• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2564

    12 มีนาคม 2564 | Economic News
   

·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น หลังจากอ่อนค่าลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงต้นการซื้อขายตลาดยุโรปทำให้เกิดสภาวะ risk-off ในตลาดค่าเงินทั่วโลก

นักลงทุนในตลาดเริ่มระมัดระวังการลงทุนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการพุ่งสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเนื่องมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่และอุปสงค์ของผู้บริโภคเมื่อเศรษฐกิจเปิดตัวอีกครั้ง หลังจากการปิดตัวไปในช่วงการแพร่ระบาด

แม้ว่าข้อมูล CPI ของสหรัฐฯที่อ่อนลงจะช่วยให้ความกังวลเหล่านั้นชะลอลง แต่พันธบัตรถูกเท ขายออกอีกครั้งในวันนี้ โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นเหนือ 1.6%

โดยดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.4%  แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ 92.506 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2020

ด้านค่าเงินเยนเพิ่มขึ้นประมาณ 0.6% ที่บริเวณ 109.140 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งใกล้ถึงจุดสูงสุดที่ 109.235 เมื่อวันอังคาร ซึ่งอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2020

ทั้งนี้ bitcoin มีการซื้อขายที่ประมาณ 56,738 เหรียญ แต่ไม่เกินสถิติสูงสุดล่าสุดที่ 58,354.14 เหรียญที่เคยทำไว้

 

·         ปอนด์รีบาวน์กลับมาที่ 1.3950 ดอลลาร์/ปอนด์ จากข้อมูลอังกฤษที่ผสมผสานกัน

FXStreet วิเคราะห์ว่า ค่าเงินปอนด์รีบาวน์กลับมาที่ 1.3950 ดอลลาร์/ปอนด์ ท่ามกลางข้อมูลที่ออกมาผสมผสานกันของประเทศอังกฤษ

แต่ภาพรวมยังขึ้นได้จำกัดจาก "ดอลลาร์ที่แข็งค่า" และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเคลื่อนไหวแบบสภาวะ Reflation Trade




ในทางเทคนิค ค่าเงินปอนด์มีแนวโน้มแข็งค่าไปได้ถึง 1.40 ดอลลาร์/ปอนด์ แต่เชื่อว่ากลุ่มนักลงทุนที่รอช้อนซื้อน่าจะหวังให้รายวันกลับมาปิดต่ำกว่าเส้น SMA ราย 50 วันที่ 1.3787 ดอลลาร์/ปอนด์มากกว่า

 

·         ยูโรร่วงลงหลุด 1.1950 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรีบาวน์

ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงต่ำกว่า 1.1950 ดอลลาร์/ยูโร ส่งผลให้เกิดการชะลอการแข็งค่าต่อเนื่องมาตลอด 3 วันทำการ โดยได้รับแรงกดดัน ดังนี้

1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปีทียังปรับขึ้นต่อเนื่อง 

2) การฉีดวัคซีน Covid-19 ในยูโรโซฯล่าช้า

- การ Lockdown ในยุโรป อาจกดดันภาวะขาขึ้นของยูโร


FXStreet มองว่า จากกราฟราย 4 ชั่วโมงจะเห็นว่า "ยูโรยังมีโอกาสแข็งค่าได้"  และจะมีแนวรับที่ 1.1925 ดอลลาร์/ยูโร หากหลุดลงมาจะกลับมาแถว 1.1895 ดอลลาร์/ยูโร และอาจเห็นค่าเงินกลับสู่ระดับ 1.1836 ดอลลาร์/ยูโรได้เป็นการชั่วคราว

แนวต้าน ณ ขณะนี้อยู่ที่ 1.1990 ดอลลาร์/ยูโร หากผ่านไปได้มีโอกาสไปหาระดับสูงสุดเมื่อช่วงต้นเดือนที่ 1.2025 และ 1.2050 ดอลลาร์/ยูโร

Bitcoin เคลื่อนไหวต่ำกว่า 57,000 เหรียญอีกครั้ง แต่ภาพรวมยังอยู่ใกล้กับสูงสุดเดิมครั้งประวัติการณ์ที่ทำไว้

Ethereum เคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,800 เหรียญ จากทั่วโลกจับตา NFTs ที่มีการประกาขายการประมูล ETH ในวงเงินเกือบ 70 ล้านเหรียญ

 

·         CNBC ชี้  ชาวสหรัฐฯจะเริ่มได้รับเงินช่วยเหลือครั้งที่ เร็วที่สุดช่วงสุดสัปดาห์นี้

 

·         CNBC เผย ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเฟดเผชิญกับ "ความล่าช้าเรื่องวัคซีน" และ "ความกังวล" เกี่ยวกับการระบาดเพิ่มมากขึ้น

ตลอดช่วงครบ 1 ปีแรกที่ยุโรปเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจ ก็ดูเหมือนว่าในขณะนี้จะไม่สูญเสียเท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งความสูญเสียหนักคือภูมิภาคยูโรโซนเผชิญกับยอดเสียชีวิตสะสมรวมกันทะลุ 547,000 ราย ประกอบกับกระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างหนัก

โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศสที่มีรายงานว่าพบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 30,303 รายภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงในวันพุธที่ผ่านมา และเป็นการสูงกว่าระดับ 30,000 รายเป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ระบุว่า ระบบโรงพยาบาลในกรุงปารีสหลายๆแห่งปิดทำการจากปัญหาผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นไม่หยุด

ขณะเดียวกัน ประเทศฮังการีสาธารณรัฐเช็ค และโปแลนด์ มียอดติดเชื้อเพิ่มขึ้น และส่งผลให้เกิดการเรียกร้องให้รัฐบาลมีการมีการฉีดวัคซีนให้เพิ่มมากขึ้น

 

·         ลอสแองเจลลิสคาดจะกลับมาเปิดทำการโรงหนังได้ตามปกติสัปดาห์หน้า แต่จะจำกัดจำนวนผู้เข้าชม

 

·         ปัญหาวัคซีนชาตินิยมรุนแรงขึ้น - รัฐบาลต่างๆยอมจ่ายมากขึ้นพื่อให้สามารถผลิตได้ในประเทศตนเอง

 

·         สมาชิกอีซีบี ย้ำถึงความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับการเข้าซื้อพันธบัตร

 

·         เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวลง -2.9% ในเดือนม.ค.  และไตรมาสแรกในปีนี้มีแนวโน้มยังหดตัว -4% ท่ามกลางการ Lockdown ล่าสุด เนื่องจากเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับกฎกาค้าใหม่หลัง Brexit กับทางอียู

 

·         ยอดส่งออกอังกฤษไปยังอียูดิ่งลงในเดือนแรก จากความสัมพันธ์ใหม่ทางการค้าฉบับ Brexit

ยอดส่งออกและนำเข้าจากอังกฤษไปยังอียูดิ่งลงตั้งแต่เดือนแรกในปีนี้ จากความสัมพันธ์การค้ารูปแบบใหม่ของ Brexit โดยจะเห็นได้ว่าข้อมูลส่งออกสินค้าประเภททองคำ และโลหะมีค่าอื่นๆ -40.7% ในเดือนม.ค. ๘ณะที่การนำเข้าร่วงลง -28.8%

 

·         ไอเอ็มเอฟเตือนถึง "ภาวะไร้เสถียรภาพ" เพิ่มขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์ จึงอาจทำให้ราคาบ้านถูกกระตุ้นเพิ่มขึ้น

 

·         แคนาดา ระบุว่า วัคซีนบริษัท AstraZeneca มีความปลอดภัย หลังจากที่ประเทศนอร์เวย์ และเดนมาร์ก สั่งระงับการใช้งานของบริษัทวัคซีนดังกล่าว

 

·         จีนเตือนสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการแทรกแซงฮ่องกง ก่อนการพบกันระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่รัฐอลาสกา ระหว่างตัวแทนเจรจาทางการทูตของทั้งสองฝ่าย ที่สหรัฐฯอาจมองว่าการประชุมรอบนี้อาจเป็นเรื่องยาก

 

·         การดำเนินกลยุทธ์กับจีน - ไบเดนจะเข้าร่วมการประชุมออนไลน์กับผู้นำออสเตรเลียอินเดีย และญี่ปุ่น เพื่อจำกัดการขยายตัวทางทหารและการเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของจีน

 

·         ความเห็นนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการปรับเป้าหมายการเติบโตของจีนที่สูงกว่า 6% ดูจะง่ายต่อไปถึง และไม่ใช่สิ่งที่ก่อให้เกิดผลเสีย

บรรดานักวิเคราะห์มองว่า จีนปรับเพิ่มเป้าหมายจีดีพีไว้สูงกวา 6% ในปี 2021 ไม่ได้เป็นปัจจัยสะท้อนถึงความยากต่อการไปถึง และไม่จำเป็นจะก่อให้เกิดผลเสียโดยเสมอ

หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการประจำจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ของ Eurasia Group กล่าวว่า โดยส่วนใหญ่การดำเนินการก็มีลักษณะคล้ายเดิม และการเห็นจีนปรับเพิ่มเป้าหมาย ยิ่งตอกย้ำถึงความง่ายต่อการเข้าถึงเสียด้วยซ้ำ

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน EIU  ระบุว่า ระดับเป้าหมายดังกล่าวของจีนค่อนข้างเป็นไปได้ง่ายขึ้น

 

·         โพลล์สำรวจจากสำนักข่าว Reuters เผย ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นประจำเดือนม.ค.มีแนวโน้มลดลงจากเดือนธ.ค. เนื่องจากการต่ออายุมาตรการฉุกเฉินเพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทางธุรกิจ

จากการสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ 19 รายพบว่า เป็นตัวบ่งชี้การใช้จ่ายเงินทุนในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า โดยยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนม.ค.มีแนวโน้มที่จะลดลง 5.5% จากเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา

ด้านยอดคำสั่งซื้อหลักซึ่งไม่รวมคำสั่งซื้อจากนักต่อเรือและระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้าคาดว่าจะลดลง 0.2% ในเดือนม.ค.จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว

ท่ามกลางกระแสคาดการณที่ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวลงในไตรมาสปัจจุบันเนื่องจากมาตรการ Lockdowns เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนา จึงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและบริษัท ต่างๆโดยเฉพาะในภาคบริการ

ขณะที่ยอดส่งออกในเดือนก.พ.คาดว่าจะลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว  ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวันหยุดเทศกาลตรุษจีน

ยอดนำเข้าเดือนก.พ.คาดว่าจะเติบโต 11.9% จากปีก่อนหน้า ซึ่งส่งผลให้เกินดุลการค้า 420 พันล้านเยน (3.86 พันล้านเหรียญ)

ทั้งนี้ ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. ซึ่งคาดว่าจะลดลง 0.4% เทียบกับการปรับลดลง 0.6% ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

 

·         ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ (U.N.) ชี้ รัฐบาลพม่าส่อแววก่อแนวโน้มอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก U.N. กล่าวถึงด้านสิทธิมนุษยชนในพม่า ว่ารัฐบาลทหารพม่าในเวลานี้ มีการสังหารประชาชนผู้ร่วมชุมนุมต้านรัฐบาลไปแล้วมากกว่า 70 รายเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความรุนแรงที่มากขึ้นจากการใช้มาตรการด้านความมั่นคงมาบังคับใช้กับกลุ่มผู้ชุมนุ

 

·         Brent ปรับอ่อนตัวลงแต่เคลื่อนไหวใกล้  70 เหรียญ ตลาดมีปัจจัยบวกทางด้านอุปสงค์ก็ตาม

 

สัญญาน้ำมันดิบ Brent อ่อนตัวลงแต่ยังทรงตัวได้ใกล้ 70 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางปัจจัยบวกในตลาดที่ยังช่วยพยุงราคาได้ ได้แก่

การยังตรึงกำลังการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่

มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง

 

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนพ.ค. ปรับลง 33 เซนต์ หรือ -0.5% บริเวณ 69.30 เหรียญ/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับลง 37 เซนต์ ราว -0.6% ที่ 65.65 เหรียญ/บาร์เรล

 

หลังจากที่ปรับขึ้นต่อเนื่องยาวนาน 7 สัปดาห์ น้ำมันดิบ Brent ก็ดูจะปิดเปลี่ยนแปลงลงเล็กน้อยในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางนักลงทุนที่ "เทขายทำกำไร" หลังจากที่ราคาพุ่งทำสูงสุดรอบ 13 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาจากเหตุซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีแหล่งพลังงานน้ำมัน

ความเชื่อมั่นในตลาดจากการประชุม OPEC+ ยังแกร่ง หลังจากที่ช่วงต้นเดือน ผลประชุมจะยังคงตรึงกำลังการผลิตต่อไปในเดือนเม.ย.

กลุ่มนักลงทุนมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ากองทุนผ่านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ น้ำมัน จากมุมมองอุปสงค์น้ำมันฟื้นในช่วงครึ่งหลังของปี ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่โครงการฉีดวัคซีนต้าน Covid-19 ที่อาจจะส่งผลให้ประชาชนสามารถเดินทางได้ในช่วงซัมเมอร์นี้ (ประมาณไม่เกินพ.ค.นี้)

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com