นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท. ) เผยว่า การปรับประมาณการอัตราการเติบโตจาก 3.2% เหลือ 3% ปัจจัยสำคัญมาจาก 3-4 ข้อด้วยกัน คือ
1.การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในช่วงปลายปี 2563 ซึ่งกระทบไตรมาสที่ 1 ปีนี้ แม้ว่าจากข้อมูลเร็วเครื่องชี้เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว
2.การฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โดยมีการปรับจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 5.5 ล้านคน เหลือ 3 ล้านคน ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการฉีดวัคซีนที่คาดว่าจะฉีดได้ 30-50% ของประชาชกร ทำได้ช้าลง และคาดว่าเมื่อฉีดวัคซีนแล้วไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่จากข้อมูลพบว่ายังคงต้องกักตัว ทำให้การเปิดรับนักท่องเที่ยวอาจจะต้องเลื่อนออกไป
3.เศรษฐกิจโลกขยายดตัวดีทุกประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินมหาศาลและมาตรการต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อประเทศคู่ค้าและส่งออกของไทย
4.มาตรการภาครัฐของไทยยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยจะเห็นว่าในไตรมาสที่ 1-2 ภาครัฐมีมาตรการออกมาค่อนข้างหลายโครงการ ทำให้ภาครัวเรือนและภาคธุรกิจมีเบาะรองรับ
หากมองภาพเศรษฐกิจไปข้างหน้ายังคงมีความเสี่ยงของการระบาดโควิด-19 ที่จะมาเมื่อใดก็ได้ ซึ่งหากรวมปัจจัยการระบาดระลอก 2 ส่งผลให้จีดีพีหดตัว -1.1% แต่หากรวมปัจจัยบวกเรื่องการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าที่มีผลบวกต่อการส่งออก และมาตรการภาครัฐที่ช่วยประคองเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราการเติบโตจีดีพีหดตัวสุทธิ -0.2% จากระดับ 3.2% เหลือ 3%
อย่างไรก็ตาม หากดูการเติบโตไตรมาสที่ 1 ปีนี้ เทียบกับปีก่อนจะเห็นว่าปีก่อนเศรษฐกิจยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดรอบแรก ทำให้เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จะเห็นจีดีพีเติบโตหดตัวติดลบ เช่นเดียวกับหากเทียบไตรมาสก่อนหน้าก่อนก็หดตัวติดลบ และหากดูแนวโน้มไตรมาสที่ 2 จะต้องรอดูผลการระบาดรอบ 3 ซึ่งตอนนี้ยังเร็วเกิน เพราะต้องดูการปรับตัวของประชาชนและมาตรการภาครัฐ
ที่มา: Business Today