· ดอลลาร์แข็งค่าใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ดอลลาร์แข็งค่าใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น ขณะที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่าแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯและโครงการฉีดวัคซีนที่คืบหน้ารวดเร็ว จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตได้เร็วกว่าเศรษฐกิจที่อื่น
ดัชนีดอลลาร์ แข็งค่าในรอบ 5 เดือน แถวบริเวณ 93.439 จุดในวานนี้ โดยทรงตัวล่าสุดที่ 93.209 จุด
โดยนาย มาครง แอมานุแอล ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส สั่ง Lockdown ทั่วประเทศอีกครั้ง รวมไปถึงสั่งปิดสถานศึกษาสามสัปดาห์ ขณะที่กลุ่มสกุลเงินส่วนใหญ่อ่อนค่าลง เนื่องจากโครงการฉีดวัคซีนที่คืบหน้าอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ
ค่าเงินยูโรกลับมาแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 1.1726 ดอลลาร์/ยูโร หลังทำระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือน ที่ 1.1704 ดอลลาร์/ยูโร
ค่าเงินปอนด์อ่อนค่า ทำต่ำสุดรอบ 13 เดือน แถวบริเวณ 0.8503 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยทรงตัวล่าสุดที่ 0.8509 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากทำแข็งค่ามากที่สุดช่วงปลายเดือนมี.ค. นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2016
ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 110.74 เยน/ดอลลาร์
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการเปิดเผยแผนที่มีมูลค่าสูงกว่า 2 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งประกอบด้วยงบประมาณ 6.21 แสนล้านเหรียญ สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน ควบคู่ไปกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านเหรียญ โดยแผนโครงสร้างพื้นฐานของนายไบเดน จะทำให้รัฐบาลกลางมีบทบาทในเศรษฐกิจสหรัฐฯมากกว่าที่เคยมีมาก่อนโดยคิดเป็น 20% หรือมากกว่าของผลผลิตต่อปี
นักอาวุโสเศรษฐศาสตร์ของ Westpac เผยว่าในรายละเอียดแผนใหม่นี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างมาก หากผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส
อย่างไรก็ตาม แผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญ ที่มีค่าใช้จ่ายครอบคลุมระยะเวลารวมกว่า 8 ปี ซึ่งอาจยาวนานถึง 15 ปี และอาจมีการปรับขึ้นภาษีบริษัทจาก 21% สู่ระดับ 28% เพื่อเสริมงบประมาณดังกล่าว เช่นเดียวกับภาษีของบริษัทข้ามชาติ
ขณะที่การซื้อขายสกุลเงิน คาดว่าจะชะลอตัวในช่วงวันหยุดอีสเตอร์ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก แต่ค่าเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าได้อีก หากตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯออกมาทำให้ประหลาดใจ
ดัชนีภาคการบผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ของสหรัฐฯ ถูกคาดว่าจะออกมาดีขึ้น
และนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าข้อมูลการจ้างงานในวันศุกร์จะออกมาเพิ่มขึ้น 650,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่กระแสคาดการณ์ของตลาดล่าสุดมองว่าอาจจะมีตำแหน่งจ้างงานเพิ่มมากขึ้นถึง 1 ล้านตำแหน่ง
Bitcoin ยังคงทรงตัวที่ระดับ 58,766 เหรียญในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
· นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ประกาศว่า จะสั่งการให้คณะทำงานด้านกฎระเบียบทำการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากเฮดจ์ฟ้นด์ โดยแผนการดังกล่าวมีขึ้น หลังจากตลาดการเงินเผชิญกับภาวะผันผวนอย่างหนักเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องมาจากกรณีที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ Archegos Capital Management ผิดนัดชำระหนี้ในการเพิ่มหลักประกันการกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุน
· องค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ว่า ปริมาณการค้าโลกน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% ในปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หลังจากร่วงลง 5.3% ในปีที่แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
· บริษัทโบอิ้ง เรียกร้อง ให้สหรัฐฯ แยกระหว่าง การค้ากับจีน กับสิทธิมนุษยชน
บริษัทโบอิ้ง เรียกร้องให้สหรัฐฯ รักษาสิทธิมนุษยชนและแยกข้อพิพาทอื่น ๆ ออกจากสงครามการค้ากับจีน โดยเตือนว่า บริษัทแอร์บัสซึ่งเป็นคู่แข่งในยุโรป อาจจะได้รับผลประโยชน์ หากผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐฯ ถูกจีนคว่ำบาตร
· นายเคียร์ สตาร์เมอร์ หัวหน้าพรรคแรงงานและผู้นำฝ่ายค้านของอังกฤษ ได้แสดงความแคลงใจเกี่ยวกับการใช้พาสปอร์ตวัคซีน เพื่ออนุญาตให้ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนสามารถเดินทางเข้าพักในโรงแรม รวมถึงสถานบันเทิง โดยมองว่า ชาวอังกฤษ อาจไม่เห็นด้วยต่อเอกสารดังกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลของอังกฤษ กำลังปรับทบทวนถึงแนวคิดที่ขอให้ประชาชนแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน เพื่อเข้าถึงพื้นที่แออัด เช่น ผับ หรืองานกีฬา เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจบางส่วนกลับมาเปิดได้อีกครั้ง
· ผู้เชี่ยวชาญคาดแผนฉีดวัคซีนโควิดของจีนช่วยหนุนเศรษฐกิจขยายตัว 9.3% ปีนี้
อ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ (Oxford Economics) หน่วยงานวิจัยและให้คำปรึกษาของสหราชอาณาจักรคาดการณ์ว่า แผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจีนจะช่วยหนุนเศรษฐกิจจีนให้ขยายตัวในอัตราสูงถึง 9.3% ในปีนี้
· ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของญี่ปุ่นดีดตัวขึ้นสู่ระดับก่อนการระบาดของไวรัส
ความเชื่อมั่นของผู้ผลิตรายใหญ่ในญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวดีขึ้นเหมือนก่อนการระบาของไวรัสโคโรนาในไตรมาสแรก ในขณะที่บริษัทต่างๆเพิ่มแผนการใช้จ่ายเงินทุน โดยชี้ว่าเศรษฐกิจด้านการส่งออกได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวอย่างมั่นคงของอุปสงค์ทั่วโลก
· ญี่ปุ่นประกาศมาตรการฉุกเฉิน ในจังหวัด "โอซาก้า" เนื่องจากพบยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น
รัฐบาลของญี่ปุ่น ประกาศมาตรการฉุกเฉิน ให้ภาคธุรกิจเปิดปิดเร็วขึ้น รวมถึงขอให้ประชาชนทำงานอยู่ที่บ้าน รวมถึงระงับกิจกรรมร้านคาราโอเกะชั่วคราว ในจังหวัดโอซาก้า เพื่อยุติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
· ยอดส่งออกของเกาหลีประจำเดือนมี.ค. ขยายตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นทั่วโลก
กระทรวงการค้า, อุตสาหกรรมและพลังงานของเกาหลีใต้ระบุว่า ยอดส่งออกเดือนมี.ค.อยู่ที่ 5.383 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 16.6% จากปีก่อนหน้าซึ่งเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 16.2%
· เกาหลีใต้เตรียมใช้พาสปอร์ตวัคซีนเดือนนี้ หวังช่วยประชาชนเดินทางสะดวกขึ้น
นายช็อง เซ-กยุน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เกาหลีใต้จะนำพาสปอร์ตวัคซีนมาใช้ในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อรับรองสถานะการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของประชาชนผ่านทางแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟน
นายช็องกล่าวระหว่างการประชุมหน่วยงานต่างๆ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาลว่า ประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติก็ต่อเมื่อมีการนำระบบพาสปอร์ตวัคซีนหรือกรีนการ์ดมาใช้
· อินเดียเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี ขึ้นไปในวันนี้ เนื่องจากพบยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกวัคซีนเป็นไปอย่างล่าช้าโดยผู้ผลิตยารายใหญ่ของโลก
· น้ำมันเพิ่มขึ้นก่อนการประชุม OPEC+ เกี่ยวกับนโยบายการผลิต
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยฟื้นตัวขึ้นช่วงก่อนหน้านี้ที่ปรับลดลงไปจากการคาดการณ์ว่าการประชุมของ OPEC+ ในวันนี้ จะทำให้เกิดข้อจำกัดด้านการผลิตเมื่อเผชิญกับการติดเชื้อ COVID-19 ที่ฟื้นตัวในบางภูมิภาค
สัญญาน้ำมันดิบ Brent เดือนมิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ที่ระดับ 63.05 เหรียญ/บาร์เรล หลังล่วงลง 2.2% ในชั่วข้ามคืน
น้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.6% ที่ระดับ 59.54 เหรียญ/บาร์เรล จากที่เมื่อวานลดลงไป 2.3%