• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 เมษายน 2564

    8 เมษายน 2564 | Economic News
   


·         ดอลลาร์ยังอ่อนค่าใกล้ต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอ่อนตัว หลังทราบรายงานประชุมเฟดมี.ค. ไม่มีสัญญาณใหม่ต่อตลาด

สมาชิกเฟดยังค่อนข้างมีท่าที "ระมัดระวัง" ต่อความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัส แม้ว่าจะเห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่

ขณะที่คืนนี้ ตลาดให้ความสำคัญกับถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ คืนนี้เวลา 23.00น. ณ ที่ประชุมไอเอ็มเอฟ

ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาแตะ 92.371 จุด ในตลาดเอเชีย หลังจากที่วันก่อนทำต่ำสุดครั้งแรกตั้งแต่ 23 มี.ค. ที่ 92.134 จุด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงมาแถว 1.67% หลังวานนี้ทำต่ำสุดที่ 1.63% ห่างไกลจากสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงปลายมี.ค. บริเวณ 1.776%

การอ่อนตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดความแข็งค่าของดอลลาร์ได้

ค่าเงินเยนแข็งค่าต่อมาที่ 106.99 เยน/ดอลลาร์ ภาพรวมเคลื่อนไหวสะสมพลัง หลังจากที่อ่อนค่าไปทำสูงสุดรอบ 1 ปีเมื่อ 31 มี.ค. บริเวณ 110.97 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินยูโรค่อนข้างทรงตัวที่ 1.18715 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ลงไปทำอ่อนค่ามากสุดรอบ เดือนบริเวณ 1.1704 ดอลลาร์/ยูโร

 

·         ยูโรทรงตัวเหนือระดับกลาง 1.1800 ดอลลาร์/ยูโร ภาวะขาขึ้นจำกัดก่อนทราบถ้อยแถลงประธานเฟด วันนี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบแนวต้านเดิม 1.1870 - 1.1875  ดอลลาร์/ยูโร

 

·         FXStreet วิเคราะห์เยน/ดอลลาร์ ยังมีแนวโน้มจะซื้อกลับเพิ่มเมื่อค่าเงินอ่อนค่า ตลาดรอแถลงประธานเฟด

- ค่าเงินเยนเผชิญแรงเทขายรอบใหม่ ท่ามกลางดอลลาร์อ่อนค่า

Risk-On ในตลาดดูจะช่วยหนุนการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และอาจช่วยจำกัดการสูญเสีย




วิเคราะห์แนวโน้มระยะสั้น

ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวบริเวณ 109.35-109.30 เยน/ดอลลาร์ ที่หากหลุดลงมาจะยิ่งตอกย้ำภาวะแข็งค่าของตลาดได้

การอ่อนค่าหลุด 110 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสำคัญในทางเทคนิคก็ดูจะทำให้เกิดแรงเข้าซื้อเพิ่มขึ้น จึงมีโอกาสเห็นเยนอ่อนค่าไปได้อีกแถว 110.3 - 110.4 เยน/ดอลลาร์ ที่เคยเป็นระดับปิดสูงสุดรายวันเดิม

แต่หากสามารถฝ่า 110.7 เยน/ดอลลาร์ ก็มีโอกาสขึ้นต่อไปที่ 111 เยน/ดอลลาร์ ได้


·         ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดคืนนี้ 23.00น.



โดยการประชุมวาระดังกล่าวจะเป็นการหารือและตอบคำถามเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ในการประชุมของ IMF และตลาดก็ดูจะให้ความสนใจกับผลลัพธ์ของเงินเฟ้อในเวลานี้ และการจะปรับเปลี่ยนนโยบายให้เป็นไปอย่างเหมาะสมจะต้องพิจารณาจากผลลัพธ์ความยั่งยืนในเรื่องเงินเฟ้อ ไม่เพียงแต่การมองแค่การขึ้นไปแตะ 2%

 

·         "เจมีย์ ไดมอน" CEO ของ JPMorgan Chase  ระบุว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะกระตุ้นยอดขาดดุลเพิ่ม ขณะที่วัคซีนจะช่วยให้การเข้าสู่ปี 2023 ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ประเมินว่า ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถเติบโตได้ต่ออย่างน้อยจนถึงปีหน้า

ขณะที่การระบาดของไวรัสโคโรนาดูจะเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มผู้บริโภคนั้นประหยัดมากขึ้น และทำให้เกิดความไม่แน่นอนบางส่วนเกี่ยวกับการออมมาตรการกระตุ้นการออมรอบใหม่ค่าใช้จ่ายที่ก่อให้เกิดยอดขาดดุลมากขึ้น การเพิ่ม QE และความเป็นไปได้ของร่างกฎหมายโครงสร้างพ้นฐาน ประกอบกับความสำเร็จด้านวัคซีน และการสิ้นสุดการระบาดของไวรัส ทั้งหมดนี้จะมาทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเจริญรุ่งเรืองหนัก และง่ายต่อการเข้าสู่ปี 2023 ที่งบค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะขยายตัวไปได้สู่ปี 2023 นั่นเอง


·         นางเจน ปาสกี โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า ร่างงบประมาณค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานจะสร้างความท้าทายอย่างมากในศตวรรษที่ 21 และเชื่อว่าโครงสร้างพื้นฐานของนายไบเดนจะใช้วิธีแบบปริซึมว่าจะจัดการกับความท้าทายที่เผชิญในปัจจุบันนี้ได้


·         บริษัท Carnival ระบุว่า ยอดจองเรือสำราญเพิ่มขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์  และอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนท่าเรือหลัก หากมีเงื่อนไขที่ยังคมเข้มทางการเงิน


·         ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า การจัดสรรวัคซีน J&J ในสัปดาห์หน้าแก่รัฐต่างๆน้อยลงเหลือประมาณ 85%

 

·         ผู้ว่าการชาวเนเธอร์แลนด์ของอีซีบี เผย อีซีบีไม่ต้องการให้ต้นทุนกู้ยืมสูงขึ้นก่อนเวลาอันควร ท่ามกลางการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และอีซีบีอาจจะมีการใช้มาตรการเพิ่มหากจำเป็น

 

·         ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมของเยอรมันประจำเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 1.2% ซึ่งเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางสัญญาณการผลิตปรับลดลงสอดคล้องกับการระบาดใหญ่ที่กระทบกับภาพรวมผลผลิตในช่วงไตรมาสแรก ขณะที่การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากปรับเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

 

·         "สี จิ้นผิง" เรียกร้องอียูร่วมมือจีนขจัดอุปสรรคขัดขวางความสัมพันธ์

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนางแองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โดยระบุว่า จีนและสหภาพยุโรป (อียู) ควร "เคารพซึ่งกันและกัน และขจัดปัญหาต่างๆ ที่กระทบต่อความสัมพันธ์"

คำกล่าวของนายสีมีขึ้น หลังจากที่สหภาพยุโรปสหรัฐอังกฤษ และแคนาดา ได้ร่วมกันคว่ำบาตรจีนในเดือนที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงต่อชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์


·         นายยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว อาจเรียกร้องให้ รัฐบาลกลางกำหนดมาตรการฉุกเฉินเพื่อยับยั้งการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในเมืองหลวง หลังจากการประชุมกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เตือนว่า อาจเกิดการแพร่ระบาดที่รุนแรงและร้ายแรงที่สุดระลอกที่ 


·         เกาหลีใต้กลับมาพิจารณาจำกัดไวรัสมากขึ้นจากยอดติดเชื้อรายวันที่เพิ่มสูงขึ้น 700 รายในวันเดียว สูงสุดตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค. นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้จึงออกโรงเตือนการกลับมาใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่จะเป็นสิ่งจำเป็นเวลานี้


·         อินเดียรายงานยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ที่ 126,789 ราย เนื่องจากหลายรัฐพยายามที่จะควบคุมการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่สอง ท่ามกลางการขาดแคลนวัคซีนและต้องการการฉีดวัคซีนให้กับคนที่อายุน้อย


·         นิวซีแลนด์สั่งระงับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากอินเดียเป็นการชั่วคราว หลังจากที่ยอดติดเชื้อ Covid-19 อยู่ในระดับสูง เป็นเวลาประมาณ สัปดาห์อย่างน้อย


·         ออสเตรเลีย ระบุว่า จะเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ต่อไป


·         หน่วยงานด้านสุขภาพของฟิลิปปินส์ ระงับการใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของบริษัท Astrazeneca ในผู้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปี เพื่อตรวจสอบรายงานปัญหาลิ่มเลือดอุดตัน

·         ประเทศไทยกำลังพิจารณาปิดสถานบันเทิงในกรุงเทพฯและ 40 จังหวัด เนื่องจากเจ้าหน้าที่เร่งจัดการกับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาระลอกใหม่

 

·         จีนส่งเครื่องบินไอพ่นเพิ่ม ขณะที่ไต้หวันชี้จะต่อสู้จนถึงที่สุดหากเกิด "สงคราม"

 


·         วิกฤตพม่าดูจะส่งผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และภาคแรงงาน


·         สถานทูตพม่าในกรุงลอนดอนถูกโจมตีโดยกลุ่มที่อ้างว่าเป็นพันธมิตรทางทหารพม่า


·         น้ำมันร่วงลงหลังจากข้อมูลสต็อกแก๊สโซลีนของสหรัฐฯพุ่งขึ้นกว่าที่คาด

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงในวันนี้หลังจากเปิดเผยข้อมูลสต็อกแก๊สโซลีนของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นเกินที่คาดไว้ ทำให้เกิดความกังวลด้านอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงในผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกเนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกเพิ่มขึ้น

น้ำมันดิบ Brent ปรับลดลง 51 เซนต์ หรือ 0.8% ที่ระดับ 62.65 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.9% ที่ระดับ 59.24 เหรียญ/บาร์เรล

กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ กล่าวว่า ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่สต็อกแก๊สโซลีน กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินที่การคาดการณ์ไว้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com