· มุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ "เชิงบวก" หนุนดอลลาร์พุ่งทำสูงสุดรอบกว่า 1 ปีเทียบเยน
ค่าเงินดอลลาร์ทำแข็งค่าใหม่ในรอบ 1 ปีเทียบเงินเยน และมีการเคลื่อนไหวใกล้กับระดับสูงสุดรอบหลายเดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ขณะที่นักลงทุนตอบรับกับมุมมองเชิงบวกทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะเป็นตัวนำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวตาม อันเนื่องจาก 2 เหตุผลสำคัญ
1) การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
2) โครงการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น
ดัชนีดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวได้เหนือระดับ 93 จุด โดยเมื่อคืนนี้ไปทำสูงสุดที่ 93.357 จุด โดยดัชนีดอลลาร์สามารถไต่ระดับจาก 90 จุด ในช่วงเริ่มต้นเดือนมี.ค. เรียกได้ว่า มี.ค. เป็นเดือนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2016
ค่าเงินเยนอ่อนค่ามากสุดรอบกว่า 1 ปี บริเวณ 110.48 เยน/ดอลลาร์ ในช่วงต้นตลาดวันนี้
ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่ามากสุดรอบเกือบ 5 เดือนที่ระดับ 1.1711 ดอลลาร์/ยูโร
นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯที่รุดหน้าจะเป็นอานิสงส์หนุนดอลลาร์ในระยะสั้นๆ ขณะที่ค่าเงินเยนถูกขับเคลื่อนโดย "การแข็งค่าของดอลลาร์" จึงมีโอกาส เห็นค่าเงินเยนแข็งค่าไปได้มากถึง 113 เยน/ดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับอานิสงส์จาก "การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ" โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับขึ้นทำสูงสุดรอบ 1 ปีบริเวณ 1.776% เมื่อคืนนี้
นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคืนวันศุกร์ (2 เม.ย.) นี้ เวลา 19.30น.
- การจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ (NFP)
- อัตราว่างงาน
ขณะที่บรรดาสมาชิกเฟด ระบุว่า ยังคงขาดแรงหนุนต่อเนื่อง จึงยังคงท่าทีรักษาดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป เพื่อหนุนแนวโน้มการเติบโต และไม่กังวลเรื่องเงินเฟ้อ
ข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯในเดือนมี.ค. ออกมาทำสูงสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยได้รับแรงหนุนหลักจาก "มุมมองการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว" ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จากสถานการณ์ไวรัสในประเทศที่ดีขึ้น รวมทั้งการเกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาณ์ปรัแบข็งค่าขึ้นมาที่ 0.7608 เมื่อเทียบดอลลาร์ แต่ภาพรวมเป็นลักษณะเคลื่อนไหว "สะสมพลัง" หลังดัชนีร่วงลงไปแตะ 0.7564 ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดของปีนี้
ค่าเงินหยวนมีระดับการซื้อขายบริเวณ 6.57 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากช่วง 2 วันแรกของสัปดาห์นี้อ่อนค่าไปมากสุดนับตั้งแต่พ.ย. ที่ระดับ 6.5838 หยวน/ดอลลาร์
· Bitcoin ซื้อขายต่ำกว่า 59,000 เหรียญ แม้ PayPal จะเปิดตัวบริการหนุนค่าเงิน Crypto ในการชำระเงิน
Bitcoin มีระดับการซื้อขายต่ำกว่า 59,000 เหรียญ แต่ภาพรวมก็ดูมีความพยายามที่จะกลับขึ้นไปหาสูงสุดเดิมเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนมี.ค.นี้บริเวณ 61,781.83 เหรียญ
PayPal Holdings ระบุถึงการเปิดตัว "Checkout with Crypto" ที่จะเป็นบริการที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานในสหรัฐฯ สามารถนำ Cryptocurrency ที่ถือครองมาใช้ชำระค่าบริการแก่ผู้ค้าออนไลน์ทั่วโลกได้
· Politico รายงานว่า ไบเดนเตรียมเปิดเผยแผนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านเหรียญ ในช่วงเวลา 8 ปี
ในวันนี้ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกคาดว่ามีแนวโน้มจะเปิดเผยแผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผน
· CNN เผย Road Map สำหรับแผนโครงสร้างพื้นฐานของนายไบเดนจะเป็นในลักษณะเดียวกับช่วงปี 1956
ในวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่หลายๆฝ่ายจับตามอง โดยคาดว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดการจะเปิดเผยแผนโครงสร้างพื้นฐาน ณ รัฐพิททส์เบิร์ก ที่อาจมีมูลค่าของร่างกฎหมายดังกล่าวสูงถึง 3-4 ล้านล้านเหรียญได้
ขณะที่แผนดังกล่าวของนายไบเดน อาจถูกแบ่งเป็น 2 ร่างกฎหมาย เช่นเดียวกับประวัติศาสตร์การใช้มาตรการดังกล่าวภายใต้ชื่อ Federal-Aid Highway Act of 1956 ที่เป็นที่รู้จักหรือในนาม Eisenhower Interstate System (ระบบเครือข่ายทางหลวงที่เชื่อมเกือบทุกรัฐในสหรัฐอเมริกาเข้าด้วยกัน)
· เศรษฐกิจอังกฤษในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาไวรัสเติบโตอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้
โดยจีดีพีเพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่เติบโต 1.0% ขณะที่โพลล์สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จากสำนักข่าว Reuters คาดว่าจะยังคงอยู่ที่ระดับ 1.0%
· ชาวเยอรมันตกงาน 8,000 คนในเดือนมี.ค
· กิจกรรมการผลิตของจีนประจำเดือนมี.ค.ขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากโรงงานเร่งการผลิตหลังจากหยุดพักช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน โดยอุปสงค์ทั่วโลกที่ดีขึ้นทำให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) แสดงให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน เพิ่มขึ้นเป็น 51.9 จากเดิมที่ระดับ 50.6 ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ทางด้านนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 51.0
· Xiaomi บริษัทสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่ของจีน เตรียมเปิด "ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า" ด้วยมูลค่าการลงทุนจำนวน 1 หมื่นล้านเหรียญ
· ผลประกอบการ Huawei โตได้ช้าลงในปีที่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรทางการค้าของสหรัฐฯ
ผลประกอบการบริษัท Huawei ปี 2020 มียอดรวมที่ 8.914 แสนล้านหยวน (1.367 แสนล้านเหรียญ) หรือเพิ่มขึ้นเพียง 3.8% เมื่อเทียบรายปีในหน่วยของค่าเงินหยวน และจะเห็นได้ว่ามีการเติบโตของผลกำไรได้น้อยกว่าปี 2019 มากถึง 19%
มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และวิกฤตทางเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนาดูจะเป็นปัจจัยกดดันบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนดังกล่าวด้วย
· รัฐบาลของไต้หวัน เผยว่า สงครามการค้าสหรัฐฯ กำลังผลักดันจีนให้ขโมยเทคโนโลยี
สงครามการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังผลักดันจีนให้ขโมยเทคโนโลยีและละเมิดลิขสิทธิ์จากไต้หวัน เพื่อเพิ่มเซมิคอนดักเตอร์ให้เพียงพอในอุตสาหกรรมของจีน
· ผลผลิตโรงงานของเกาหลีเพิ่มขึ้น 4.9% จากการส่งออก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 10 ปี
· ออสเตรเลียฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนต่ำกว่าเป้าหมาย โดยมีผู้ฉีดวัคซีนเพียง 670,000 ราย จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะฉีดวัคซีนให้ได้ 4 ล้านคนภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้
· นอร์ ชามเซียห์ โมฮาหมัด ยูนุส ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียต้องการการรีเซ็ตและคว้าโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ เพื่อที่จะให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้นหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดยเสนอว่าควรมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดการลงทุนที่มีคุณภาพ การสร้างขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม การเพิ่มความซับซ้อนทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการปฏิรูปการคุ้มครองทางสังคม
· ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่ม OPEC+ จะยังคงปรับลดกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในช่วงก่อนการประชุม OPEC+ ขณะที่กลุ่มนักลงคาดว่ากลุ่ม OPEC+ จะยังคงปรับลดกำลังการผลิตตามเดิมออกไปจนถึงเดือนพ.ค.
รายงานจากการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า OPEC + มีความกังวลว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกและมาตรการล็อกดาวน์จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของความต้องการน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ Brent เดือนพ.ค. ซึ่งจะหมดอายุในวันนี้ ปรับเพิ่มขึ้น 32 เซนต์หรือ 0.5% แตะระดับ 64.46 เหรียญ/บาร์เรล หลังร่วงลง 1.3% ในเมื่อวานนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบ Brent เดือนมิ.ย. มีความเคลื่อนไหนเพิ่มมากขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ระดับ 64.42 เหรียญ/บาร์เรล
ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4% ที่ระดับ 60.81 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลดลง 1.6% ในช่วงก่อนหน้า