• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 7 เมษายน 2564

    7 เมษายน 2564 | Economic News
   

·         ดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนในตลาดรอรายงานประชุมเฟดคืนนี้ เวลาประมาณ ตี 1 (ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดหวังว่าอาจจะเห็นเฟดกล่าวย้ำเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินนโยบายและมุมมองการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 92.368 จุด หลังจากที่ทำแข็งค่าไว้เมื่อ 30 มี.ค. บริเวณ 93.439 จุด

ในไตรมาสที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นปัจจัยที่หนุนให้ดอลลาร์ปรับแข็งค่าได้ดีที่สุด โดยการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนดังกล่าวมาจากการขานรับมุมมองการเติบโตอย่างรวดเร็วทางเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ ที่อาจทำให้เฟดต้องตัดสินใจ "ยกเลิก" การคงดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์ที่ตั้งใจจะคงไว้ถึงปี 2024

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลง 1.64% จากที่ทำแข็งค่าไว้มากสุดในเดือนมี.ค. ที่ 1.776%

อย่างไรก็ดี บรรดาตลาดการเงินในสหรัฐฯ คาดว่าอาจเห็นเฟดตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ประมาณ 0.25% ในเดือนมี.ค. ปี 2022

ค่าเงินยูโรค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 1.18705 ดอลลาร์/ยูโร แข็งค่ามากสุดในเดือนเม.ย.นี้

 

·         ตลาดการเงินสหรัฐฯ หันมาคาดการณ์โอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า

ขณะเดียวกันตลาดต่างๆก็ดูจะตั้งใจจับตาประชุมเฟดในคืนนี้อย่างระมัดระวังว่าจะมีแนวคิดต่อเรื่องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินเฟ้อหรือไม่ ที่อาจมีผลต่อการแข็งค่าของดอลลาร์ ควบคู่กับการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ท่ามกลางการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ที่อาจส่งผลกดดันทองคำได้

 

·         นักเศรษฐศาสตร์จาก Credit Suisse คาดค่าเงินยูโรอาจร่วงลงมาที่ 1.15 ดอลลาร์/ยูโรในช่วงไตรมาสที่ 2/2021 จากดอลลาร์แข็งค่า

ขณะที่ภาพระยะกลางยังเป็นขาลง และมีโอกาสเห็นค่าเงินยูโรในไตรมาสที่ 2 นี้เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1.14 - 1.21 ดอลลาร์/ยูโร แต่หากขึ้นไปแถว 1.20 ดอลลาร์/ยูโรก็มีโอกาสที่จะเผชิญแรงเทขายกลับลงมาได้

 

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลดลง ก่อนหน้ารายงานการประชุมเฟดเดือนมี.ค. โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาที่ 1.635% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับตัวลงที่ 2.302%




·         ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ที่จีนสามารถควบคุมภาวะวิกฤตทั้งหมดได้ "เป็นอย่างดี"

รายงานจากไอเอ็มเอฟ ระบุว่า การรับมือวิกฤตไวรัสโคโรนาของจีนดูจะเป็นที่น่าประทับใจอีกครั้ง หรือเรียกได้ว่าสามารถจัดการกับวิกฤตที่เผชิญครั้งใหม่ได้เป็นอย่างดี

ภาพรวมเศรษฐกิจจีนในปี 2020 ก็ดูจะเป็นเพียงประเทศเดียวของประเทศส่วนใหญ่ในโลกที่ยังเติบโตได้ในเชิงบวก

โดยปีที่แล้วจีดีพีจีนออกมาที่ 2.3% ขณะที่ปี 2021 ไอเอ็มเอฟคาดจะเห็นจีดีพีจีนโตได้ 8.4% จึงเป็นตัวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนไม่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 หนักเท่ากับประเทศที่เหลืออื่นๆในโลก

 

·         มหาวิทยาลัย Oxford กล่าวว่า อังกฤษได้ระงับการทดลองเพื่อทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาที่พัฒนาร่วมกับ AstraZeneca Plc เพื่อใช้สำหรับเด็กและวัยรุ่น เนื่องจากกำลังเร่งตรวจสอบถึงความเป็นไปได้ของความเชื่อมโยง ระหว่างการเกิดปัญหาลิ่มเลือดอุดตันในผู้ใหญ่ หลังฉีดวัคซีนชนิดนี้


 

·         CDC ออกโรงเตือนการพบการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวที่พบในอังกฤษ "กำลังระบาดในทุกๆรัฐของสหรัฐฯ


·         อังกฤษเริ่มฉีดวัคซีน Covid-19 ของบริษัท Moderna ในวันนี้ที่รัฐเวลส์ และคาดว่าอาจจะใช้ในอีกหลายๆรัฐที่เหลือในประเทศภายในอีกไม่กี่วันนี้ เพื่อนสนับสนุนระบบสุขภาพในประเทศ หลังจากที่ปริมาณวัคซีนเริ่มลดน้อยลง

 

·         เจ้าหน้าที่จากองค์การยายุโรป (EMA) เล็งเห็นความชัดเจนที่ "สัมพันธ์กัน" ระหว่างการฉีดวัคซีน Covid-19 ของบริษัท AstraZeneca กับ ภาวะลิ่มเลือดในสมองที่ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก  ตลอดจนการเกิดลิ่มเลือดอย่างไม่ทราบสาเหตุ


·         รัฐมนตรีกระทรวงการคลังเยอรมนี ระบุว่า ยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่กำลังระบาดเพิ่ม แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจ


·         สำนักงานสถิติ เผยว่า การระบาดของ Covid-19 ในเยอรมนี ผลักดันให้ยอดขาดดุลในประเทศทำสูงสุดในรอบ 30 ปี โดยระดับหนี้สาธารณะแตะ 1.89 แสนล้านยูโร (2.25 แสนล้านเหรียญ) ในปี 2020 ซึ่งเป็นระดับขาดดุลที่สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2013 และงบประมาณภาครัฐมีการใช้เยอะมากที่สุดกว่า 3 ทศวรรษ

 

·         หน่วยงานด้านสุขภาพของญี่ปุ่น กังวลว่าจะเกิด fourth wave จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

โดยสายพันธุ์นี้ดูเหมือนจะติดเชื้อได้มากกว่าและอาจดื้อต่อวัคซีน ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานได้ทั่วไปในญี่ปุ่น ขณะที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดในโอซาก้าที่มียอดผู้ติดเชื้อเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระตุ้นให้รัฐบาลภูมิภาคเริ่มประกาศมาตรการ Lockdowns เป็นเวลา 1 เดือนตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา

ผู้ว่าการรัฐโอซากา ประกาศยกเลิกการวิ่งคบเพลิงกีฬาโอลิมปิกเกมส์บนเส้นทางในพื้นที่ ท่ามกลางการประกาศภาวะฉุกเฉินอีกครั้ง

 

·         สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (KDCA) รายงานว่า เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสรายใหม่เพิ่มขึ้น 668 ราย ซึ่งนับเป็นจำนวนสูงสุดต่อวันนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา


·         รัฐมนตรีสิงคโปร์ ระบุว่า การฉีดวัคซีนเป็นพื้นฐานของประเทศ แต่ไม่ใช่ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเปิดทำการทางเศรษฐกิจ

 

·         Goldman Sachs ลดคาดการณ์เศรษฐกิจอินเดียจากยอดติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นทะลุหลักแสนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยคาด Q2/2021 จะเห็นเศรษฐกิจโตได้ 31.3% เมื่อเทียบรายปี (ลดลงจากคาดการณ์เดิม 33.4%)


·         อินเดียเผชิญ Second Wave ดันยอดติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มขึ้นกว่า 13 เท่าในระยะเวลา 2 เดือน ล่าสุดติดเชื้อใหม่ทำสูงสุดประวัติการณ์ 115,736 ราย และยิ่งสร้างแรงกดดันแก่รัฐบาลในการขยายโครงการฉีดวัคซีน

 

·         ยอดเสียชีวิตบราซิลย่ำแย่กว่าสถานการณ์ในสหรัฐฯ โดยล่าสุดยอดเสียชีวิตจาก Covid-19 ในบราซิลทะลุระดับที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่ม.ค.ของสหรัฐฯ และคาดอาจเห็นการเสียชีวิตต่อวันพุ่งเกินต้าน หลังวานนี้พบการเสียชีวิตจากไวรัสดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 4,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการระบาด

 

·         รายงานจาก Middle East Eye ระบุว่า อิสราเอลโจมตีเรือบัญชาการอิหร่านในทะเลแดง

ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุกับ New York Times โดยระบุว่า อิสราเอลมีการโจมตีเรือของอิหร่านเพื่อตอบโต้เหตุที่อิหร่านทำการโจมตีเรือของอิสราเอลก่อนหน้านี้

 

·         นองเลือดพม่ายังไม่จบ ล่าสุดกองทัพพม่าเปิดฉากยิงผู้ชุมนุมเสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ส่งผลให้ภาพรวมผู้เสียชีวิตจากการต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าสูงถึง 580 ราย และยังคงทวีความรุนแรงมาตั้งแต่ 1 ก.พ.

 

·         ราคาน้ำมันดิบขึ้นต่อขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจแข็งแกร่ง และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลดลง

ราคาน้ำมันดิบในวันนี้ขยับขึ้น โดยได้รับอานิงส์จาก

- ข้อมูลเศรษฐกิจทั่วโลกที่แข็งแกร่ง

- การฉีดวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น

- นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเร่งโครงการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุทุกคนให้บรรลุเป้าหมาย 19 เม.ย.นี้

- รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวลดลง นำโดยข้อมูลจาก API ที่ลดลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว


สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนมิ.ย. ปรับขึ้น 16 เซนต์ หรือ +0.3% ที่ระดับ 62.90 เหรียญ/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ปรับขึ้น 14 เซนต์ หรือ +0.2% บริเวณ 59.47 เหรียญ/บาร์เรล

อย่างไรก็ดี ภาพรวมเชิงบวกของการเจรจาระหว่าง "สหรัฐฯ-อิหร่าน" ในเรื่องโครงการนิวเคลียร์ และการเพิ่มปริมาณอุปทานน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ ยังเป็นปัจจัยที่ "กดดันราคาน้ำมันในตลาด"

กลุ่มนักวิเคราะห์จาก ANZ Bank กล่าวว่า มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลก เป็นตัว "หนุนความเชื่อมั่น" ในตลาดน้ำมันเวลานี้


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com