• จีดีพีสหรัฐฯมีแนวโน้มรุดหน้า"จีน" ในปีนี้ แต่ต้องจับตาภาคที่อยู่อาศัย-รถยนต์ที่อ่อนแอ

    24 มีนาคม 2564 | Economic News
   

จีดีพีสหรัฐฯมีแนวโน้มรุดหน้า "จีน" ในปีนี้ แต่ต้องจับตาภาคที่อยู่อาศัย-รถยนต์ที่อ่อนแอ

 

สถาบัน ICIS ระบุว่า รายงานคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯในปี 2021 มีการปรับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของเฟดกำลังมีมุมมองเชิงบวกครั้งใหญ่ ต่อโอกาสการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ จากโครงการฉีดวัคซีนที่เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว และการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 1.9 ล้านล้านเหรียญผ่านระบบเศรษฐกิจ

 

เฟดเผยคาดการณ์เศรษฐกิจในช่วงกลางเดือนมี.ค. ปีนี้ โดยคาดว่าอาจเห็นจีดีพีขยายตัวได้มากถึง 6.5% จาก 4.2% (คาดการณ์เดิมในเดือนธ.ค.) ร่วมกับการเดินหน้าเข้าซื้อพันธบัตรต่อเดือนละ 1.2 แสนล้านเหรียญ

 

นับว่าเป็น "โอกาสแท้จริง" ที่จะเห็นจีดีพีสหรัฐฯเติบโตแซงหน้าเศรษฐกิจจีนที่ตั้งกรอบเป้าหมายไว้ที่ 6% ในปี 2021 นี้

 

ขณะเดียวกันก็เกิดกระแสความกังวลทางด้านเงินเฟ้อ จากหลักฐานที่เห็นได้ชัดของ "อัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาล 10 ปี" ที่ในเดือนส.ค.ปีที่แล้วอยู่แถว 0.5% ทะยานขึ้นมาเหนือ 1.6% ในปีนี้ และสร้างความผันผวนไปทั่วตลาดการเงินต่างๆ

 

สำหรับคาดการณ์เฟดที่จะยัง "คงดอกเบี้ยระดับต่ำ" จนถึงปี 2023

ผลสำรวจจาก NABE มองว่า มีโอกาสเห็นเฟดเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ยได้ในช่วงปี 2022 จากความเสี่ยงทางด้านเงินเฟ้อที่เป็นปัจจัยหลัก

 

สภาพอากาศหนาวจัดที่ผ่านมาในช่วงเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ก็ดูจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง แต่ราคาในกลุ่มสินค้าด้านวัตถุดิบ อาทิ น้ำมันดิบทองแดง และไม้ ก็ดูจะปรับขึ้นต่อเนื่อง "ยิ่งตอกย้ำโอกาสเงินเฟ้อสูงขึ้น"

 

ส่วนหนึ่งจากเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นผลจาก การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง หลังล่าสุดผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญตามแผนไบเดน ขณะที่ช่วงปลายปีที่แล้ว นายทรัมป์ อำลาตำแหน่งประธานธิบดีสหรัฐฯ ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงิน 9 แสนล้านเหรียญ  ขณะที่ปีนี้มีแววจะเห็นการใช้มาตรการต่อเนื่องต่ออีกกว่า 3 ล้านล้านเหรียญที่อาจเกิดเป็น "2 ฉบับแยก" สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการด้านสังคม

 

การผ่านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นได้แม้จะได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคตรงข้ามน้อยในสภาคองเกรส และสภาวะทางการเมืองในสหรัฐฯเวลานี้ก็บ่งชี้ได้ว่า ข้อตกลงโครงสร้างพื้นฐาน มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นได้มากกว่าโครงการต่างๆเพื่อสังคม

 

อย่างไรก็ดี หากแผนโครงสร้างพื้นฐานสามารถประกาศใช้ได้จริงภายใต้วงเงิน 2 ล้านล้านเหรียญ ตามที่นายไบเดนได้เคยหาเสียงไว้ ก็จะหมายรวมถึงการลงทุนในภาคการขนส่งเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มยานยนต์ รวมไปถึงภาคที่อยู่อาศัย และการก่อสร้าง ที่มีความเป็ฯไปได้ที่อาจเตรียมการเพื่อหนุนอุปสงค์ทางด้านยารักษาโรคด้วย  *ดังนั้น แนวโน้มจีดีพีในปี 2021 และ 2022 อาจเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง*

 

โครงการฉีดวัคซีน "ช่วยเพิ่ม" คาดการณ์ทางเศรษฐกิจ

สถาบันจัดอันดับ Moody's Investor Service มีการเปลี่ยนแปลงมุมองด้านอุตสาหกรรมทางการแพทย์ทั่วโลกเป็น "เชิงบวก" จากเดิมที่คาดว่าอยู่ในระดับ "ทรงตัว" อันเนื่องจากโครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ที่มาช่วยแก้ไขปัญหา และเพิ่มอุปสงค์ต่างๆ รวมทั้งผลประกอบการได้ก่อนที่ จะเกิดการขึ้นภาษีดอกเบี้ย หรืการดำเนินการอื่นๆ

 

Moody's คาดการณ์จีดีพีจีนปีนี้ที่อาจโตได้ 7.5% ขณะที่สหรัฐฯอาจโตได้ 4.7% และยูโรโซนอยู่ราว 3.7% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ว่าสหรัฐฯจะสามารถโตได้ 6.5%

 

นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน คาดการณ์ว่า จีดีพีสหรัฐฯในปี 2021  นั้นมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดปรับขึ้นมาที่ 5.7% จากคาดการณ์เดิมในเดือนก.พ. ที่อยู่บริเวณ 4.9% (เดิมม.ค. คาด 4.2% และ ธ.ค. คาดไว้ที่ 4.0%)

 

 

ข้อมูลภาคที่อยู่อาศัยและยานยนต์ยังคงผันผวน

 

2 ปัจจัยสำคัญที่ยังเป็นสภาวะขาลงและตลาดจับตามองคือ

1) ที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ

2) กลุ่มยนตรกรรม-ยานยนต์ของสหรัฐฯ

ซึ่งทั้งสองตัวนี้หลังจากที่ปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งมาเป็นระยะเวลาหลายเดืนอ ล่าสุดก็ดูจะย้อนกลับมาปรับลง จากอุปสงค์ทางการแพทย์ที่ฟื้นตัวได้

 

ข้อมูลการเริ่มต้นก่อสร้างบ้านในเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ ออกมา -10.3% (ภาพรายปีหดตัวลงมาที่ 1.42 ล้านนยูนิต หลังเดือนม.ค. ปรับลงมา -5.1%)

 

 

สำหรับข้อมูลยอดขายรถจักรยานยนตร์ ปรับลง -5.7% ที่ระดับ 15.7 ล้านคัน ลดลงราว 6.6% จากช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจาการขาดแคลนอุปกรณ์ชิปที่ใช้ในการผลิต

 

ที่มา: ICIS

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com