· "Jim Cramer" ชี้ หุ้นมูลค่าวัฎจักรยังน่าเข้าซื้อ หลังจากที่ปรับตัวลงวานนี้
นายจิม เครเมอร์ ผู้สื่อข่าวสายการลงทุนชื่อดังของ CNBC กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มวัฎจักรเมื่อวานนี้ ดูจะเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนควรลดการเข้าซื้อหุ้นเทคโนโลยี และหันมาลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมแทน
ภาพรวม นักลงทุนจำเป็นต้องกระจายความหลากหลายในพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนเลือกลงทุนแต่กลุ่มเทคโนโลยี "คุณก็กำลังก้าวพลาดจากโอกาสครั้งใหญ่" ท่ามกลางหุ้นกลุ่มอื่นที่ตอบรับกับการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ทั้งนี้ นายเครเมอร์ แนะนำหุ้นบริษัท Nucor, Boeing, Union Pacific และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ หลังจากที่ปรับตัวในตลาดซื้อขายวานนี้
· ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังจากที่ 3 ดัชนีหลักปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเวลาการซื้อขายปกติเมื่อวานนี้
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 79 จุด ดัชนี S&P500 ฟิวเจอร์สและดัชนี Nadaq100 ฟิวเจอร์ส เคลื่อนไหวในแดนลบ
โดยเมื่อวันจันทร์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น 103 จุด ดัชนี S&P500 ปรับสูงขึ้น 0.7% และดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 1.23%
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงหลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ หลังจากความกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินเฟ้อที่ลดลงได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในภูมิภาค
เหล่านักลงทุนกำลังรอคอยถ้อยแถลงของ “นายเจอโรม โพเวลล์ประธานเฟด” กับ “นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ” ต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลบริการภาคธนาคารของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
สหรัฐฯและประเทศอื่น ๆ รวมถึงอียูได้คว่ำบาตรจีน โทษฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนอุยกูร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ดัชนี EUROSTOXX 50 futures -0.42%
ดัชนี FTSE futures -0.61%
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น -0.76% เป็นผลมาจากการร่วงลงของดัชนีกลุ่ม blue chips -1.42%
ทั้งนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ ING Wholesale Banking กล่าวว่า แรงกดดันจากการเมืองระหว่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อตลาดสินทรัพย์
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ก่อนจะปิดปรับตัวลดลง ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน เนื่องจากเหล่านักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีปรับตัสูงขึ้นได้ในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ความผันผวนเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯก็กดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเช่นเดียวกัน
ดัชนี Nikkei ปิด -0.61% ที่ระดับ 28,995.92 จุด ด้านดัชนี Topix ปิด -0.94% ที่ระดับ 1,971.48 จุด
หัวหน้านักกลยุทธ์ประจำ Sumitomo Mitsui DS Asset Management กล่าวว่า การลดลงในช่วงบ่ายเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การลดลงของหุ้นจีนและดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนปรับตัวลงเมื่อวานนี้ แต่ยังทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรรอบมากกว่า 1 ปี ท่ามกลางเหล่านักลงทุนคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เร็วขึ้นและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
· หุ้นบริษัท Baidu เพิ่มขึ้นกว่า 200% ในปีที่แล้ว - บรรดานักวิเคราะห์ยังมองว่าน่าจะขึ้นได้ต่อจากการเพิ่มเม็ดเงินทุนเข้าสู่กระดานซื้อขายตลาดฮ่องกงกว่า 3.1 พันล้านเหรียญ
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวลดลง ท่ามกลางมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกต่อจีนจึงกดดันความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงและความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายที่ยังคงส่งผลกระทบต่อตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี blue-chip CSI300 ปิด -1% ที่ระดับ 5,009.25 จุด และดัชนี Shanghai Composite ปิด -0.9% ที่ระดับ 3,411.51 จุด
· หุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลงต่อเนื่อง 3 วันทำการ เหตุตลาดกังวล
- ความผันผวนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
- นักลงทุนรอฟังถ้อยแถลงของ "ประธานเฟด" - "รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ"
ขณะที่ค่าเงินบอนด์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯมีการเคลื่อนไหวอ่อนตัวลงบ้าง
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในระลอกที่ 3 จึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 -0.5% ด้านหุ้นกลุ่มยานยนต์ร่วงลง 1.6% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ครม.ไฟเขียวโครงการทัวร์เที่ยวไทย-ปรับปรุงเงื่อนไขเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ได้แก่ โครงการทัวร์เที่ยวไทย วงเงิน 5 พันล้านบาท จำนวน 1 ล้านสิทธิ และ โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟสที่ 3 โดยขยายสิทธิเพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ พร้อมทั้งปรับเงื่อนไขให้มีวงเงิน e-Voucher ราคาเดียวคือ 600 บาท จากเดิมกำหนด 2 อัตรา คือ วันธรรมดา 900 บาท วันหยุด 600 บาท และให้ใช้เฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดเท่านั้น นอกจากนี้ ทั้ง 2 โครงการได้เพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบเพื่อการป้องกันการทุจริต โดยมีระยะเวลาโครงการตั้งแต่เดือน พ.ค.-ส.ค.64
อ้างอิงจากสำนักข่าว กสิกรไทย
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มี.ค.นี้ กนง. จะพิจารณาคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% หลังภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อดูแลผลกระทบจากโควิดระลอกใหม่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสองในประเทศไทยเริ่มบรรเทาลง ขณะที่วัคซีนโควิด-19 ได้ทยอยเข้ามาตามแผนการจัดหาวัคซีนของไทย ในขณะที่ ทางการคงติดตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังมีมาตรการทางการคลังที่ออกมาเพิ่มเติม เช่น โครงการคนละครึ่งเฟส 2 โครงการเราชนะ และโครงการเรารักกัน ตลอดจนมาตรการทางการเงินที่ออกมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ การลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ การลดค่างวดผ่อนชำระ รวมถึงล่าสุดการปรับเกณฑ์ลดอัตราดอกเบี้ยผิดสัญญาเงินกู้-ผิดนัดชำระหนี้