· ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวผสมผสานกัน หลังจากที่ดัชนีดาวโจส์ปิดทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส +65 จุด
ดัชนี S&P 500 futures เคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว
ดัชนี Nasdaq 100 futures เคลื่อนไหวในแดนลบ
· ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสาน เนื่องจากเหล่านักลงทุนทั่วโลกคลายความกังวลเกี่ยวกับการที่เฮดจ์ฟันด์สหรัฐฯผิดนัดชำระ Margin Call อันเนื่องจากการถูกบังคับปิดสถานะ ขณะที่ความกังวลที่เกิดขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับเงินเฟ้อทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น
ดัชนี Hang Seng เพิ่มขึ้น 0.36% ที่ระดับ 28,440 จุด
ดัชนี CSI300 เพิ่มขึ้น 0.18%
ดัชนี S&P/ASX200 ลดลง 0.4%
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 10.08%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากหุ้นที่ไม่ได้รับเงินปันผล ขณะที่ดัชนี Nikkei ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเหล่านักลงทุนเข้าซื้อหุ้นคืน หลังจากที่มีผลการดำเนินงานต่ำกว่าดัชนี Topix ท่ามกลางการตัดสินใจของบีโอเจที่ตัดสินใจซื้อกองทุน ETF ที่เกี่ยวพันกับดัชนี Topix เท่านั้น
ดัชนี Topix ปิด -0.78% ที่ระดับ 1,977.86 จุด
ดัชนี Nikkei ปิด +0.16% ที่ระดับ 29,432.70 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 1% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มสุขภาพ เนื่องจากเหล่านักลงทุนได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการภาคบริษัทที่ออกมาดีขึ้น
ดัชนี blue-chip CSI300 ปิด +1.0% ที่ระดับ 5,094.73 จุด
ดัชนี Shanghai Composite ปิด +0.6% ที่ระดับ 3,456.68 จุด
· ตลาดพันธบัตรจีนมีเม็ดเงินนับพันล้านไหลเข้า หลังจากมีการเข้าร่วมกระดานซื้อขายดัชนี FTSE
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการดัชนี FTSE Russell มีการอนุมัติขั้นสุดท้ายวานนี้ ในการควบรวมพันธบัตรรัฐบาลจีน หรือพันธบัตรเรือธงเข้าสู่กระดานซื้อขายที่จะเริ่มต้นได้ใน "ช่วงปลายปีนี้" ส่งผลให้มีเม็ดเงินมูลค่านับพันล้านเหรียญไหลเข้าสู่ประเทศจีนเพิ่มขึ้น
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.5% นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่พุ่งขึ้น 1.6% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในบวก
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกดูเหมือนจะมีเสถียรภาพหลังจากความวิตกกังวลของตลาดในสหรัฐฯซึ่งบดบังความเชื่อมั่นของตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ตลาดหุ้นไทยปิดเช้าบวก 8.92 จุด ทะลุด่าน 1,584 รับแรงหนุนหุ้นได้ประโยชน์ศก.ฟื้นตัว
ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,592.81 จุด เพิ่มขึ้น 8.92 จุด (+0.56%) มูลค่าการซื้อขายราว 63,322 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,593.06 จุด และระดับต่ำสุด 1,585.65 จุด
- เงินบาท: เปิด 31.20/24 แนวโน้มอ่อนค่าหลังบอนด์ยีลด์สหรัฐเพิ่ม กรอบวันนี้ 31.15-31.25
เช้านี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเมื่อเย็นวาน และคาดว่าเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางอ่อนค่าได้ต่อ จาก ปัจจัยเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ที่ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นสำคัญ
- ธปท.ชี้ "แบงก์-นอนแบงก์" แห่ขออนุญาตปล่อยสินเชื่อบุคคลดิจิทัลคึกคัก ล่าสุดไฟเขียว 2 ราย แย้มอยู่ระหว่าง พิจารณาอีกหลายราย หวังช่วยประชาชนเข้าถึงสินเชื่อ ลดพึ่งพาหนี้นอกระบบ ด้านกรุงศรีฯ จ่อยื่นขอไลเซ่นส์ แนวโน้มธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง
- สทท.จี้รัฐเพิ่ม "กรุงเทพฯ" นำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว เริ่ม 1 ต.ค.นี้ เสริมทัพเมืองท่องเที่ยวหลัก 6 พื้นที่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สมุย พัทยา เชียงใหม่ ดันยอดเพิ่มอีก 3 ล้านคน ใกล้เคียงเป้ารวมปีนี้ 6.5 ล้านคน
- นายกฯ สั่งตามวิกฤติคลองสุเอซใกล้ชิด ห่วงผลกระทบนำเข้า-ส่งออกสินค้า ชี้ปัญหาคลี่คลายเร็วทำผลกระทบน้อย ด้านสรท.ลุ้นเปิดทางเรือ 300 ลำเข้าคิว ผ่านคลอง ผวาสินค้าไทยถึงปลายทางล่าช้า ด้านพาณิชย์แนะเอกชนติดต่อผู้นำเข้า-ชิปเปอร์วางแผนรับขนส่งช้าสินค้าตกค้าง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- FETCO จ่อเพิ่มเป้า SET ทะลุ 1,600 จุด เชื่อมั่นฟื้น-วัคซีนหนุน
"สภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO)" เล็งเพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ จากเดิม 1,600 จุด หลังแผนจัดการวัคซีนโควิด-19 ดีกว่าคาด หนุนท่องเที่ยวฟื้น ด้าน 5 โบรกฯ แห่เพิ่มเป้าดัชนีปีนี้เป็น 1,605 - 1,646 จุด รับสภาพคล่องล้นระบบ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ
- “กสิกรฯ” ชี้เทรนด์ดอลลาร์แข็ง กดเงินบาทอ่อนค่าลง
แบงก์กสิกรไทย เผยเงินบาทอ่อนค่าลงที่ 31.18/31.28 บาท/ดอลลาร์ โดยมีแนวรับที่ 31.10 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 31.35 บาท หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และ ความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนช่วยชดเชยความกังวลในตลาดหุ้นจากความเสี่ยงผลกระทบจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ “อาร์เคกอส แคปิตัล” ผิดนัดชำระหนี้ในการวางหลักประกันเพิ่ม โดยการผิดนัดชำระหนี้ของกองทุนนี้อาจส่งผลให้ธนาคารขนาดใหญ่บางแห่งเผชิญกับการขาดทุน
ส่วนยูโรได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ฝรั่งเศสกับเยอรมนีอาจจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปในระยะสั้น