MTS Help Center

ทองดิ่งทำต่ำสุดรอบ 9 เดือน จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร-ดอลลาร์ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง

·         ราคาทองคำปรับตัวลงไปมากกว่า 1% ทำต่ำสุดใหม่รอบ 9 เดือน ที่ ระดับ 1,676.10 เหรียญ ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -1.1% ที่ระดับ 1,681.41 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด -1.2% ที่ระดับ 1,678 เหรียญ

 

·         ปัจจัยลบต่อตลาดทองคำมาจาก
1) ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่องทำสูงสุดรอบ 3 เดือนครึ่ง ที่ระดับ 92.38 จุด ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 24 พ.ย.

2) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่ปรับขึ้นมาแตะ 1.613% ใกล้สูงสุดรอบ 1 ปี

3) แรงขายของกองทุน SPDR ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนทองคำ ETFs ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สะท้อนความเชื่อมั่นแตะระดับต่ำสุดรอบ 10 เดือน

 

·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำออกมาอีก 5.83 ตัน  ซึ่งเป็นการเทขายต่อเนื่อง 4 วันทำการ โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,063.43 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. ปี 2020

 

ตลอดเดือนมี.ค. ขายออก 30.10 ตัน เป็นการขายทองต่อเนื่องเดือนที่ 6  ส่งผลให้ภาพรวม 6 เดือนติดต่อกันขายต่อเนื่อง 205.46 ตัน

 

ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ต้นปี – ปัจจุบันกองทุน SPDR ขายออกแล้ว 107.31 ตัน

 

·         หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจควบคู่กับเงินเฟ้อ ได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น มีโอกาสเห็นทองคำลงต่อมาแตะ 1,660 เหรียญได้

 

ประกอบกับ ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯที่ออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด ยิ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวมากกว่าจะเห็นสัญญาณเงินเฟ้อ

 

·         บรรดานักวิเคราะห์ กล่าวว่า ตลาดมีแรงกดดันหลังจากที่ถ้อยแถลงประธานเฟดไม่เป็นไปอย่างที่หวัง โดยไม่มีการควบคุมการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ผ่านมา นึ่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ

·         นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ตลาดต่างๆไม่ได้รับสัญญาณบวกจากเฟดในเรื่องผลตอบแทนมากนัก และยังคงมีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการของเฟดอยู่บ้าง แต่ที่เห็นแน่ชัดดูจะเป็นการที่เฟดไม่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และนี่ยังเป็นปัจจัยที่เป็นบวกต่อราคาทองคำได้อยู่

 

อย่างไรก็ดี ระยะสั้นๆ ทองคำอาจเคลื่อนไหวระหว่าง 1,650 – 1,700 เหรียญ และมีแนวโน้มจะหลุดต่ำกว่า 1,650 เหรียญ จากแรงขายเข้ากดดันตลาด

 

·         ราคาซิลเวอร์ปิด -0.2% ที่ 25.14 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียมปิด -1% ที่ 2,314.83 เหรียญ

·         ราคาแพลทินัมปิด +1.2% ที่ 1,143.42 เหรียญ

 

·         สภาล่างเตรียมผ่านร่างกฎหมาย 1.9 ล้านล้านเหรียญ – ไบเดนถูกคาดจะลงนามได้สัปดาห์นี้

 

·         รอยเตอร์ส ชี้ สหรัฐฯสามารถส่งเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจ 1,400 เหรียญให้แก่ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว แต่การคืนภาษีสำหรับเด็กยังคงมีอุปสรรค

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนา

ข้อมูลยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกยังคงลดลงต่อเนื่องล่าสุดพบ 285,135 ราย รวมสะสม 117.74 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตทั่วโลกรวมกันลดลงมาสู่ระดับ 6,245 รายวานนี้ ส่งผลให้ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 2.6 ล้านราย

อย่างไรก็ดี รายงานสถานการณ์การติดเชื้อ ยังพบ 65 ประเทศในโลกที่มียอดติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มสูงขึ้น

 

สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่ยังมียอดสะสมติดเชื้อเป็นอันดับหนึ่งของโลกรวม 29.74 ล้านราย แต่โดยรวมการติดเชื้อรายวันลดลงมาแถว 43,000 ราย และมียอดเสียชีวิตรวมสะสม 538,585 ราย โดยมียอดเสียชีวิตลดลงมาจากหลักพันสู่หลักร้อยที่ 744 รายวานนี้

 ·         อ้างอิงจากข้อมูลของ CDC Data และ Reuters  พบว่า

สหรัฐฯมีรายงานยอดติดเชื้อใหม่ลดลงไปกว่า 12% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สามารถเร่งการฉีดวัคซีนได้มากสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.2 ล้านคน/วัน

ทั้งนี้ ยอดติดเชื้อใหม่รายวันในสหรัฐฯลดลงต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ เฉลี่ยที่ 60,000 ราย/วัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

อัตรายอดเสียชีวิตลดลงมา 18% ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 11,800 ราย ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ช่วงปลายพ.ย. โดยเฉลี่ยเสียชีวิตต่อวันที่ 1,686 ราย

แม้ว่าแนวโน้มการติดเชื้อ-เสียชีวิตจาก Covid-19 จะเป็นไปในทิศทางเชิงบวก แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังออกโรงเตือน “อาจเกิดการกลับมาระบาดอย่างรวดเร็วจาก สายพันธุ์ใหม่” ที่มีการตรวจพบเกือบทุกรัฐในประเทศ

ดร.แอนโธนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดระดับสูงของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยังคงปฏิบัติตามมาตรการคุมเข้มจนกว่าที่ยอดติดเชื้อไวรัสในประเทศจะลดลงต่ำกว่าหลัก 10,000 ต่อวัน

 

13 จาก 50 รัฐในสหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อใหม่ยังเพิ่มสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ภาพรวม “ลดลง” จากสัปดาห์ก่อนๆที่อยู่ราวๆ 29 จาก 50 รัฐ

 

·         ยอดติดเชื้อในอินเดียรวมสะสม 11.24 ล้านราย ขณะที่บราซิลยอดสะสมพุ่งทะลุ 11.05 ล้านราย ส่วนฝรั่งเศสขยับใกล้ 4 ล้านราย

 

·         ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติเกาหลีใต้ (KCDC) รายงานความคืบหน้ากระบวนการฉีดวัคซีนต้าน Covid-19 ในประเทศ พบการฉีดวัคซีนของบริษัท AstraZeneca แก่ประชาชนไปแล้วกว่า 291,000 คน ได้เกิดอาการข้างเคียงกว่า 2,800 คน ในจำนวนนี้อาการรุนแรง 24 คน พร้อมทั้งพบผู้เสียชีวิต หลังการฉีดวัคซีนเพิ่มเป็น 8 คน แต่ไม่ได้เผยรายละเอียดเพิ่มเติม

 

·          

·         รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์ส เผย ทางการเกาหลีใต้พิสูจน์ไม่พบการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นเป็นผลสัมพันธ์กับการใช้งานวัคซีน Covid-19 หลังมีรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มรวมเป็น 8 รายที่ได้รับการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca แต่ ณ ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานเกี่ยวเนื่องกัน

 

·         สถานการณ์ล่าสุดในประเทศไทยวานนี้ ศบค. แถลง ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 71 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 26,441 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 85 ราย

 

รายงานล่าสุดจากทางไทยรัฐ พบว่า ผวาโควิดแม่สอด โต๊ะอิหม่ามแพร่เชื้อ ไทยแพ้ซิโนแวคเพิ่ม

ไทยจัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มอีกกว่า 1.6 พันคน พบมีอาการไม่พึงประสงค์หลักร้อย ส่วนใหญ่มีอาการอักเสบบริเวณที่ฉีด-ปวดเมื่อยเนื้อตัว ส่วนการกระจายวัคซีน “ซิโนแวค” 1.16 แสนโดส ใน 13 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง จัดฉีดไปแล้วกว่า 2.7 หมื่นคน ขณะเดียวกันไทยยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีก 65 คน ส่วนใหญ่มาจากสมุทรสาคร ส่วน อ.แม่สอด จ.ตาก ส่อวุ่นไม่เลิก หลัง “โต๊ะอิหม่าม” เสี่ยงสัมผัสผู้ป่วยไม่ยอมเข้าตรวจหาเชื้อ ชุมชนต้องกดดันจนยอม พบติดเชื้อจริง

 

·         โครงการฉีดวัคซีน Covid-19 พบ 118 ประเทศทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้ว โดยมียอดรวมทั่วโลกทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 305.13 ล้านโดส

 

·         จากการศึกษาในห้องแล็บล่าสุด พบ วัคซีนของ Pfizer-BioNtech พบความสามารถต้านสายพันธุ์ใหม่ที่พบในบราซิลได้

 

·         Reuters เผยทีมนักวิทยาศาสตร์ชี้วัคซีน AstraZeneca มีความปลอดภัย แต่ชาวฝรั่งเศสบางส่วน “ไม่เชื่อใจ” วัคซีนของบริษัทดังกล่าว

 

·         ผลการศึกษาของ CDC พบประชาชนกว่า 78% ที่เข้ารักษาอาการ Covid-19 เป็นกลุ่มน้ำหนักตัวเกิน หรือ โรคอ้วน

 

·         ญี่ปุ่นพัฒนาเครื่องจักรเพื่อช่วยผ่อนคลายการเข้าถึงเครื่องมือทดสอบหาเชื้อ Covid-19

 

·         กลุ่มนักช้อปอังกฤษดิ่งลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ โดยล่าสุดแตะ 0.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว เทียบสัปดาห์ก่อน

 

·         ทูตสหรัฐฯ ประณามเหตุก่อการร้ายของกลุ่มกบฏฮูติ ที่โจมตีใจกลางจุดสำคัญของประเทศซาอุดิอาระเบีย ด้วยอาวุธโดรนและมิสไซน์

ดังนั้น สหรัฐฯพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศซาอุฯ

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เผย กลุ่มกบฏฮูติในเยเมนต้องยุติการโจมตี และเริ่มต้นเจรจาเพื่อสันติสุขในเยเมน หลังมีการกล่าวอ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีใจกลางอุตสาหกรรมน้ำมันซาอุดิอาระเบีย

 

·         กระทรวงกลาโหมในสหรัฐฯยังไม่แน่ใจเรื่องถอนกำลังออกจากประเทศอัฟกานิสถาน แม้ว่าจะเข้าใกล้กำหนดเส้นตาย

 

·         สถานการณ์ในพม่ายังคงรุนแรง ล่าสุดกองทัพพม่ามีการดักจับกลุ่มผู้ประท้วง ท่ามกลางสหประชาชาติ (U.N.) และสหรัฐฯ เรียกร้องให้มีความยับยั้งชั่งใจในการกระทำอันรุนแรงต่อประชาชน

 

·         ผู้บัญชาการกองทัพเลบานอนออกมาประณามนักการเมือง หลังประธานาธิบดีเลบานอนเรียกร้องให้กองทัพกวาดล้างการประท้วง

 

·         นักบริหารเงิน คาดว่า ระยะนี้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า สำหรับวันนี้ให้กรอบที่ 30.60 - 31.05 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทปรับตัวอ่อนค่า จากผลของดอลลาร์ที่ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังจาก ที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าที่คาด ทำให้ตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาฟื้นตัวได้มากขึ้น และยังหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับขึ้นอีก จึงเป็นแรงหนุนสำคัญให้ดอลลาร์แข็งค่า

 

ทั้งนี้ ต้องจับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า ว่าจะมีแนวทางหรือออกมาให้ถ้อยแถลงอย่างไร ทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย และทิศทางเศรษฐกิจ

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 64 ไว้ที่ 2.6% แต่ปรับกรอบประมาณการมาที่ 0.8-3.0% จากเดิม 0-4.5% สะท้อนความเสี่ยงขาลงต่อเศรษฐกิจที่ลดลง ตามความคืบหน้าอย่างมากของการกระจายวัคซีน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในเศรษฐกิจหลัก ส่วนการปรับลดกรอบบน สะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมที่ยังต้องใช้เวลา และช้ากว่าเศรษฐกิจโลก เนื่องจากไทยพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง

- รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่า ประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หลังจากทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้วถึงราว 250 ล้านเข็ม ทำให้เริ่มมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นในคนจำนวนมาก คาดว่าประเทศไทยจะดำเนินการได้ภายในเดือน เม.ย.64 โดยจะเสนอ ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19(ศบค.) พิจารณาต่อไป

- ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19 โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีนจากสถานพยาบาล โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากประสงค์ที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้นำใบรับรองการฉีด วัคซีนไปขอรับวัคซีนพาสปอร์ต หรือ สมุดเล่มเหลือง

- โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเปิดตัวโครงการ "SME คนละครึ่ง" ซึ่งจะเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มเติม ในลักษณะร่วมกันจ่ายกับ SME (Co-payment) มีสัดส่วนตั้งแต่ 50-80% สำหรับค่าใช้จ่ายในการขอทดสอบผลิตภัณฑ์ จดทะเบียนหรือขอใบรับรองมาตรฐานต่างๆ และการปรึกษาทางธุรกิจ

- ประธานรัฐสภาของไทย กล่าวภายหลังประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อหารือแนวทางการเปิดประชุมสมัยวิสามัญรัฐสภาเพื่อลงมติให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นควรให้เปิดการประชุมรัฐสภาในวันที่ 17-18 มี.ค.64 และคาดว่าจะใช้เวลาลงมติประมาณ 3-4 ชั่วโมง

- พรรคร่วมฝ่ายค้านของไทย เตรียมยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาล ถอดถอน 7 รัฐมนตรี ภายหลังเสร็จสินการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รอง

นายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมี.ค.นี้