 แบบ “V-Shaped” โดยคาดปีนี้อาจเห็นจีดีพีขยายตัวได้ต่อ หลังไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วขยายตัวได้เร็วเกินคาด
ขณะที่สัญญาณทั้งหมดในปีนี้ เริ่มดีขึ้นจากการที่ภาคบริษัทได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้นโยบายทางการเงินและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
· สมาชิกบีโอเจสาย Dovish เรียกรอ้งการปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อรับมือกับสัญญาณการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ
· น้ำมันดิบปรับลง กังวล “OPEC+” ตัดสินใจจะเพิ่มกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในช่วงต้นตลาด และยังคงขยายเวลาการปรับลง โดยตลาดได้รับแรงกดดันจาก “ความไม่แน่นอนว่า OPEC+ จะตัดสินใจปรับเพิ่มกำลังการผลิตที่ระดับเท่าไร”
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับลง 18 เซนต์ หรือ -0.3% ที่ 59.57 เหรียญ/บาร์เรล
โดยภาพรวมปรับลงมาแล้วประมาณ 6% นับตั้งแต่ 25 เม.ย. ที่ขึ้นไปใกล้ระดับสูงสุดตั้งแต่ พ.ค. ปี 2019
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลงประมาณ 7 เซนต์ หรือ -0.1% บริเวณ 62.63 เหรียญ/บาร์เรล
โดยภาพรวมลดลงไป 7% จากที่เคยทำสูงสุดในรอบ 13 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กลุ่ม OPEC+ จะประชุมกันในวันพรุ่งนี้ ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มตลาดน้ำมันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการที่สมาชิก OPEC+ ร่วมมือกันปรับลดการผลิตน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาเพื่อสนับสนุนราคาน้ำมัน โดยมุมมองเชิงบวกล่าสุดดูจะมีโอกาสปรับเพิ่มกำลังการผลิต
· น้ำมันในกลุ่มโอเปกได้เปรียบกว่าน้ำมันเชลล์ของสหรัฐฯ ในช่วงการฟื้นตัวจากวิกฤต Covid-19
ภาคอุตสาหกรรมหินดินดานหรือน้ำมันเชลล์ของสหรัฐฯ เคยเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ขณะที่ในตอนนี้เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว เนื่องจากขาดเงินสด ทำให้เกิดข้อเสียเปรียบในกลุ่มผู้ผลิต OPEC ที่มีต้นทุนต่ำกว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเกิดการชะลอตัวของโรคระบาด กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันนำโดยซาอุดีอาระเบียก็ได้ระงับการผลิต เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ ทำให้ผู้ขุดเจาะพลังงานจากหินดินดานเกิดข้อได้เปรียบจากการเพิ่มผลผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมการประชุมด้านพลังงาน เปิดเผยว่า แม้ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นอยู่ที่ 60 เหรียญต่อบาร์เรล แต่พลังงานจากหินดินดานก็ไม่สามารถกลับมายืนหยัด ท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิดได้อีก
· ประธานาธิบดีเวเนซูเอลา จะมุ่งเน้นการปฏิรูปกฎหมายน้ำมันฉบับใหม่ให้เป็น “New Models” ที่อาจมีการอนุญาตให้มีการปรับ “ภาคธุรกิจรูปแบบใหม่” ในกลุ่มอุตสาหกรรมของประเทศที่สำคัญที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต
· ตำรวจพม่าใช้วิธีสลายการชุมนุมต้านรัฐประหารด้วยการยิงในหลายพื้นที่วันนี้ หลังจากที่ความพยายามทางการทูตในประเทศภูมิภาคเพื่อยุติวิกฤตระยะยาวดูจะส่งผลต่อประเทศพม่าในเวลานี้เพียงเล็กน้อย
· รายงานล่าสุดจากสื่อท้องถิ่น เผยกลุ่มผู้ประท้วงในประเทศพม่าเสียชีวิตจากอาวุธปืนหลังเกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ในสองเมืองใหญ่วันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน 2 รายในวันนี้
· เจ้าหน้าที่ทูต U.N. จากพม่า และรัฐบาลทหารพม่า ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะผู้แทน U.N. ในการให้รัฐบาลทหารได้เป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยข้อพิพาทการทำรัฐประหารในเวลานี้ หากจะสามารถผ่านเป็นตัวแทนที่ถูกต้องได้อย่างเป็นทางการจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากชาติสมาชิกของ U.N. จำนวน 193 ประเทศทั่วโลก
· หน่วยข่าวกรอง SITE รายงานว่า กลุ่มก่อการร้าย IS อ้างเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีเจ้าหน้าที่สื่อในประเทศแอฟริกาทางตะวันออก