เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า วุฒิสภาสหรัฐฯมีการโหวตรับแผนเยียวยา Covid-19 มูลค่า 1.9 ล้านล้านเหรียญ ด้วยมติ 50-49 เสียง ขณะที่ผู้นำเสียงข้างมากในสภาล่าง เผยจะลงมติร่างกฎหมายฉบับแก้ไขนี้ในวันอังคาร (9 มี.ค.) เพื่อส่งให้ประธานาธิบดีลงนามรับรองบังคับใช้โดยเร็ว ท่ามกลางพรรคเดโมแครตที่คาดหวังว่าจะทำให้เกิดการช่วยเหลือรอบใหม่ได้เร็วๆนี้ ก่อนหนดเส้นตาย 14 มี.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันหมดอายุการช่วยเหลือคนว่างงานรอบใหม่
ทั้งนี้ การลงมติล่าสุดกเดขึ้นท่ามกลางคำถามของบรรดาสมาชิกรีพับลิกันว่า “จำเป็นต้องมีการช่วยเหลืออื่นๆเพิ่มเติมอีกหรือไม่”
ร่างกฎหมายฉบับนี้จะประกอบไปด้วย
- การจ่ายเช็คช่วยเหลือโดยตรงมูลค่ากว่า 1,400 เหรียญ
- สวัสดิการคนว่างงาน 300 เหรียญ/สัปดาห์
- ขยายเวลาการช่วยเหลือคนว่างงานออกไปถึง เดือนก.พ.
- ขยายเวลาภาษีเงินคืนเด็กต่อปี
- งบประมาณรอบใหม่สำหรับการกระจายวัคซีน – การทดสอบหาผู้ติดเชื้อ
- การช่วยเหลือกลุ่มผู้เช่าจากปัญหาภาคครัวเรือนที่ชะงกังัน
- งบประมาณสำหรับการศึกษาพื้นฐาน K-12
นอกจากนี้ แพ็คเกจดังกล่าวยังรวมถึงวงเงิน 1.4 หมื่นล้านเหรียญ ในการสนับสนุนการจ้างงานในกลุ่มสายการบิน, การช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมรอบที่3 เพื่อไม่ให้รับผลกระทบจากการว่างงานหรือการตัดลดเงินจนถึง 30 ก.ย. นี้ โดยผู้รับเหมาสายการบินจะได้วงเงินการบริหารจัดการราว 1 พันล้านเหรียญ
ประเด็นที่มีการโต้แย้งมากที่สุดในร่างกฎหมายฉบับนี้ คือ
- ส.ว. รีพับลิกันมองวงเงินช่วยเหลือมากเกินไป
- ส.ว. รีพับลิกันค้านการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกว่า 2 เท่า ที่ระดับ 15 เหรียญ/ชั่วโมง
อย่างไรก็ดี สมาชิกพรรครีพับลิกันและนักเศรษฐศาสตร์บางส่วน วิจารณ์แพ็คเกจช่วยเหลือดังกล่าว ที่มีมูลค่ามหาศาล ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตชี้ให้เห็นถึงการดำเนินการเพื่อขจัดอุปสรรคด้านการฟื้นตัวและผลกระทบต่อเศษฐกิจในอนาคต
เดโมแครตใช้กระบวนการ “ประนีประนอม” (Budget Reconciliation) เพื่อผ่านร่างกฎหมายด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แทนที่จะเป็น 60 จาก 100 เสียงตามกฎปกติของวุฒิสภา และยังไม่ชัดเจนว่า เดโมแครตจะพยายามใช้กระบวนนี้กับเป้าหมายด้านนโยบายอื่นๆ เช่น กฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและกฎหมายคนเข้าเมืองหรือไม่
ผู้นำเสียงข้างมากของสมาชิกพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาจะต้องต่อสู้กับ “ความเห็นต่าง” ของสมาชิกภายในพรรค เพื่อให้แพ็คเกจดังกล่าวสามารถลุล่วงไปได้ และสอดคล้องกับความต้องการของส.ส. เดโมแครตรเกือบทั้งหมดเพื่อให้ผ่านร่างกฎหมายให้ได้ในสัปดาห์นี้
นายมิทช์ แม็คคอนเนล ผู้นำเสียงข้างน้อยของรีพับลิกันในวุฒิสภา และสมาชิกพรรครีพับลิกันรายๆอื่นๆ ย้ำถึงข้อมูลการจ้างงานที่ออกมาแกร่งเกินคาดในเดือนก.พ. เป็นหลักฐานชัดว่า “สหรัฐฯไม่จำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญ” แม้ว่าจะมีประชาชนเพียงไม่กี่คนจาก 8.5 ล้านคนที่กลับมาถูกจ้างงานอีกครั้ง แต่ก็ยังน้อยกว่าในปีที่แล้ว ขณะเดียวกันสภาสูงไม่เคยใช้งบประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญอย่างปล่อยปละละเลยแบบนี้
นอกจากนี้ ยังกล่าวย้ำว่า แม้ไม่มีกฎหมายฉบับนี้ เศรษฐกิจของอเมริกากำลังจะฟื้นในปีนี้ เนื่องจากผลพวงของกฎหมายเยียวยาที่บังคับใช้เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ข้อเสนอเยียวยา Covid-19 ของรีพับลิกันมีมูลค่าเพียง 1 ใน 3 ของแผนการของไบเดน
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคง “ย้ำถึงความจำเป็นต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” ควบคู่กับคนว่างงานนับล้านรายที่ยังคงไม่มีงานทำและขอรับสวัสดิการว่างงนรอบใหม่ และการปราศจากแผนช่วยเหลือ ก็จะยิ่งตอกย้ำภาวะชะลอตัว และเราไม่สามารถใช้มาตรการเพียง 1 หรือ 2 ฉบับในการพยุงให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นกลับมมา
สเตนี โฮเยอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ทวีตว่า สภาล่างจะโหวตร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาฉบับนี้ในวันอังคาร
นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยังแสดงความหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากฝั่งรีพับลิกัน หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยตระหนักถึงความเป็นจริงจากความเลวร้ายของไวรัส และวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ทำให้จำเป็นต้องดำเนินการตัดสินดังกล่าว
ภาพรวมหลังจากที่ นายไบเดนได้มีการลงนามแผนดังกล่าวเป็นร่างกฎหมาย ก็มีกระแสคาดการณ์ว่า อาจเห็นเขาเดินหน้าต่อสำหรับ
- ข้อเสนอแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
- ข้อเสนอโครงสร้างพื้นฐาน
อย่างไรก็ดตาม ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐฯ ก็ไม่ได้มีการเพิ่มกฎหมายบรรเทาอื่นๆ เนื่องจากมองความจำเป็นจากเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ที่หากมีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม สภาคองเกรสก็พร้อมจะจัดทำร่างกฎหมายฉบับอื่นเพิ่มเติมเพื่อมาเสริมทัพ
ที่มา: CNBC