MTS Help Center

· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทำสูงสุดในรอบ 4 เดือน เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร จากมุมมองการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่แตกต่าง

ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯ ยังคงแซงหน้ายุโรป และการขยายมาตรการล็อคดาวน์ที่ยาวนานขึ้น รวมถึงการเปิดตัววัคซีนที่ล่าช้า

ค่าเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ Safe-haven ยังคงแข็งค่า 2 วันต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาระลอกสามในยุโรปและการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้เกิดความกังวลของอัตราเงินเฟ้อ

แม้ว่าเยอรมันจะใช้มาตรการล็อคดาวน์ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ แต่ก็ดูเหมือนจะสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาได้เล็กน้อยในการฟื้นตัวเศรษฐกิจของภูมิภาค จึงช่วยชดเชยความไม่พอใจของหลายประเทศที่มีต่อการรับมือกับการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ของนาง อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี

ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและตลาดต่างๆจาก National Australia Bank ระบุว่า "จุดอ่อนในยุโรป"ยังคงมีอยู่จากโครงการฉีดวัคซีนและเพิ่มขึ้นของจำนวนยอดผู้ติดเชื้อใหม่ ประกอบกับมาตรการเข้มงวดเพิ่มขึ้ง ทั้งหมดนี้ จึงมีแนวโน้มจะสะท้อนถึงการจะเห็นจีดีพียูโรโซนในช่วงไตรมาสที่ 2 เติบโตได้อย่างรวดเร็วนั้นอาจไม่เกิดขึ้นได้

ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำในรอบ 4 เดือนแถวบริเวณ 1.1809 เหรียญ ในช่วงต้นของเอเชีย ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัวแต่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 92.617 จุด ในเมื่อคืนนี้

ค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.1% หรือที่ 108.835 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนและค่าเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงิน safe haven รวมกันสะสมพลังอยู่ในระดับต่ำกว่าบริเวณ 109 จุด

ค่าเงินออสเตรเลีย ถูกพิจารณาให้เป็นสินทรัพย์สกุลเงินเสี่ยง โดยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 0.2% หลังจากอ่อนค่าในช่วงต้นที่ 0.7579 ดอลลาร์/ออสเตรเลีย โดยทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.

แม้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในยุโรปจะขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็ช่วยให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการล็อคดาวน์รอบใหม่ของหลายประเทศในยุโรป แสดงให้เห็นว่าผลประกอบการอาจจะไม่เท่าเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

นักกลยุทธ์ของ Commonwealth เผยว่า ความกังวลได้ขยายวงกว้างขึ้น เนื่องจากแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาระลอกที่สาม เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในอังกฤษ และการที่ยุโรปจะพยายามกลับมาเปิดเศรษฐกิจใหม่ จะส่งผลกระทบให้เกิดความแตกต่างระหว่างมุมมองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐฯ และอาจกดดันค่าเงินยูโรให้อ่อนค่า

ทั้งนี้ ค่าเงินสกุลดิจิทัล bitcoin ยังคงแกว่งตัวในแนวกว้าง โดยหลุดระดับลงมาที่ 52,000 เหรียญอีกครั้งในช่วงต้นตลาดเอเชียก่อนที่จะดีดกลับมาบริเวณที่ 52,667 เหรียญหลังจากที่ทำทะลุเหนือ 57,000 เหรียญในเมื่อคืน และ โทเค็นพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 61,781.83 เหรียญ

· Westpac คาด ดัชนีดอลลาร์มีโอกาสกลับทดสอบ 93 จุด แม้เฟดจะยังคงแนวทางผ่อนคลายทางการเงินต่อไป โดยจะมีปัจจัยหนุนจาก

1) การกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจ Reopening

2) โครงการฉีดวัคซีน

3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ภาพรวมดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 91 - 93 จุดในสัปดาห์หน้า

· Forex Today: ดอลลาร์แข็งค่า - ตลาดจับตา "การฉีดวัคซีน", "การขวางคลองสุเอซ" และ "จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ

ตลาดต่างๆดูจะกำลังมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากที่ปรับลงวานนี้ ขณะที่ดอลลาร์อ่อนตัวกลับลงมาเล็กน้อย ท่ามกลางสัญญาณเชิงบวกของ "อียู-อังฤษ" ในการแก้ไขปัญหาคำสั่งระงับขนส่งวัคซีนภายใต้การเร่งโครงการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ ตลาดยังรอคอย

- อุปสรรคการค้าโลก หลังเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ของ Ever Given ขวางคลองสุเอซ ของประเทศอียิปต์

- รายละเอียดแผนโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ

- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ

- จีดีพี Q4/20 ในขั้นสุดท้าย

ดอลลาร์อ่อนค่า:

ดอลลาร์ชะลอการปรับแข็งค่า ขณะที่ยูโรทรงตัวได้เหนือ 1.18 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านปอนด์ ชะลอการหลุดต่ำลงมาและเคลื่อนไหวในกรอบสะสมพลังแนว 1.37 ดอลลาร์/ปอนด์

นายเจโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวย้ำถึงการที่ "เงินเฟ้อ" ม๊โอกาสปรับขึ้นได้ชั่วคราว ด้านอัตราผลตอบแทนปรับลงมาทดสอบแถว 1.60%

การขึ้นภาษี:

นายโจ แมนชิน สมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตสหรัฐฯ แสดงท่าทีสนับสนุน "แผนค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน" ร่วมกับ "แผนขึ้นภาษี" ที่อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดการเงินได้ แต่ตลาดต่างๆก็ยังมีความเป็นกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของอัตราผลตอแทนพันธบัตร ในขณะที่นายไบเดน อาจเผยแผนได้เร็วสุดสิ้นเดือนนี้

จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปรับลงในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.นี้

ด้าน Final GDP Q4/2020 ถูกคาดว่าจะโตได้ราว 4.1%

Bitcoin ซื้อขายแนว 53,000 เหรียญ และมีเสถียรภาพมากขึ้นมากกว่าช่วงต้นเดือน

· AstraZeneca ชี้ วัคซีน Covid-19 ของบริษัทมีประสิทธิภาพ 76% จากผลการวิเคราะห์รอบใหม่ ในการยื่นขออนุมัติกับทางสหรัฐฯ

· Sky News รายงานว่า อียูมีการหารือสนับสนุนอุปทานวัคซีน หลังจากทีต้องการใช้กลยุทธ์ Win-Win กับทางอังกฤษ

· ประชากรเกินกว่าครึ่งประเทศจำนวน 9.3 ล้านคนในอิสราเอลได้รับวัคซีน Covid-19 หนุนให้ประเทศเตรียมการเปิดทำการได้

· นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผย อังกฤษอาจเพิ่มฝรั่งเศสเข้าสู่ "Red List" การเดินทางจากกรณีพบ "สายพันธุ์ใหม่"

· ยอดติดเชื้อใหม่ในเยอรมนีปรับขึ้นทำสูงสุดตั้งแต่มี.ค. โดยวันนี้พบยอดติดเชื้อใหม่รายวันมากถึง 22,657 ราย ส่งผลให้ยอดรวมสุสมแตะ 2.713 ล้านราย มากสุดตั้งแต่ 9 ม.ค. ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลเยอรมนีที่ต้องการสกัดการระบาดระลอกใหม่ (Third Wave)

· ฮังการีเสี่ยงเลื่อนเปิดทำการสถานศึกษา 7 เม.ย. ออกไปจากยอดติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น

· อินเดียพบยอดติดเชื้อใหม่รายวัน Covid-19 เพิ่มสูงขึ้นมากสุดรอบ 5 เดือน

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอินเดียล่าสุดเมื่อวานนี้พบยอดติดเชื้อมากถึง 53,476 ราย เป็นระดับการติดเชื้อที่สูงสุดตั้งแต่ 23 ต.ค. ทำให้ยอดรวมสะสมล่าสุดแตะ 11.8 ล้านราย ยังคงเป็นระดับสะสมมากสุดรอบจากสหรัฐฯและบราซิล ขณะที่ยอดเสียชีวิตใหม่เพิ่มขึ้น 251 ราย รวมสะสม 160,692 ราย

· Fitch Ratings ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีโลก หลังสหรัฐฯประกาศใช้กฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดจีดีพีโลกจะโตได้ 6.1% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 5.3% ที่เคยประเมินไว้ในเดือนธ.ค. ปี 2020

· Fitch ปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีอินเดียโตที่ 12.8% (ครั้งก่อนประเมินไว้ 11%)

· สหรัฐฯ เผยว่า การส่งเสริมความร่วมมือด้านผลิตชิปกับไต้หวันถือเป็นเรื่องสำคัญ

เจ้าหน้าที่ทางการทูตของสหรัฐฯ เผยว่า สหรัฐฯ และไต้หวัน ถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญในด้านผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์และการส่งเสริมความร่วมมือนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสถาบันอเมริกันในไต้หวัน (AIT) มองว่า การเพิ่มโรงไฟฟ้าด้านเทคโนโลยีที่มากขึ้นและการปกครองระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกให้ออกห่างจากจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึง บริษัทเทคโนโลยีและชิป

· ไต้หวันเริ่มผลิตขีปนาวุธพิสัยไกลจำนวนมาก และกำลังพัฒนารุ่นอื่นๆ อีกสามแบบ แต่อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถในการพัฒนาขีปนาวุธในไต้หวันยังน้อยมาก ท่ามกลางความกดดันของจีนที่เพิ่มมากขึ้น

· เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธในยุค "ไบเดน" และญี่ปุ่นเตรียมเปิดแข่งกีฬาโอลิมปิก จุดประกายความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น

· Ever Given เรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่สุดในโลก เกยตื้นกีดขวางเส้นทางสัญจรคลองสุเอซ

เรือ Ever Given ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้เกยตื้นกีดขวางเส้นทางสัญจรในคลองสุเอซของอียิปต์ ส่งผลให้การขนส่งสินค้าทางทะเลทั่วโลกต้องหยุดชะงัก

ทั้งนี้ เรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สัญชาติปานามาลำดังกล่าว ซึ่งขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียและยุโรป ได้เกยตื้นอยู่ในคลองสุเอซมา ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน การจะนำเรือดังกล่าวออกจากพื้นที่ต้องใช้เรือลากเป็นจำนวนหลายลำ ขณะที่สภาพอากาศยังคงแปรปรวนรุนแรง จึงอาจทำให้กระบวนการนำเรือออกจากคลองดังกล่าว "ใช้เวลานานหลายวัน"

อย่างไรก็ดี ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดซึ่งทำให้เรือ Ever Given เกยตื้นขวางกลางคลองสุเอซ ทางด้าน GAC บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ระดับโลกชี้แจงว่า เรือ Ever Given อาจเกิดปัญหาไฟฟ้าดับขณะมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ

· น้ำมันลดลง จากความกังวลด้านอุปสงค์ หลังเรือขนส่งรายใหญ่เกยตื้นขวางเส้นทางคลองซุเอส

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงมากกว่า 2% เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์จากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทำให้เกิดความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมัน แม้ว่าเรือลากจูงจะพยายามเคลื่อนย้ายเรือคอนเทนเนอร์ที่เกยตื้นที่ขวางเรือบรรทุกน้ำมันดิบในคลองสุเอซแล้วก็ตาม

โดยน้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 1.33 เหรียญ หรือ 2.1% ที่ระดับ 63.08 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากกระโดดขึ้นไป 6% ในเมื่อคืนนี้

น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 1.40 เหรียญ หรือ 2.3% ที่ระดับ 59.78 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากปรับขึ้นไป 6% ในเมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ ราคาที่ร่วงลงในช่วงต้นสัปดาห์มาจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดที่เพิ่มมากขึ้นในยุโรปและความล่าช้าของวัคซีนที่ขัดขวางการของความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิง

ทีี่มา : CNBC, Reuters, Livemint Sky News