• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 เมษายน 2564

    12 เมษายน 2564 | Economic News
   

ดอลลาร์อ่อนค่าต่อตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ - จับตาข้อมูลเงินเฟ้อ

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงใกล้ต่ำสุดรอบ 2 ปีครึ่ง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงกดดันจากการอ่อนตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี จากที่ขึ้นไป 1.6622% ลงมาทำต่ำสุดที่ 1.6170% (30 มี.ค. เป็นวันที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ทำสูงสุดรอบ 1 ปีที่ 1.776%)

ค่าเงินปอนด์ปรับลงทำต่ำสุดรอบ 2 เดือน โดยปรับตัวลงจากแข็งค่ามากสุดรอบ 3 ปีที่ทำไว้ในเดือนก.พ. ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ กังวลเรื่องการพบ “ลิ่มเลือด” จากการใช้วัคซีน AstraZeneca


Bitcoin ซื้อขายสูงกว่า 60,000 เหรียญ ปิด Gap เข้าใกล้สูงสุดประวัติการณ์


Bitcoin ทรงตัวที่ 60,102.69 เหรียญ หลังไปทำสูงสุดที่ 61,222.22 เหรียญในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว หลังทำสูงสุดประวัติการณ์ที่ 61,781.83 เหรียญในเดือนก่อนหน้า

กลุ่มเหมือง Bitcoin ต่างๆ ยังไม่มีแรงเทขายเข้ามาในเวลานี้ จากความต้องการอย่างมากจากภาคบริษัทและนักลงทุน

สมาชิกเฟดยังคงเน้นย้ำว่า “การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ” จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้ ขณะที่วันศุกร์ดอลลาร์แข็งค่าขานรับข้อมูล PPI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีขึ้น

ดัชนีดอลลาร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในตลาดเอเชีย โดยทรงตัวแถว 92.304 จุด หลังจากวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาร่วงลงหลุด 92 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 23 มี.ค.

ข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ สะท้อนถึงภาพรายปีที่มีโอกาสเห็นเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจกลับมาเปิดทำการ และสถานการณ์ด้านสุขภาพที่ดีขึ้น ควบคู่กับการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ

พรุ่งนี้ (13 เม.ย.) ตลาดให้ความสำคัญกับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ



นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์ในรายการ “60 Minutes” ของช่อง CBS ที่ยังย้ำว่า
- เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขึ้นอยู่กับจำนวนการระบาดของไวรัสโคโรนา
- การจ้างงานอาจปรับตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วในเดือนหน้า
- เตือนถึงความเสี่ยงจากการเปิดทำการทางเศรษฐกิจอีกครั้งจากการระบาดของไวรัสที่ยังดำเนินอยู่

ยูโรทรงตัวใกล้กับระดับอ่อนค่ามากสุดตั้งแต่ 23 มี.ค. ที่ 1.1901 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินเยนอ่อนค่าไปที่ 109.66 เยน/ดอลลาร์ เข้าใกล้ระดับแข็งค่ามากสุดที่หลุด 109 เยน/ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว

ทั้งนี้ ค่าเงินเยนอาจกลับไปแถว 110 เยน/ดอลลาร์ และอาจเห็นยูโรอ่อนค่ากลับลงมาใกล้อ่อนค่ามากสุดรอบ 5 เดือนที่ 1.17 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.2% ที่ 1.36745 ดอลลาร์/ปอนด์ ใกล้กับระดับอ่อนค่ามากสุดที่ทำไว้เมื่อวันศุกร์ที่ 1.3670 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นอ่อนค่ามากที่สุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ 8 ก.พ.

· บรรดานักวิเคราะห์ คาด การประมูลพันธบัตรรอบใหญ่อาจกลับมาทำให้ “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวขึ้นต่อ”

สัปดาห์นี้อาจเห็นการประมูลอัตรผลตอบแทนพันธบัตรมูลค่ากว่า 2.71 แสนล้านเหรียญ ประกอบกับข้อมูลเงินเฟ้อที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ที่เป็นปัจจัยสำคัญ ท่ามกลางการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ผ่านมาที่สร้างความกังวลให้นักลงทุนในช่วงไตรมาสแรก

นักลงทุนมองว่าอุปสงค์ที่อ่อนแอของการประมูลพันธบัตรที่จะเริ่มในวันจันทร์นี้ อาจส่งผลให้ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นที่อาจกลับมาอีกครั้งแต่ชะลอตัวกว่าที่พุ่งแรงในช่วงไตรมาสแรก


· “Jamie Dimon” CEO ของ JPMorgan เล็งเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวได้อย่างรุดหน้าในช่วงสิ้นปี 2023


· Johns Hopkins ชี้ ยอดติดเชื้อ Covid-19 ทั่วโลกทะลุ 135.8 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย


· Global Times ระบุว่า ความไม่แน่นอนในการต่อสู้กับ Covid-19 ทั่วโลกยังมีอยู่ ท่ามกลางจีนที่ยังอยู่ในทิศทางแข็งแกร่ง


· ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในอินเดียเพิ่มขึ้นแซงหน้าบราซิล โดยมียอดรายวันพุ่ง 168,912 ราย เป็นยอดติดเชื้อที่มากที่สุดของโลก


· ญี่ปุ่นเริ่มต้นฉีดวัคซีน Covid-19 ให้แก่ผู้มีอายุสูงกว่า 65 ปี ท่ามกลาง Fourth Wave


· ออสเตรเลียยกเลิกการตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีน Covid-19 หลังมีคำแนะนำใช้งานวัคซีน AstraZeneca


· “ไบเดน” ประกาศให้ ผู้ผลิตแบตเตอรี่ของเกาหลีใต้ได้เป็นผู้ทำข้อตกลงสำหรับสินค้าด้านรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศสหรัฐฯ


· Bank of America เล็งเห็นสัมพันธ์เกาหลีใต้และไต้หวันยั่งยืนด้านความสัมพันธ์เรื่อง “ชิป” ที่เป็นปัจจัยสำคัญด้านการผลิต


· Reuters Poll เผย “ส่งออก-นำเข้า” ของจีน มีแนวโน้มจะได้รับแรงหนุนต่อเดือนมี.ค. จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยหนุนนำเข้า

ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ มองว่า ยอดเกินดุลการค้าของจีนถูกคาดว่าจะอยู่ที่ 5.205 หมื่นล้านเหรียญ

ยอดนำเข้าถูกคาดว่าจะโตได้ 35.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลงจากช่วงที่ดีดขึ้นเดือนม.ค. - ก.พ. ที่อยู่ที่ 60.6%

การรีบาวน์ของอุปสงค์ต่างประเทศของจีนยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่ได้รับปัจจัยบวกจากการฉีดวัคซีนขนานใหญ่ ประอบกับผลสำรวจภาคกิจกรรมการผลิตสหรัฐฯที่ปรับขึ้นได้ในเดือนมี.ค. อันได้รับอานิสงส์จากความแข็งแกร่งของยอดคำสั่งซื้อใหม่ ประกอบกับข้อมูลกิจกรรมโรงงานอุตสาหกรรมในยูโรโซนรายเดือนโตได้เร็วมากสุดเป็นประวัติการณ์


· ดัชนีราคาค้าส่งในญี่ปุ่นปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน จากการฟื้นตัวของราคาในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ที่จะส่งผลต่อมาร์จินบริษัท จึงยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ

รายงานของบีโอเจ เผยว่า ดัชนี CGPI ที่มีการรวมบริการและสินค้าปรับขึ้นแตะ 1% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่สะท้อนถึงการปรับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 13 เดือน


· การกู้เงินของธนาคารในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางการระบาดของไวรัสที่สร้างแรงกดดันในภาคบริการ


· ผลสำรวจจาก Reuters สะท้อนว่า ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ ถูกคาดจะคงดอกเบี้ยและการเข้าซื้อพันธบัตร (QE) ต่อไปในการประชุมสัปดาห์นี้ ท่ามกลางการประเมินทิศทางผลกระทบทางเศรษฐกิจแม้ว่านักท่องเที่ยวบางส่วนจะกลับมาอีกครั้งและรัฐบาลมีการประกาศใช้มาตรการที่อยู่อาศัยฉบับใหม่


· “บลินเคนส์” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เตือน จีนที่เพิ่มท่าทีเข้มงวดต่อไต้หวัน ที่อาจเป็นการตัดสินใจดำเนินการที่ “ผิดพลาด” ในการพยายาเปลี่ยนแปลงสถานะและการบังคับในกลุ่มแปซิฟิกตะวันตก


· “ซารีฟ” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ตำหนิ อิสราเอล เหตุโรงนิวเคลียร์โดนโจมตีก่อการร้าย กร้าวขอสงวนสิทธิ์เอาคืน


· AAPP เผย กลุ่มผู้ประท้วงพม่ายังต่อต้านทีมรัฐบาลทหารต่อใน “เทศกาลสงกรานต์” หรือปีใหม่ของพม่า 13-17 เม.ย. ท่ามกลางกำหนดเวลาที่ต้องได้เห็นวิดีโอของนางอองซาน ซูจี

ขณะที่ประชาชนชาวพม่าล่าสุดเสียชีวิตไปแล้วรวมกว่า 706 ราย รวมเป็นเด็ก 46 รายในจำนวนดังกล่าว นับตั้งแต่ที่รัฐบาลทหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ นางอองซาน ซูจี ในวันที่ 1 เม.ย.


· น้ำมันดิบปรับขึ้นจากแนวโน้มความต้องการเชื้อเพลิงที่สดใสในสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในวันนี้ ท่ามกลางแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นช่วงเทศกาลขับขี่หรือเดินทางในฤดูร้อน ประกอบกับโครงการฉีดวัคซีน Covid-19 ที่รุดหน้า แม้ว่าจะเห็นตัวเลขยอดติดเชื้อที่กำลังเพิ่มสูงในหลายๆประเทศจะเป็นปัจจัยจำกัดราคาน้ำมันในเวลานี้ก็ตาม

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 2 เซนต์ ที่ 62.97 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำสูงสุดช่วงต้นตลาดที่ 63.30 เหรียญ/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 1 เซนต์ ที่ 59.49 เหรียญ/บาร์เรล หลังทำระดับสูงสุดช่วงต้นตลาดมากกว่า 46 เซนต์

สหรัฐฯสามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในประเทศได้มากกว่า 70 ล้านคน ขณะที่ยอดติดเชื้อใหม่ในยุโรปเริ่มลดลง หลังเกิดมาตรการ Lockdown อีกรอบ แต่สถานการณ์ในอินเดียยังน่าเป็นกังวลจากยอดติดเชื้อใหม่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียที่ยังปรับตัวขึ้น

ดังนั้น ภาพรวมทั้งหมดจึงมีโอกาสกดดันราคาน้ำมันต่อไป แม้ว่าจะเห็นการเดินทางในโลกเริ่มขยับขึ้น แต่นักวิเคราะห์และเทรดเดอร์ก็มองว่า “ราคาน้ำมันน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ” ต่อไปก่อน 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com