· ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง หลังจากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯออกมาเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการที่เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนี U.S. S&P500 futures +0.5%
ดัชนี Nasdaq futures เคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว
ดัชนี MSCI ทั่วโลกและดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เคลื่อนไหวทรงตัวเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ตลาดจีนปิดทำการเนื่องในวันเช็งเม้งและตลาดออสเตรเลียปิดทำการเนื่องในวันอีสเตอร์
· นักลงทุน เผย บริษัท Alibaba - Tencent ยังอยู่ในกระดานซื้อขายหุ้นเทคโนโลยีจีน แม้ว่ารัฐบาลจีนจะสร้างแรงกดดันต่อกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่ม
· ตลาดหุ้นอินเดียร่วงลงประมาณ 2% จากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่สูงขึ้นในประเทศ ขณะที่ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 17.10 จุด ไม่ผ่านด่าน 1,600 ชี้ Valuation ตึง, หุ้นกลาง-เล็กกดดัน
ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,579.17 จุด ลดลง 17.10 จุด (-1.07%) มูลค่าการซื้อขายราว 52,160.74 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุด 1,601.24 จุด และระดับต่ำสุด 1,575.56 จุด
- สรท.จี้รัฐเร่งแก้ปัญหาโลจิสติกส์-ดูแลเงินบาท ห่วงฉุดส่งออก-ลงทุนไทย
ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.ยังคงคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 64 ไว้ที่เติบโต 3-4% โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่
1. สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มากขึ้น ส่งผลบวกต่อทิศทางทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศ
2.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลดีต่อกำลังซื้อของประชาชนสหรัฐ และความต้องการสินค้าจากทั่วโลกรวมถึงไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโควิด และ work from home
3. ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
4.เงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าในรอบ 4 เดือน จากอานิสงค์การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยิลด์) ซึ่งมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์