MTS Help Center

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกจาก  Economist Intelligent  Unit กล่าวว่า สหรัฐฯยังมีแนวโน้มจะร่ำรวยกว่าจีนในอีก 50 ปีจากนี้หรือนานกว่านั้น จึงค่อนข้างใช้เวลานานหากเอเชียจะพลิกมาเหนือสหรัฐฯ เพื่อเป็นประเทศมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ดังนั้น จึงยังไม่มีแนวโน้มที่จีนจะมีจีดีพีที่เหนือกว่าสหรัฐฯได้ 

นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของนายไบเดน ที่บ่งชี้ว่า ในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็จะไม่ยอมให้จีนสามารถแซงหน้า และกลายเป็นผู้นำโลกได้

 

ทั้งหมดนี้ เมื่อนำพิจารณาจะเห็นได้ว่า การแข่งขันกับจีนมีสูง และจีนก็ดูจะสนใจกับเป้าหมายทั้งหมดมากกว่าคำนึงถึงประชาชนในประเทศ  โดยเฉพาะในการปั้นทุกอย่างให้ดีเพื่อกลายมาเป็นผู้นำหรือประเทศที่ร่ำรวยของโลก และในมุมมองของนักวิเคราะห์ท่านดังกล่าว ก็ดูจะสะท้อนว่ายังไม่น่าจะเห็นจีนทำให้เกิดขึ้นจริงแบบนั้นได้

 

สหรัฐฯ-จีนน่าจะสูสีกันได้ในบางช่วง  ด้วยความเป็นชาติมหาอำนาจอย่างมากของทั้งคู่ในเวทีระดับโลก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ

 

ดังนั้น ประเด็นนี้จึงทำให้เป็น "เรื่องยาก" หากเอเชียจะคว่ำสหรัฐฯลงได้ แม้ว่าจะเข้าสู่ปี 2030 แต่ภาพรวมการท้าชนก็จะเกิดขึ้นอย่างสูสีกันในบางครั้ง

 

อย่างไรก็ดี  จีนมีการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและในทางการเมืองในภูมิภาค ซึ่งตั้งแต่ที่ยุคนายทรัมป์ดำรงตำแหน่ง ก็จะเห็นได้ถึงความพยายามลดท่าทีคุกคามนั้น

 

จีนเป็นประเทศเศรษฐกิจมหาอำนาจขนาดใหญ่ของโลก

 

เศรษฐกิจจีนโดยปกติมีค่าเงินในหน่วยเทียบเป็นดอลลาร์ มีกระแสคาดการณ์ว่าจีนนั้นจะสามารถแซงหน้าสหรัฐฯได้ราวช่วงปี 2032  และกลายมายิ่งใหญ่แทนที่ แต่บางคาดการณ์ก็ดูจะเห็นโอกาสเลื่อนถอยไปราวปี 2034 แทนจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

 

ถึงแม้จีนจะมีการเติบโตได้ดีขึ้นหลังจากที่เผชิญวิกฤตทางเศรษฐกิจจากพิษของไวรัสโคโรนาแต่ก็เป็นเพียงประเทศเดียวที่มีจีดีโตขึ้นได้ โดยโตได้ที่ 2.3% ขณะที่สหรัฐฯ หดตัวไปที่ -3.5% ในปี 2020 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

นักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America Global Research ระบุว่า เศรษฐกิจจีนก็อาจโตได้เหนือกว่าสหรัฐฯช่วงปี 2027 - 2028 แต่สหรัฐฯจะโตได้น้อยกว่าสหรัฐฯเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ท่ามกลางประชากรในจีนที่เยอะกว่า ดังนั้น การประเมินสถานการณ์ทั้งหมดนี้ จึงไม่ได้มีผลแค่กับดอลลาร์ และจีดีพี ทำให้ภาพรวมการที่จีนจะรุดหน้าแซงสหรัฐฯได้นั้น "ยังอีกไกล"

 

ที่มา: CNBC