· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า หลังเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ย
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณยังคงไม่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2023 แม้ว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ตาม
ดัชนีดอลลาร์ ยังคงทรงตัวที่บริเวณ 91.488 จุด โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ ที่ 91.340 จุด หลังจากประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ มองว่า การลดกระแสร้อนแรงทางเศรษฐกิจอาจทำให้เฟดสามารถถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงไปที่ 1.19655 ดอลลาร์/ยูโร แต่ยังทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1สัปดาห์ที่บริเวณ 1.19900 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในวันพุธ
ค่าเงินปอนด์เคลื่อนไหวแถว 1.3946 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยแข็งค่าประมาณ 0.5% เมื่อคืนนี้ หลังบีโออี ถูกคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ระดับต่ำสุดที่ 0.1% เป็นประวัติการณ์และจะยังคงอัดฉีดQE ที่มีมูลค่า 8.95 แสนล้านเหรียญ
ค่าเงินออสเตรเลีย ทำแข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 0.78350 ดอลลาร์/ออสเตรเลีย
ค่าเงินกีวีดอลลาร์ล่าสุดอยู่บริเวณ 0.7241 ดอลลาร์/กีวี
ค่าเงินเยนแข็งค่า 0.2% ที่ 108.620 เยน/ดอลลาร์
หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Pepperstone Markets มองว่า ถ้อยแถลงของเฟดส่งผลดีต่อค่าเงินสกุลอื่น แต่ไม่ดีต่อค่าเงินดอลลาร์ แต่ยังคงเป็นผลดีต่อคาดการณ์เงินเฟ้อ
โดยท้ายที่สุด เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2023 ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่าได้
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นมาที่ระดับ 1.6710% ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี
Bitcoin เคลื่อนไหวที่ระดับ 58,954.64 เหรียญ โดยฟื้นขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ที่บริเวณ 53,221 เหรียญ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
· U.N. ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่ระดับ 4.7% ซึ่งปรับทบทวนจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯเนื่องจากความคืบหน้าในการแจกจ่ายวัคซีน COVID-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก
· อังกฤษ เผยว่า การจัดหาวัคซีนทั่วโลกกำลังประสบปัญหาบางประการ ในขณะนี้อียูขู่ว่าจะแบนการส่งออกวัคซีน
· คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอให้มีการออกใบอนุญาตเดินทางระบบดิจิทัล (Digital Green Certificate) ที่ครอบคลุมถึงข้อมูลการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19, ผลการตรวจเชื้อ และใบรับรองแพทย์หลังหายจากอาการป่วย เพื่อกลับมาเปิดอียูอีกครั้งด้วยวิธีการที่ปลอดภัย, ยั่งยืน และคาดการณ์ได้
ทั้งนี้ ใบอนุญาตเดินทางระบบดิจิทัล (Digital Green Certificate) นี้ไม่เพียงแต่ใช้กับประเทศในสหอียูเท่านั้น แต่ยังรวมถึง Iceland ,Liechtenstein ,Norway และ Switzerland ด้วย
· ฝรั่งเศสเตรียมประกาศมาตรการ Covid-19 ใหม่รวมถึงกรุงปารีส
รัฐบาลฝรั่งเศสเตรียมประกาศบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในหลายพื้นที่ รวมถึงกรุงปารีสและเขตใกล้เคียง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 หลังมีรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายวันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563
· หน่วยงานกำกับดูแลจีน ร่วมหารือกับ Alibaba และTencent และอีก 9 บริษัท เกี่ยวกับโปรแกรม “Deepfake”
หน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้หารือร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีภายในประเทศ 11 แห่งด้วยกัน ได้แก่ Alibaba Group, Tencent และ ByteDance เพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้โปรแกรม “deepfake” หรือโปรแกรมปลอมแปลงบนแพลตฟอร์ม ซึ่งเนื้อหาบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชั่นเหล่านี้ ทางการจะเพิ่มการตรวจสอบในภาคส่วนต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ดูแลระบบไซเบอร์สเปซของจีน ระบุเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงของจีน ได้ร่วมหารือกับบริษัทต่างๆเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับ "การประเมินความปลอดภัย" และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากโปรแกรม“deepfake” รวมถึงคลิปเสียงต่างๆ ที่อาจถูกปลอมแปลงด้วย ซึ่งบริษัท Kuaishou Technology และ Xiaomi Corp ก็เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
· รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและกลาโหมของสหรัฐและเกาหลีใต้เปิดฉากการเจรจาด้านความมั่นคงแล้วในวันนี้ที่กรุงโซล โดยคาดว่าประเด็นอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะเป็นวาระการประชุมหลัก
นายแอนโธนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ และนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ พร้อมด้วยนายชุง อึยยอง รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และนายซู อุก รัฐมนตรีกลาโหม จะออกแถลงการณ์ร่วมต่อสื่อมวลชนหลังจากประชุมเสร็จสิ้น
· ไต้หวันได้ทำการตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca ล็อตแรกเรียบร้อยแล้ว และอาจจะเริ่มฉีดวัคซีนดังกล่าวให้กับประชาชนได้ในวันจันทร์หน้า
ทั้งนี้ ไต้หวันได้รับวัคซีนล็อตแรกจาก AstraZeneca จำนวน 117,000 โดสตั้งแต่ต้นเดือนนี้ แต่ยังไม่ได้เริ่มฉีดให้กับประชาชน
· ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอินเดียเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่าสามเดือน เนื่องจากการแพร่ระบาดระลอกสอง โดยรัฐมหาราษฏระซึ่งเป็นรัฐที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดีย พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาคิดเป็น 2 ใน 3 ของจำนวนครั้งล่าสุดในแต่ละวัน
· สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เผยว่า อัตราว่างงานเดือนก.พ.ลดลงแตะระดับ 5.8% จากระดับ 6.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งช่วยเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และทำให้การจ้างงานกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด
ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 88,700 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 30,000 ตำแหน่ง
· พม่าเผชิญความโดดเดี่ยว โดยรัฐบาลทหารพม่าเริ่มตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสื่อทางหนังสือพิมพ์เพื่อปิดกั้นการสื่อสารระหว่างกลุ่มชุมนุมที่ประท้วงรัฐบาลทหารในขณะที่กองกำลังทหารยังคงมุ่งเน้นไปที่การปราบปรามผู้ชุมนุมที่ไม่เห็นด้วยในย่างกุ้งและเมืองอื่นๆ
· น้ำมันยังยังคงลดลงต่อ จากสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการฟื้นตัวของอุปสงค์ลดลง
ราคาน้ำมันลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยที่ลดลงประมาณ 1% หลังจากข้อมูลสต็อกน้ำมันของสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงของสหรัฐเพิ่มขึ้น ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้โอกาสในการฟื้นตัวของอุปสงค์ลดลง
ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 74 เซนต์ หรือ 1.1% ที่ระดับ 67.26 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากลดลง 0.6% ในเมื่อวานนี้
น้ำมันดิบ WTI ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1% ที่ระดับ 63.95 เหรียญ/บาร์เรล ลดลง 0.3% ในช่วงก่อนหน้า โดยที่น้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิด ลดลงประมาณ 3% ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา