ดอลลาร์อ่อนค่าจากแรงเทขายทำกำไร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลง
ดอลลาร์อ่อนค่าลงทำต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ เนื่องจาก
- เทรดเดอร์ทำการปิดสถานะทำกำไรในค่าเงิน หลังจากที่ดอลลาร์ปรับแข็งค่าแข็งแกร่งในเดือนมี.ค.
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปิดอ่อนตัวลง
ดอลลาร์อ่อนค่าลงมาบริเวณ 92.341 จุด เป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา
ภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ปีนี้มีการปรับแข็งค่าขึ้นควบคู่กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะยาวที่ปรับตัวสูงขึ้นขานรับ การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ และความคืบหน้าโครงการฉีดวัคซีน
ในเดือนมี.ค. ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าได้กว่า 2.5% ถือเป็นการแข็งค่ารายเดือนที่มากที่สุดของดอลลาร์นับตั้งแต่สิ้นปี 2016
ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมา 0.29% ที่ระดับ 109.855 เยน/ดอลลาร์ เป็นระดับแข็งค่ามากสุดรอบกว่า 1 สัปดาห์
ไอเอ็มเอฟมีการปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้คาดโตได้ 6% อันเป็นผลสะท้อนจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สดใส ประกอบกับข้อมูลจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯล่าสุด และข้อมูลภาคบริการที่ดูจะยิ่งตอกย้ำการเติบทางเศรษฐกิจสหรัฐฯได้เป็นอย่างดี
รายงานจาก CFTC เผยว่า มีการถือครองดอลลาร์ในขา Short ลดลงในสัปดาห์ที่แล้วแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่มิ.ย. ปี 2020
ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากนักลงทุนที่เทขายทำกำไรเพื่อ “ถือครองเงินสด” หลังจากที่ค่าเงินพุ่งไปทำแข็งค่ามากสุดรอบ 2 สัปดาห์ จากความหวังเห็นเศรษฐกิจอังกฤษกลับมาเปิดทำการได้อย่างรวดเร็ว
Ethereum ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์บริเวณ 2,151.63 เหรียญ ก่อนจะอ่อนตัวกลับลงมา ซึ่งการปรับขึ้นของค่าเงิน Ethereum ได้รับอานิงส์จากการปรับขึ้นของ Bitcoin และการที่เม็ดเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดมากสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 2 ล้านล้านเหรียญ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯร่วง - ขณะที่หุ้นสหรัฐฯอ่อนตัวจากสูงสุดประวัติการณ์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงมาที่ 1.654%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 30 ปี ปรับลงมาที่ 2.316%