• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 8 เมษายน 2564

    8 เมษายน 2564 | Gold News



ทองอ่อนตัวลงหลังการฟื้นตัว ตลาดให้ความสำคัญกับรายงานประชุมเฟด

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.4% ที่ 1,737.01 เหรียญ


·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด -0.1% ที่ 1,741.6 เหรียญ


·         ราคาทองคำปิดปรับตัวลดลงหลังไปทำสูงสุดรอบกว่า 1 สัปดาห์วานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจาก
- ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาแข็งแกร่ง
- ความหวังเห็นทิศทางเศรษฐกิจฟื้นตัวได้รวดเร็ว
- ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง
- กองทุน
 SPDR ขายทองคำต่อเนื่อง


·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำออกมาอีก 0.35 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,028.69 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 17 เม.ย. ปี 2020 ที่ผ่านมา

 




ขณะที่ภาพรวมปัจจุบันเดือนเม.ย. ขายทองคำรวมสุทธิ 8.81 ตัน

 

ตั้งแต่ม.ค. - ปัจจุบัน ปี 2021 กองทุน SPDR ขายทองคำออกแล้วทั้งสิ้น สุทธิ 142.05 ตัน

 

·         นักวิเคราะห์จาก Circle Squared Alternative Investments ระบุว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งต่อไป ก็อาจเห็นโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยใกล้เข้ามามากขึ้น รวมทั้งเห็นการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอีกครั้ง ทั้งหมดนี้จะกลายเป็นผลลบต่อราคาทองคำ

 

ดังนั้นภาพรวมนักลงทุนจึงไม่ควรทำอะไรมากแต่ใช้กลยุทธ์ Wait and See เพื่อรอความชัดเจน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆ

 

·         รายงานประชุมเฟดยังคงมีท่าทีระมัดระวังจากความเสี่ยงของการระบาดของไวรัสโคโรนา และยังยืนยันจะเดินหน้าสนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าจะเห็นเป้าหมายที่วางไว้ฟื้นตัวได้ตามเป้า

 

·         ซิลเวอร์ปิด -0.2ที่ระดับ 25.12 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด -2.3% ที่ 2,622.71 เหรียญ หลังต้นตลาดทำต่ำสุดที่ 2,592 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด -0.6ที่ 1,225.39 เหรียญ หลังช่วงต้นตลาดปรับขึ้นไปแตะ 1,244.50 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ 25 ก.พ.

 

·         ดอลลาร์อ่อนค่าลงใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ หลังนักลงทุนรอรายงานประชุมเฟดและแรงเทขายทำกำไร ประกอบกับการอ่อนตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ

 

·         Ethereum แตะสูงสุด 2,151.63 เหรียญ ก่อนอ่อนตัว ท่ามกลางตลาดที่ยังตอบรับกับข้อมูลของ CoinGecko และ Blockfolio เกี่ยวกับมูลค่าซื้อขายในตลาดสูงกว่า 2 ล้านล้านเหรียญเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

 

·         รายงานประชุมเฟดประจำเดือนมี.ค. บ่งชี้ว่า สมาชิกเฟดยังคงมีความตั้งใจจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป จนกว่าเป้าหมายต่างๆจะบรรลุผลทั้ง “การจ้างงาน”  และ “เงินเฟ้อ”  โดยที่เฟดจะยังไม่ปรับนโยบายให้สอดคล้องกับคาดการณ์เวลานี้

ภาพรวมตลาดต่างๆตอบรับกับข่าวประชุมเฟดเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเฟดยังคงท่าทีผ่อนคลายทางการเงินต่อไป

 

·         นางลาเอล เบรนาร์ด สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังฟื้นตัว และมีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้น แต่ยังห่างไกลจากเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้

 

·         “ไบเดน” เปิดกว้างต่อการเจรจาภาษีบริษัท แต่ยังยืนกรานอย่างหนักแน่ที่จะเดินหน้าแผนโครงสร้างพื้นฐานของเขาต่อไป

 

·         บรรดากลุ่มธุรกิจ เผย การเจรจากับทางทำเนียบขาวอาจตกลงเรื่องการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลได้ที่ 25จากแผนที่ไบเดนตั้งไว้ 28%

 

·         “เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า แผนภาษีของไบเดน จะช่วยสร้างผลกำไรจากต่างประเทศได้มากถึง 2 ล้านล้านเหรียญ

ขณะเดียวกันแผนการเปลี่ยนแปลงระดับภาษีบริษัทจะประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญในการช่วยลดแรงจูงใจสำหรับบริษัทต่างๆที่ต้องการเปลี่ยนฐานการผลิต และรายได้ในต่างประเทศ รวมทั้งสร้างรายได้ขั้นพื้นฐานสำคัญให้แก่ประเทศ จึงอาจเห็นผลกำไรที่จะกอบกู้สู่ประเทศได้มากถึง 2 ล้านล้านเหรียญ

 

·         รองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ “มั่นใจ” ส่วนใหญ่ของทุกประเทศที่พัฒนาแล้วจะเห็นด้วยกับการกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำทั่วโลก

ขณะที่การขึ้นภาษีนิติบุคคลที่รัดบ 28จะไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทสัญชาติสหรัฐฯในด้านการลดขีดความสามารถทางการแข่งขัน เนื่องด้วยทีมบริหารของนายไบเดนมีความมั่นใจว่า แผนดังกล่าวจะได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อกำหนดกรอบนโยบายภาษีขั้นต่ำเช่นเดียวกันทั่วโลก

 

·         “แมคคอนเนล” ชี้ เป้าหมายแผนโครงสร้างพื้นฐานของนายไบเดน ปราศจากการเปลี่ยนแปลงเรื่องการปรับลดภาษีฉบับปี 2017

 

·         “ไบเดน” เผย วุฒิสภาสหรัฐฯกำลังเตรียมความพร้อมต่อกระบวนการกฎหมายเรื่อง Semiconductors

 

·         ทำเนียบขาว เผย สหรัฐฯกำลังเตรียมพิจารณาการเจรจาทางการทูตกับเกาหลีเหนื ที่มุ่งเน้นไปในเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์

 

·         ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟแสดงความกังวลเกี่ยวกับประเทศรายได้ปานกลาง พร้อมเรียกร้องให้มีการขยายข้อจำกัดทางความเสี่ยงออกไป

พร้อมสนับสนุนให้เกิดการเก็บอัตราดอกเบี้ยทางการเงินในระดับต่ำหรือไม่มีดอกเบี้ยสำหรับประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ไม่ใช่ให้สิทธิแก่ประเทศยากจนเพียงอย่างเดียว

 

·         นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า การฉีดวัคซีน Covid-19 จะเป็น “เครื่องมือหลัก” ที่จะช่วยบรรลุการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

 

·         สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาล่าสุดยังพบ 61 ประเทศทั่วโลกมีรายงานยอดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น (ลดลงจากเมื่อวานที่ 66 ประเทศ)

ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกล่าสุด 133.66 ล้านราย โดยวานนี้ยังพบภาพรวมทั่วโลกมียอดติดเชื้อสูงถึง 645,803 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมของโลกล่าสุดอยู่ที่ 2.89 ล้านราย


สหรัฐฯมีรายงานยอดติดเชื้อสะสมที่ 31.63 ล้านราย และเสียชีวิตสะสมในประเทศ 571,097 ราย

บราซิลยังเป็นอันดับสอง ที่มียอดติดเชื้อสะสมทะลุ 13 ล้านราย โดยยอดติดเชื้อรายวันล่าสุด 90,973 ราย

อินเดียล่าสุดวานนี้มีผู้ติดเชื้อใหม่หลักแสนอยู่ที่ 126,315 ราย รวมติดเชื้อสะสม 12.92 ล้านราย

แถบยุโรปพบยอดติดเชื้อรวมสะสม 40.82 ล้านราย โดยมียอดเสียชีวิตสะสมที่ 936,655 ราย

ฝั่งเอเชียพบยอดติดเชื้อสะสมทะลุ 30.05 ล้านราย และมียอดเสียชีวิตสะสมที่ 439,983 ราย

สถานการณ์ระบาดในไทย ล่าสุดวานนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 334 ราย ยอดป่วยยืนยันสะสม 29,905 ราย  ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยังอยู่ที่ 95 ราย ส่วนใหญ่เชื่อมโยงคลัสเตอร์สถานบันเทิง





 

·         โครงการฉีดวัคซีน Covid-19 พบ 156 ประเทศทั่วโลกเริ่มโครงการดังกล่าวแล้ว และมีการฉีดวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 692.84 ล้านโดส

 

·         บราซิล ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้รายแรก ท่ามกลางยอดติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และยอดเสียชีวิตพุ่งหนัก

 

·         องค์กรอาหารและยายุโรป พบความเป็นไปได้ระหว่าง การได้รับวัคซีน Covid-19 จากบริษัท AstraZeneca ในผู้สูงอายุ กับภาวะลิ่มเลือด และกำลังตัดสินใจว่าจะหาวิธีจัดการหรือรับมือกับการใช้งานวัคซีนจากบริษัทดังกล่าวอย่างไร

 

·         รายงานจากเยอรมนี ระบุว่า ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 60 ปี มีโอกาสเผชิญกับความเสี่ยงสูงที่จะพบการเกิดลิ่มเลือดหลังได้รับวัคซีนของบริษัท AstraZeneca

 

·         อิตาลี - อังกฤษ แนะนำการจำกัดอายุสำหรับผู้ต่ำกว่า 30 ปี ในการใช้วัคซีนของบริษัทยา AstraZeneca แต่ยังแนะนำให้ใช้งานได้ สำหรับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากพบความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีนและลิ่มเลือด

 

·         อังกฤษแนะนำการเลือกใช้วัคซีนของบริษัท AstraZeneca ที่เหมาะสำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 30 ปี

 

·         ออสเตรเลียทำการทบทวนข้อมูลใหม่ของอียูเกี่ยวกับวัคซีนของบริษัท AstraZeneca และภาวะลิ่มเลือด


·         นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ยืนยัน ยังไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงการเดินหน้าใช้วัคซีนของบริษัท AstraZeneca

 

·         เม็กซิโกยันไม่มีแผนจะจำกัดการใช้วัคซีน แม้ว่าอังกฤษจะออกคู่มือแนะนำก็ตาม

 

·         AstraZeneca จะทำการะบุความเป็นไปได้ของผลข้างเคียงจากการได้รับการฉีดวัคซีน Covid-19 ที่ข้างฉลาก

 

·         ผลการศึกษาล่าสุด พบ อัตราการลดการระบาดในอังกฤษชะลอตัวในเดือนมี.ค. แต่การปรับตัวลงเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น

 

·         อัลจีเรียจะเริ่มต้นผลิตวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียในประเทศเดือนก.ย.นี้

 

·         อาร์เจนตินาลดการให้บริการด้านการขนส่งสาธารณะหลังยอดติดเชื้อใหม่ในประเทศทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

·         บรรดากลุ่มอุตสาหกรรมกล่าวว่า หลักฐานการฉีดวัคซีนและผลการตรวจเชื้อ Covid-19 ควรเป็นข้อกำหนดเพียงชั่วคราวเท่านั้น

 

·         Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจอินเดียจากยอดติดเชื้อ  Covid-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดช่วงไตรมาสที่ 2/2021 ปีนี้จะโตได้ 31.3เมื่อเทียบรายปี ลดลงจากคาดการณ์เดิม 33.4%

 

·         ประธานาธิบดีอิหร่าน เผย ณ ที่ประชุมรัฐมนตรี โดยแสดงความยินดีที่จะเจรจาบทใหม่เนื่อง นิวเคลียร์” กับทางสหรัฐฯ เพิ่อหาทางแก้ไขปัญหาความแตกต่างที่เกิดขึ้น

การเจรจาขั้นต้นของสหรัฐฯ และชาติมหาอำนาจ กับทางอิหร่าน ณ กรุงเวียนนา เพื่อช่วยให้สามารถทำข้อตกลงได้อย่างประสบความสำเร็จ และเปิดกว้างสำหรับการเจรจาทบใหม่

- หลายๆประเทศมองว่าการเจรจาโดยอ้อมดูจะให้ “ประโยชน์ทางด้านขั้นตอนและโครงสร้าง” แม้ว่าการเจรจาทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้เผชิญหน้ากันแบบตัวต่อตัวก็ตาม

- นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังมีท่าทีที่ “เด็ดขาด” แต่ยังคงเปิดกว้างและสหรัฐฯอาจประนีประนอมในการกลับสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์

 

·         กองทัพพม่าสังหารผู้ชุมนุมเพิ่ม 15 ราย โดยผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ระบุว่า การต่อต้านดังกล่าวเป็น “การทำลายประเทศ”

 

·         หุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสาน ท่ามกลางเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายทางการเงินต่อไป

ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานกัน หลังจากที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวสูงขึ้นปิดทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา

เช้านี้ ดัชนี Nikkei เปิด -0.55%

ดัชนี Topix gxbf -0.62%

ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ -0.32%

ดัชนี  S&P/ASX 200 +0.39%

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.1%

 

·         นักบริหารการเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.30-31.45 บาท/ดอลลาร์ และมีแนวโน้มจะอ่อนค่าได้อีก

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- หมอยง ห่วงสถานการณ์โควิดช่วงสงกรานต์ปีนี้ จะระบาดอย่างรวดเร็วได้ถึง 100 เท่า เนื่องจากปีนี้ไม่ได้มีการประกาศล็อกดาวน์ คุมเข้มการเดินทาง หรือปิดห้างร้านดังเช่นในปีก่อน ขณะที่ปีนี้พบไวรัสกลายพันธุ์ คือ สายพันธุ์อังกฤษ ที่ทำให้การแพร่กระจายของเชื้อไวขึ้นกว่าสายพันธุ์เดิม 1.7 เท่า ซึ่งล่าสุดตรวจพบไวรัสสายพันธุ์อังกฤษจากนักเที่ยวย่านทองหล่อแล้วถึง 24 คน

- ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการเข้าพบ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อร่วมหารือรับมือการแพร่ระบาดที่กำลังเกิดขึ้นมาในช่วงสงกรานต์นี้ ที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจประมาณ 5 พันล้านบาท หากมีการ Lockdown โดยทางกรุงเทพมหานครและหอการค้าไทยได้มีการวางแผน และเล็งเห็นความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ควบคู่ไปกับสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยจะควบคุมการเปิด-ปิดเป็นรายประเภทธุรกิจ และพื้นที่เท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้จำกัด ซึ่งภาคเอกชนจะสื่อสารให้ประชาชนปฏิบัติตัวตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com