เฟดถูกคาดการณ์ว่าจะมีการ "ปรับเพิ่ม" คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจโตได้อย่างรวดเร็วในรอบ 10 ปี เพราะได้รับอานิสงส์หลักจาก
1) โครงการฉีดวัคซีน Covid-19
2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญ
ตลาดให้ความสำคัญว่า ประเด็นดังกล่าวจะทำให้ "เฟดเริ่มต้นปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ในปี 2023" เร็วกว่าที่คาดได้หรือไม่
หน่วยงานกำกับดูแลด้านยาของยุโรป (EMA) จะเปิดเผยข้อมูลการตรวจสอบเรื่องภาวะลิ่มเลือด และประสิทธิภาพในการใช้วัคซีนระดับต่ำของบริษัท AstraZeneca หลังการพบกันในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีนี้
ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.1% ที่ 1.3886 ดอลลาร์/ปอนด์ในตลาดเอเชีย โดยได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่ปอนด์ไปทำแข็งค่ามากสุดรอบ 3 ปีในเดือนที่แล้ว ประกอบกับแรงหนุนจากโครงการฉีดวัคซีนของอังกฤษ
ในส่วนของ Cryptocurrency จะเห็นได้ถึงการร่วงลงต่อของ Bitcoin อีก 2.2% ที่ 55,665.45 เหรียญ หลังจากที่ทำสูงสุดประวัติการณ์ได้ 61,781.83 เหรียญเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
· สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ขยายเวลาการช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดเล็กผ่านโครงการ PPP (Paycheck Protection Program) จนถึง 31 พ.ค. นี้
· กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผย "เยลเลน" จับตาการจัดการทางเศรษฐกิจเชิงลึกร่วมกับเกาหลีใต้
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า เธอกับตัวแทนจากเกาหลีใต้ พร้อมที่จะหารือและสานสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจและการจัดการทางการเงินในเชิงลึกร่วมกันสำหรับการเป็นพันธมิตรในระยะยาว ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันทั้งใน "ระดับทวิภาคี" และ "การร่วมมือกับหลายๆฝ่าย" ในประเด็นที่ท้ายทายระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งการรับมือทางเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงจาก Covid-19 และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ
· สภาความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ เผย สหรัฐฯเผชิญกับยอดผู้อพยพครั้งใหญ่สุดรอบ 20 ปี โดยส่วนใหญ่พบบริเวณชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
ท่ามกลางทีมบริหารของนายไบเดนพยายามจัดการกับกลุ่มเด็กที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อพยายามข้ามพรมแดนเม็กซิโกโดยลำพัง
· ACEA เผย ยอดขายรถใหม่ในยุโรปดิ่ง -20.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.พ. ท่ามกลางการ Lockdown และความไม่แน่นอนต่างๆที่เกิดขึ้นในยุโรปส่งผลกระทบต่อยอดขาย
· ทีมบริหารไบเดน ได้รับเสียงสนับสนุนจากชาติพันธมิตร อย่างตรงไปตรงมาสำหรับการหรือแนวทางกับจีนครั้งแรก
ขณะที่จีนก็มีการเรียกร้องให้สหรัฐฯมีการฟื้นฟูความสัมพันธ์ครั้งใหม่ หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี แต่สหรัฐฯ ยังระบุว่า การเจรจาที่รัฐอลาสกาแบบเผชิญหน้ากันนั้น จะเป็นตัวกำหนด รวมทั้งความสัมพันธ์ในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการปรับปรุงพฤติกรรมของจีน
· จีนเมินประเด็นการระบาด - พุ่งเป้าไปยังการสนับสนุนการเติบโตของสินค้าโภคภัณฑ์ที่เติบโตได้น้อย
ขณะที่ส่วนใหญ่ทั่วโลกยังคงจัดการกับการระบาดของไวรัสโคโรนา แต่เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณให้เห็นถึงความพร้อมในการก้าวผ่านจุดพีคที่สุดและเข้าสู่การฟื้้นตัว
หนึ่งในสัญญาณทางเศรษฐกิจจีนเวลานี้ คือหมวดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง และทำให้จีนที่เป็นผู้ถือทองแดงรายใหญ่ของโลกสามารถเข้าซื้อได้โดยง่าย ท่ามกลางความต้องการจากประเทศต่างๆที่มีผลต่อราคาทั่วโลก ขณะที่จีนยังมีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ แต่อาจมีความชะลอตัวมากขึ้น ดังนั้น ในทิศทางตรงข้ามกับนโยบายที่ช่วยผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้สูงขึ้นหรือเป็น "Super-Cycle" จึงเห็นจีนให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแนวอนุรักษ์นิยมเพื่อควบคุมและแก้ไขปัญหาการระบาด
บรรดานักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า "จีนจะใช้เครื่องมือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น" เพื่อหนุนการเติบโตที่มีแววชะลอไปแตะ 5%-6% และประเด็นนี้อาจจะไม่ไปช่วยหนุนการเติบโตในตลาดเกิดใหม่ได้มากเหมือนที่ผ่านมา
กลุ่มผู้กำหนดนโยบายของจีนมีแนวโน้มจะย้ายการใช้นโยบายสนับสนุนการอุปโภคบริโภค และมาที่อุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น ทั้งการผลิต เพื่อดัน "ราคาสินค้าโภคภัณฑ์" เพิ่มขึ้น
ขณะที่อุปสงค์ในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันการที่จีนเลือกลดพลังงานคาร์บอนก็ดูจะจำกัดภาวะอุปทานในกลุ่มดังกล่าว
นักวิเคราะห์ฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์จาก Nanhua Futures จึงคาดว่าราคาอาจปรับลงในระยะสั้นๆ แต่อาจเห็นราคาขึ้นจากกำลังการผลิตต่างประเทศที่กลับมาอีกครั้ง
· เข้าจีนง่ายขึ้น สำหรับประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ก็ใช้ได้กับจีนเท่านั้นในเวลานี้
เจ้าหน้าที่ทางการทูตหลายแห่งในประเทศจีน อาทิ สหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, อินเดีย, อิสราเอล และฟิลลิปปินส์ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าให้แก่นักลงทุนในการเข้าสู่ประเทศจีน
· ภาคครัวเรือนญี่ปุ่นมีการถือครองสินทรัพย์ทางการเงินมากเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่แตะ 1,948 ล้านล้านเยน (17.85 ล้าล้านเหรียญ) หรือคิดเป็นยอดงบดุลเพิ่มมา 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากวิกฤต Covid-19 จึงสร้างความท้าทายให้แก่ผู้กำหนดนโยบายการเงินในการเผชิญกับการต้องเร่งสนับสนุนการอุปโภคบริโภค เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืด และบรรเทาผลกระทบจาก Covid-19 เพื่อให้บริษัทต่างๆสามารถเพิ่มค่าแรงและค่าใช้จ่ายได้
· "พรุ่งนี้" ญี่ปุ่นอาจตัดสินใจว่าจะยกเลิกการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวหรือไม่
รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะตัดสินใจยุติการประกาศภาวะฉุกเฉินที่ครอบคลุมถึงกรุงโตเกียวในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของรัฐบาลที่ว่า การประกาศฉุกเฉินอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเริ่มลดน้อยลง
· ไต้หวันเตรียมเปิดใช้มาตรการ "Travel Bubble" ครั้งแรกกับประเทศขนาดเล็กในแปซิฟิกอย่างสาธารณรัฐปาเลา
ทั้งนี้ ไต้หวันยังคงเป็นประเทศที่มีการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้เป็นอย่างดี ที่มีการควบคุมได้เร็วและใช้มาตรการยับยั้งที่มีประสิทธิภาพ แต่ภาพรวมไต้หวันก็จะยังคงปิดพรมแดนกับประเทศขนาดใหญ่ ขณะที่ล่าสุดไต้หวันมียอดติดเชื้อภายในประเทศเพียง 29 ราย ณ ปัจจุบันที่ยังเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล
· ไต้หวันสนับสนุนการหรับการใช้งานเดินเรือทางทะเลจีนใต้ รวมทั้งได้รับอนุมัติชิ้นส่วนเรือดำน้ำล่าสุดจากทางสหรัฐฯ
· ฟิลลิปปินส์ห่วง "Lockdown" วงกว้าง อาจยิ่งทำให้ยอดติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มมากขึ้น
รัฐมนตรีสาธารณสุขของฟิลลิปปินส์ เผยว่า การ Lockdown ส่วนใหญ่ไม่สามารถช่วยลดการระบาดที่ยังดำเนินอยู่ในเวลานี้
· ออสเตรเลียเรียกร้องให้อียูส่งวัคซีนป้องกันโควิดปริมาณ 1 ล้านโดส สำหรับช่วยเหลือประเทศปาปัวนิวกินี ที่เผชิญการแพร่ระบาดครั้งใหม่ ที่ทางการเกรงว่าอาจจะแพร่กระจายไปในพื้นที่อื่นๆ ของภูมิภาค
· ยอดติดเชื้อ Covid-19 ในอินเดียเพิ่มขึ้นมากที่สุดรอบ 3 เดือน โดยยอดรายวันพุ่งแตะ 28,903 รายในวันนี้ ซึ่งเป็นสูงสุดนับตั้งแต่ 13 ธ.ค. ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมในประเทศแตะ 11.44 ล้านราย
ขณะที่ยอดเสียชีวิตรายวันอยู่ที่188 ราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากสุดรอบ 2 เดือน ทำให้ยอดเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 159,044 ราย
· ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 248 ราย ในปท. 79-ตรวจเชิงรุก 163-ตปท. 6-ตาย 1
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 248 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 79 ราย และจากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 163 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 6 ราย
· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจกับการฟื้นตัวของกิจกรรมโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐฯ ที่จะเห็นได้จากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงเกินคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จึงช่วยบดบังปัจจัยลบของตลาดจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในยุโรป
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.5% ที่ระดับ 68.74 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลดลงมากถึง 27 เซนต์
น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.7% ที่ระดับ 65.21 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากร่วงลงมากถึง 18 เซนต์ในช่วงต้นตลาด
ทั้งนี้ ราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นของน้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิด ช่วยยุติการปรับลงของราคาที่ร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการ
ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) เผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลง 1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุด 12 มีนาคม หลังนักวิเคราะห์คาดว่าจะเห็นสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มมากถึง 3 ล้านบาร์เรล
· Goldman Sachs คาดราคาน้ำมันมีโอกาสขึ้น - ช่วยหนุนค่าเงินในกลุ่มส่งออกรายใหญ่ได้ แม้จะมีการใช้นโยบายที่เข้มงวดขึ้นก็ตาม