• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2564

    19 มีนาคม 2564 | Gold News


ทองร่วง - ดอลลาร์แข็ง- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯพุ่

·         ทองคำตลาดโลกปิด -0.7% ที่ 1,732.99 เหรียญ หลังทำสูงสุดตั้งแต่ 1 มี.ค. ที่ 1,755.25 เหรียญ


·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด +0.3ที่ 1,732.50 เหรียญ




·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,048.28 ตัน


·         ราคาพลาเดียมดีดขึ้นไปกว่า 7จากแนวโน้มอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางความกังวลด้านอุปทาน ภาพรวมตลาดปิด +3.6ที่ 2,662.17 เหรีญญ หลังไปทำสูงสุดตั้งแต่ก.พ. ปี 2020 ที่ 2,755.18 เหรียญ


·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยืนเหนือ 1.74เป็นครั้งแรกตั้งแต่ ม.ค. ปี 2020 ด้านดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.5%


·         นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดเกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ยค่อนข้างเป็นบวกต่อทอง แต่ในทางกลับกันการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอย่างต่อเนื่องก็จำกัดการปรับขึ้นของทองคำเช่นกัน


·         นักลงทุนบางส่วนมองว่า “ทองคำ” ยังถูกใช้เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี แต่การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลลบต่อราคาทองคำ


·         นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ในทางกลับกัน ทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวได้ดีนัก และมีเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดทองคำไม่สดใส จึงสร้างแรงกดดันขาลงให้แก่ราคาทองคำ ขณะเดียวกันกลุ่มนักลงทุนบางส่วนก็รอที่จะเข้าซื้อทองคำเมี่อราคาอ่อนตัว


·         แพลทินัมปิด +0.4% ที่ 1,218.23 เหรียญ


·         ซิลเวอร์ปิด -0.4ที่ 26.22 เหรียญ

·         จำนวนนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯพุ่ง – กิจกรรมในแถบแอตแลนติตอนกลางปรับขึ้นทำสูงสุดรอบเกือบ 50 ปี

 


การเปิดเผยข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐฯออกมาเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้วอีกกว่า 45,000 ราย รวมเป็น 770,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนที่ 725,000 ราย แต่ภาพรวมตลาดแรงงานยังมีสัญญาณการฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งขึ้นจากโครงการฉีดวัคซีนและการกลับมาเปิดทำการของภาคธุรกิจ

 

ขณะที่ข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯแข็งแกร่ง

ข้อมูลผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเขตฟิลาเดเฟีย ออกมาดีขึ้นแตะ 51.8 จุด ในเดือนมี.ค. ถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เม.ย. ปี 1973 ขณะที่เดือนก่อนหน้าขยายตัวได้เพียง 23.1 จุด



โดยเป็นผลมาจากข้อมูลมาตรวัดยอดคำสั่งซื้อใหม่และการขนส่งในภูมิภาคออกอมาดีขึ้น โดยเฉพาะทางตะวันออกของรัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐนิวเจอร์ซี รวมทั้งรัฐเดลาแวร์

ภาพรวมข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐฯยังสดใส และจะเป็นตัวหนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้ ที่อาจทำให้โตได้มากถึง 7% และอาจเป็นการเติบโตได้แกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 1984 หลังจากที่ปีที่แล้วหดตัวไป -3.5ซึ่งเป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 74 ปี

 

·         “นายเจอโรม โพเวลล์” ประธานเฟดจะมีการกล่าวถ้อยแถลง ณ ที่ประชุมธนาคารระหว่างประเทศในวันจันทร์ ภายใต้หัวข้อนวัตกรรมยุคดิจิทัล

 

พร้อมกันนี้ นายโพเวลล์ มีกำหนดการแถลงการณ์ภายใต้หัวข้อ “การช่วยเหลือสำหรับ  Covid-19 และด้านกฎหมายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” ต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ “ในวันอังคารหน้า” ขณะที่ “วันพุธ” จะกล่าวถ้อยแถลงต่อหน้าคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภา


 

·         ฟิชท์  เรทติ้งส์ ชี้ เฟดมีโอกาสถอนมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงต้นปี 2022 พร้อมกล่าวเตือนถึงความเปราะบางของตลาดเกิดใหม่

 

·         เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯและจีนจะเผชิญหน้ากันครั้งแรกในการเจรจากันภายใต้ทีมบริหารของนายไบเดน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ที่รัฐอลาสกา ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ดิ่งลงในเชิงลึกของสองประเทศ

ซึ่งสหรัฐฯยังคงเดินหน้าตำหนิจีนถึง “ความยิ่งใหญ่” ที่สร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว และการละเมิดระเบียบการประชุม ซึ่งสหรัฐฯต้องการให้จีนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก่อนประชุมตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสองประเทศ

 

·         “แคเธอรีน ไท” ผู้อำนวยการด้านการค้าคนใหม่ของสหรัฐฯ มกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงร่วมกับอังกฤษในสัปดาห์หน้า

 

·         สหรัฐฯ คาดการเจรจากับจีนจะยัง “ค่อนข้างยาก”

 

สมาชิกที่ปรึกษาระดับสูงของทีมบริหารไบเดน ระบุว่า สหรัฐฯจะมีการเจรจาระดับสูงกับจีนเป็นเวลา 2 วันระหว่าง 18-19 มี.ค. ที่รัฐอลาสกาจะยัง “ค่อนข้างยาก” แต่ก็น่าจะยังมีสัญญาณที่จะหาวิธีแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างสองประเทศร่วมกันได้ 

และจะเห็นได้ชัดเจนว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีความแตกต่างอย่างรุนแรงในหลายๆเรื่องมาตั้งแต่ในยุคของทีมบริหารชุดก่อน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นสหรัฐฯและจีนร่วมมือกันได้ในบางประการ อาทิ การแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ ที่สหรัฐฯจะหาแนวทางอย่างจริงจังเพื่อให้สามารถดำเนินการร่วมกับจีนได้อย่างฉันท์มิตร

 

·         สหรัฐฯ ระบุว่า จีนไม่แสวงหาความขัดแย้งเพิ่ม แต่จะเคียงข้างในการร่วมดำเนินงานหลักๆ และเป็นไปอย่างฉันท์มิตร

 

·         แหล่งข่าวเปิดเผยกับ CNBC โดยระบุว่า ทีมบริหารของไบเดน จับตาการจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดต่างๆ “ด้านการเดินทาง” ในช่วงกลางเดือนพ.ค. นี้

 

การผ่อนคลายมาตรการด้านการเดินทาดังกล่าวจะเป็นการเดินทางเพื่อข้ามไปยังพรมแดนเม็กซิโก, แคนาดา และอาจรวมถึงการเดินทางเข้าประเทศจากอังกฤษ, ยุโรป และบราซิลด้วย

 

·         CORONAVIRUS UPDATES:

ล่าสุดพบรายงานยอดติดเชื้อภายในประเทศรายวันยังเพิ่มขึ้น 72 ประเทศทั่วโลก

 




สถานการณ์การระบาดทั่วโลกยอดติดเชื้อล่าสุดทะลุ 122 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพบยอดติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่ม 539,757 ราย ทำให้ยอดรวมสะสมอยู่ที่ 122.35 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตรวมสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 2.7 ล้านราย

ยอดติดเชื้อใหม่รายวันในสหรัฐฯเพิ่ม 60,981 ราย รวมสะสมล่าสุด 30.35 ล้านราย และเสียชีวิตสะสมในประเทศทะลุ 552,000 ราย

ทางด้านบราซิลตามติดเป็นอันดับ 2 พบยอดติดเชื้อสะสมรายวันเพิ่มขึ้นอยู่ 87,169 ราย ทำให้ยอดรวมสะสม 11.78 ล้านราย

อินเดียยอดติดเชื้อสะสมรวมล่าสุด 11.51 ล้านราย


สถานการณ์การระบาดในไทย

ศบค. เผย พบติดโควิดรายใหม่วันนี้ เพิ่มขึ้น 92 ราย เสียชีวิต 1 ราย ทำให้ยอดเสียชีวิตโดยรวมอยู่ที่ 89 รายในขณะนี้ และยอดติดเชื้อสะสม 27,494 ราย

 

3 อันดับที่มียอดติดเชื้อใหม่รายวันสูงสุดของโลก:

1. บราซิล พบยอดติดเชื้อใหม่รายวัน 70,219 ราย ยอดติดเชื้อสะสมรวม 11.78 ล้านราย

2. สหรัฐฯ พบยอดติดเชื้อใหม่รายวัน 55,322 ราย ยอดติดเชื้อสะสมรวม 30.35 ล้านราย

3. อินเดีย พบยอดติดเชื้อใหม่รายวัน 27,006 ราย ยอดติดเชื้อสะสมรวม 11.51 ล้านราย

 

 

·         การฉีดวัคซีน Covid-19 ทั่วโลก พบจำนวนการฉีดมากขึ้นล่าสุด 132 ประเทศ และมีการฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 400.19 ล้านโดส

 

 



·         สหรัฐฯตัดสินใจแบ่งปันวัคซีน Covid-19 จากบริษัท AstraZeneca 4 ล้านโดสให้แก่ประเทศเม็กซิโก และแคนาดา

 

·         เม็กซิโกยังตัดสินใจใช้มาตรการเข้มงวดบริเวณแนวพรมแดนต้าน Covid-19 ขณะที่สหรัฐฯสนับสนุนโครงการฉีดวัคซีนในประเทศ

 

·         อียูเข้มงวดด้านการส่งออกวัคซีน Covid-19 จากความขัดแย้งภายในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น

 

 

·         อังกฤษ เตือน “ระวังผลที่จะตามมา” หากอียูผิดสัญญาตามกฎหมายในเรื่องวัคซีน

 

 

·         องค์การยาของอียู หนุนการใช้งานวัคซีน AstraZeneca หลังตรวจสอบพบข้อมูลด้านความปลอดภัย

 

 

·         เยอรมนี, ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ จะกลับมาใช้วัคซีน Covid-19 ของ AstraZeneca หลังจากได้รับข้อมูลสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่องค์กรยา


 

·         สเปนเดินหน้ากลับมาใช้วัคซีน AstraZeneca วันพุธหน้า

 


·         ฝรั่งเศสเดินหน้า Lockdown “กรุงปารีส” เข้ม หลัง Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ระบาดหนัก

 

 

·         สถานการณ์ Covid-19 ในบราซิลยังรุนแรง ล่าสุดเผชิญกับวิกฤตการขาดแคลนแพทย์และห้อง ICU สำหรับรองรับการระบาดที่เกิดขึ้นเวลานี้

 

·         Reuters คาด บีโอเจเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรใน QE  โดยคาดว่าจะเปิดเผยในการประชุมวันนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤตไวรัสโคโรนามาเป็นเวลานาน ขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

 

·         บีโออีตัดสินใจ “คงนโยบาย” และมีท่าที “ผ่อนคลาย” ตามเฟด

ธนาคารกลางอังกฤษ หรือ บีโออี ตัดสินใจคงระดับดอกเบี้ย 0.1ท่ามกลางสัญญาณการใช้แนวทางนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเช่นเดียวกับเฟด แม้ว่าอนาคตข้างหน้าจะมีโอกาสใช้แนวทางนโยบายคุมเข้มทางการเงิน

นอกจากนี้ บีโออียังคงการเข้าซื้อพันธบัตรรวมมูลค่ากว่า 8.95 แสนล้านปอนด์ (1.2 ล้านล้านเหรียญ) ต่อไป

อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกเวลานี้ เป็นผลหลักมาจากกระแสคาดการณ์ “เรื่องเงินเฟ้อ” และความเป็นไปได้ที่จะเห็นธนาคารกลางต่างๆกลับมาใช้แนวทางคุมเข้มทางการเงินได้เร็วกว่าคาด แต่ก็จะเห็นได้ว่า นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่กล่าวถ้อยแถลงไปเมื่อคืนวันพุธ สะท้อนว่า เฟด “ไม่มีความตั้งใจ” ที่จะขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2023 และล่าสุดทางบีโออีก็ดจะมีแนวทางดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกัน

 

·         GfK รายงาน ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปี ในเดือนมี.ค.

 

·         สหรัฐฯ เตือน บริษัทต่างๆให้ยกเลิกโครงการท่อส่งน้ำมันและแก๊ส Nord Stream 2 ท่ามกลางรายงานที่ว่า “ไบเดน” มีแนวโน้มจะใช้มาตรการคว่ำบาตร

 

·         ทหารพม่ายังเดินหน้าสลายการชุมนุมอย่างเกรี้ยวกราด ส่งผลให้นานาประเทศเดินหน้า “คว่ำบาตร” เพิ่มเติม และล่าสุดมีผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามของเจ้าหน้าที่รวมแล้วไม่น้อยกว่า 224 ราย ขณะที่ประชาชนแนวร่วมการต้านรัฐประหารถูกจับกุมและทรมานไม่น้อยกว่า 2,258 ราย

 

·         นักกฎหมายชาวพม่าที่ถูกขับไล่ จะได้รับการพิจารณาจากศาลอาญาระหว่างประเทศ


 

·         นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.65 - 31.15 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางที่อ่อนค่า ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (Bond yield) ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ช่วงนี้คงต้องติดตามทิศทางของ Bond Yield อย่างต่อเนื่อง เพราะถ้ายังพุ่งต่อก็จะมีผลให้บาทอ่อนค่าได้อีก


 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนก.พ.64 อยู่ที่ระดับ 29.6 ลดลงจากเดือนม.ค.64 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 29.8 เป็นผลจากปัจจัยเรื่องการระบาดของไวรัสโควิดที่พบผู้ติดเชื้อในประเทศจำนวนมาก,ความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองเงินบาทแข็งค่า และสศค.เผยเศรษฐกิจไทยปี 63 หดตัว -6.1% ต่ำสุดตั้งแต่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้

- ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ.64 อยู่ที่ระดับ 85.1 เพิ่มขึ้นจากระดับ 83.5 ในเดือนม.ค.64 โดยค่าดัชนีฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากภาคการผลิตกลับมาขยายตัวตามอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น


·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

- ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่น ก.พ. อยู่ที่ 29.6 ลดลงจากเดือนก่อนที่  29.8 ต่ำสุดในรอบ 26 เดือน แต่ยังหวังจีดีพีปีนี้โตเกิน 3% แนะรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฉีดวัคซีน เปิดประเทศ ช่วยหนุน


·         อ้างอิงจากสำนักข่าวข่าวสดออนไลน์

- นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวในงานสัมมนา วัคซีนเศรษฐกิจ วัคซีนประเทศไทย” โดยน.ส.พ.ประชาชาติธุรกิจ ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวได้ 2.6% สอดคล้องกับที่ไทยประเมินไว้ โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.5-3.5% และกระทรวงการคลังคาดไว้ที่ 2.8%

แต่คลังก็ยังอยากตั้งเป้าหมายแบบทะเยอทะยานที่ 4% ซึ่งต้องดำเนินการผ่านการขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการเปิดประเทศโดยเร็วที่สุด


·         อ้างอิงจากสำนักข่าว THE BANGKOK INSIGHT

- การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หนุนให้บอนด์ยีลด์ไทยปรับตัวสูงขึ้นตาม แม้ว่าสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะยังคงขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไขและมีความไม่แน่นอนสูง

บอนด์ยีลด์ไทยอายุ 5 ปี อายุ 7 ปี อายุ 10 ปี ขยับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1.18% 1.55% และ 1.95% ตามลำดับ ณ วันที่ 16 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับที่เคยเคลื่อนไหวแถว 0.68% 0.73% และ 0.83% ตามลำดับในช่วงก่อนการระบาดไวรัสระลอกแรกในไทย

- ศูนย์การวิจัยสิกรไทย ประเมินว่า ยังน่าจะเห็นแนวโน้มขาขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯและไทยในช่วงที่เหลือของปี 64 โดยคาดว่า บอนด์ยีลด์สหรัฐฯอายุ 10 ปี จะขยับสูงขึ้นไปที่ 1.80% ซึ่งภาะดังกล่าวอาจส่งผลให้บอนด์ยีลด์ืไยอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่องเหนือระดับ 2.00% ในปีนี้


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com