ทองปิดทรงตัวรอประชุมเฟด - พลาเดียมปรับขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์ต่อเนื่อง
ราคาทองคำปิดทรงตัวและมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนรอคอยการประชุมเฟดสัปดาห์นี้ ขณะที่ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯก็ค่อนข้างทรงตัวบริเวณ 1.57% โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแนว 90.828 จุด ฟื้นตัวได้หลังทำต่ำสุดรอบ 8 สัปดาห์
· กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มต่อเนื่องมา 6 วันทำการ โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,021.7 ตัน
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.1% ที่ 1,778.50 เหรียญ
หลังจากเมื่อวานนี้ทำต่ำสุดรอบเกือบ 1 สัปดาห์ บริเวณ 1,768.15 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด +0.13% ที่ระดับ 1,780.1 เหรียญ
· นักกลยุทธ์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า จากข้อมูลประชุมเฟดในอดีตที่ผ่านมา เป็นตัวสะท้อนได้อย่างดีว่า เฟดจะรอการเคลื่อนไวหของเงินเฟ้อก่อนจะกำหนดแนวทางการดำเนินนโยบายต่อไป
· ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์ อาจกำลังให้ความสนใจต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายของเฟด “ในระยะยาว” เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้น
· สำหรับการประชุมเฟดจะเปิดฉากประชุมในคืนนี้เป็นวันแรก และนักลงทุนรอคอยถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด หลังจบการประชุมคืนวันพุธ ว่าจะส่งสัญญาณอย่างไร
· บรรดานักวิเคราะห์จาก ETF Trends, Morgan Creek Capital Management และ Stuart Frannkel มองในทางเดียวกันว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พเมสูงขึ้น เป็นผลจากมุมมองจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในระดับสูง
· ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ 6% ในปีนี้ โดยได้รับแรงกดดันหลักจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
· นักวิเคราะห์จาก OCBC ระบุว่า หากราคาทองคำ Break 1,800 เหรียญไปได้ ก็อาจเป็นเวลาที่เราเห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงมาต่ำกว่า 1.55%
· ราคาพลาเดียมปรับขึ้นต่อทำสูงสุดประวัติการณ์ ปิด +1.8% ที่ 2,906.03 เหรียญ ทำสูงสุด All-Time High ช่วงต้นตลาดที่ 2,941 เหรียญ – ปีนี้พลาเดียมปรับขึ้นมาแล้ว 19%
· นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า ราคาพลาเดียมค่อนข้างผันผวนตามภาวะขาดแคลนอุปทานรอบใหม่ และส่วนหนึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นดันราคาสูงตามในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ต้องปฏิบัติตามกฎการลดมลภาวะในรถยนต์ จึงทำให้เกิดภาวะอุปทานลดลง
· ซิลเวอร์ปิด +0.5% ที่ระดับ 26.13 เหรียญ
· แพลทินัมปิด +0.2% ที่ 1,232.12 เหรียญ
· Bitcoin พุ่งกลับ 54,000 เหรียญ จากรายงานกองทุน JPMorgan
Bitcoin พุ่งสูงขึ้นกว่า10% หลังจากปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากรายงานของ JPMorgan กำลังวางแผนที่จะเสนอให้มีกองทุน Bitcoin
· ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯประจำเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดแตะ 0.5% ขณะที่เดือนก.พ. มีการปรับทบทวนให้ลดลงมาแตะ 0.9%
· ค่าใช้จ่ายภาคธุรกิจด้านอุปกรณ์ต่างๆปิดไตรมาสแรกอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะยอดคำสั่งซื้อใหม่ในสินค้าหลักๆประจำเดือนมี.ค. และการขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น
ตอกย้ำทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาสที่ 1/2021 ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว อันได้รับอานิสงส์จากการอัดฉีดของภาครัฐจำนวนมหาศาลและการฟื้นตัวของอุปสงค์ด้านสาธารณสุข
· ทำเนียบขาว เผย การขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลอาจส่งผลกระทบกับกลุ่มผู้เสียภาษีราว 0.3%
· ความต้องการพันธบัตรของภาคธนาคารยังไม่ได้ส่งผลพอให้เฟดตัดสินใจยุติการผ่อนคลายทางการเงิน แม้ว่าจะเห็นภาคบริษัทต่างๆมีการเพิ่มเงินทุนมากขึ้นผ่านการออกตราสารหนี้ก็ตาม
· แนวทางการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินของธนาคารกลางแคนดา ส่งสัญญาณให้นักลงทุนคาดอาจเห็นแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางอื่นๆ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางแคนาดาหรือบีโอซี ถือเป็นธนาคารกลางรายใหญ่แห่งแรกที่ตัดสินใจจะลดแนวทางการผ่อนคลายทางการเงิน และตัดสินใจจะปรับแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินเป็นคุมเข้มมากขึ้น และส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในปีหน้า รวมถึงการปรับลดการเข้าซื้อ QE ดูจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อระดับดอกเบี้ย ขณะที่การดำเนินการของบีโอซีมีขึ้นเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น
แต่รายงานจาก Reuters ระบุว่า นักวิเคราะห์บางส่วนก็คาดว่าการดำเนินการของบีโอซี อาจกลายมาเป็นต้นแบบให้ธนาคารกลางอื่นๆเปลี่ยนท่าทีมาคุมเข้มทางการเงินได้เช่นเดียวกัน
กลุ่มนักวิเคราะห์ ระบุว่า มีการเตรียมปรับพอร์ตการลงทุนบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องและรับมือกับแนวโน้มที่อาจเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการส่งสัญญาณของบีโอซีทำให้นักลงทุนให้ความสนใจกับผลลัพธ์จากธนาคารกลางอื่นๆที่จะเกิดขึ้นตามมา
· การฟื้นตัวภาคธุรกิจเยอรมนีฟื้นตัวน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. แตะ 96.8 จุด เดิม 96.6 จุดในเดือนก่อนหน้าท่ามกลาง Third Wave และปัญหาด้านอุปทานในภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ
สถาบัน Ifo ยังมองว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจจะมีมุมมองเชิงบวกลดลง แต่ภาพรวมดัชนีภาคธุรกิจมีการฟื้นตัวทำสูงสุดได้ในรอบเกือบ 3 ปี จากรายงานบริษัทด้านอุตสาหกรรมที่มียอดสั่งจองและสินค้าในโรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น
· จีดีพีเกาหลีใต้ไตรมาสที่ 1/2021 ออกมาดีเกินคาด แตะ 1.6% จากยอดส่งออกและภาคการลงทุน
ขณะที่ไตรมาสที่ 4/2020 ถูกปรับทบทวนขึ้นมาเพิ่มขึ้นที่ 1.2%
· สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาล่าสุดยังพบ 57 ประเทศทั่วโลกมีรายงานยอดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น
ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกล่าสุด 148.46 ล้านราย โดยวานนี้ยังพบภาพรวมทั่วโลกมียอดติดเชื้อสูงถึง 671,223 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมของโลกล่าสุดอยู่ที่ 3.13 ล้านราย
สหรัฐฯมีรายงานยอดติดเชื้อสะสมที่ 32.87 ล้านราย และเสียชีวิตสะสมในประเทศ 586,597 ราย
ทางด้านอินเดียอ่วมหนัก ล่าสุดวานนี้มีผู้ติดเชื้อใหม่ทะลุสามแสนราย อยู่ที่ 319,435 ราย รวมติดเชื้อสะสม 17.62 ล้านราย
บราซิลมียอดติดเชื้อสะสมทะลุ 14 ล้านราย โดยยอดติดเชื้อรายวันล่าสุด 29,669 ราย
· ยอดติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงแตะระดับต่ำสุดรายวันตั้งแต่ต.ค. ปีที่แล้ว และลดลงไป 16% เป็นอัตราการปรับลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดตั้งแต่ก.พ.
· ทำเนียบขาวพร้อมแบ่งปันวัคซีน AstraZeneca จำนวน 60 ล้านโดสให้แก่ประเทศอื่นๆทั่วโลก
· อียูกำลังดำเนินตามกฎหมายฟ้องบริษัท AstraZeneca ที่ขาดแคลนวัคซีนในการจัดส่งไม่ตรงตามเงื่อนไข
· CEO สายการบิน British Airways ระบุถึง “โอกาสครั้งยิ่งใหญ่” สำหรับการท่องเที่ยว “สหรัฐฯ-อังกฤษ”
ในการเปิดประตูระหว่างกันของประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในระดับสูง คาดอาจเปิดการเดินทางระหว่างกันได้ตั้งแต่มิ.ย. เป็นต้นไป
· อินเดียส่งกองกำลังติดอาวุธหนุนกู้วิกฤตโรงพยาบาลในประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 โดยมีหลายๆประเทศยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
ขณะที่ผู้บังคับการสูงสุดแห่งกระทรวงกลาโหมอินเดียมีคำสั่งให้กองพลร่วมเคลื่อนย้ายออกซิเจนที่สำรองลำเลียงไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ขณะที่แพทย์ทหารที่เกษียณอายุก็จะเข้าร่วมช่วยเหลือวิกฤตสุขภาพครั้งนี้
· “บังกาลูรู” หนึ่งในเมืองด้านการจัดการเทคโนโลยีของอินเดียที่เกี่ยวข้องกับบริษัทต่างๆกว่า 100 แห่งเผชิญวิกฤตยอดติดเชื้อพุ่งสูงเป็นลำดับสองของอินเดีย กดดันขยาย Lockdown ต่อเนื่อง
· ประธานาธิบดีฝรั่งเศส รับ การจะเปิดบริการร้านอาหารในฝรั่งเศสยังมีความไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับการระบาดของไวรัสโคโรนา
· ตุรกีประกาศจะทำการ “Full Lockdown” ตั้งแต่ 29 เม.ย. นี้ จนถึง 17 พ.ค. เพื่อสกัดการระบาดจากยอดติดเชื้อและเสียชีวิตที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
· ละตินอเมริกาขาดแคลนวัคซีน “ส่อคุกคาม” การฟื้นตัวที่เปราะบางทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโรนา และการใช้มาตรการ Lockdown, การใช้มาตรการเข้มงวด
ท่ามกลางคนติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงและยอดเสียชีวิตรายวันที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
· Reuters รายงานสถานการณ์ในไทยมีการเข้มงวดและจ่อ Shutdown จากวิกฤต Covid-19 แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการดำเนินการของรัฐบาลอาจยังไม่เพียงพอ
รัฐบาลไทยมีการประกาศระงับและเข้มงวดต่อการเดินทางเข้าประเทศจากอินเดียวานนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การระบาดเพิ่มสูงขึ้นจากสายพันธุ์ใหม่ ประกอบกับการปิดสถานที่บางแห่งในกรุงเทพฯ อาทิ สวนสาธารณะ, โรงยิม, โรงภาพยนตร์ และศูนย์กลางการดูแลในเมืองหลวงต่างๆ ที่จะปิดทำการตั้งแต่ 26 เม.ย. – 9 พ.ค. แต่ภาพรวมก็น่าจะยังไม่เพียงพอในการจำกัดวิกฤตยอดติดเชื้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย
นอกจากนี้ สถานการณ์ในเวลานี้ไม่เหมือนกับปีที่แล้ว และการที่อนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งร้านอาหารปิดทำการเร็วขึ้นก็ดูจะทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดคลัสเตอร์และการระบาดในจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้หลายๆฝ่ายเรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของประเทศลาออก
· ไทยพบยอดติดเชื้อสูงถึง 2,048 รายวานนี้ รวมยอดติดเชื้อสะสม 57,508 ราย
ขณะที่เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 148 ราย
แต่หากนับผู้ป่วยสะสมของการระบาดระลอกเดือนเมษายน รวมทั้งสิ้น 28,645 ราย โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 64
· รายงานจาก BBC News ระบุว่า นายกรัฐมนตรีไทย ย้ำ “ทำทุกทางเพื่อผ่านวิกฤต” แต่ 2 อาจารย์หมอ อายุรแพทย์-ทรวงอก บอกรอบนี้ "เอาไม่อยู่" - ขณะที่กว่า 1,400 รายตกค้างรอเตียง
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีไทย ก็มีการประกาศเตรียมฉีดวัคซีนให้ได้ 50 ล้านคน สิ้นปีนี้ ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยพีบีเอส
- มติกระทรวงสาธารณสุข ชงปรับคุม COVID-19 สีแดงเข้ม 6 จว.รวม "กทม.-เชียงใหม่"
ภาพรวมสาธารณสุขไทยชี้ COVID-19 กระจุกตัวใน 6 จังหวัด เจอคลัสเตอร์ใหม่ลาม 25 จังหวัด ที่ประชุม EOC สธ.มีมติชง ศบค.ให้ปรับ 6 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ครอบคลุม กทม.นนทบุรี สมุทรปราการ เชียงใหม่ ปทุมธานี ชลบุรี ส่วน 55 จังหวัดสีแดงควบคุมสูงสุด
- ศบค.สั่งชะลอ 3 ประเทศเดินทางเข้าไทย-เพิ่มกักตัว 21 วัน ได้แก่ อินเดีย ปากีสถาน และบังกลาเทศ พร้อมกักตัว 21 วัน
- ถึงไทยแล้ว "ฟาวิพิราเวียร์" 2 ล้านเม็ด
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยยาฟาวิพิราเวียร์ รักษาผู้ป่วย COVID-19 ถึงไทยแล้ว 2 ล้านเม็ด และจะได้เพิ่มอีก 1 ล้านเม็ด พ.ค.นี้ พร้อมสั่งจัดหาเพิ่มอีก 2-3 ล้านเม็ด
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด COVID-19 ระลอก 3 ฉุดรายได้ท่องเที่ยวไทย 1.3 แสนล้านบาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ารายได้ของตลาดไทยเที่ยวไทยช่วงครึ่งแรกปีนี้เหลือ 1.37 แสนล้านบาท หรือหายไป 1.30 แสนล้านบาท หลังจาก COVID-19 ระบาดระลอกใหม่ มีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนและกระจายไปหลายจังหวัด หลังตัวเลขล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาชี้ว่า เดือน ก.พ.2564 การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากเดือน ม.ค.2564
- COVID-19 รอบ 3 ฉุดยอดใช้จ่ายอาหาร – เครื่องดื่ม แต่คาดอาจเติบโต 0.5% หากคลี่คลายภายใน 3 เดือน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าในกรณีฐาน หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายใน 3 เดือนข้างหน้า (โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ใกล้เคียงกับสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มี.ค. หรือก่อนที่จะมีการระบาดระลอก 3 หรือเฉลี่ยไม่เกิน 100 ราย/วัน)
ในกรณีเลวร้าย หากสถานการณ์ถูกลากยาวไปมากกว่าภายในช่วง 3 เดือนนี้ หรือมีการแพร่ระบาดที่เป็นคลัสเตอร์กลุ่มใหม่ การกลับมาฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภคคงเป็นไปได้ยาก
อีกทั้งยังทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนทางธุรกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนอาจไม่สามารถประคับประคองสภาพคล่องมากกว่า 2 ปีติดต่อกันได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย
ดังนั้น มูลค่าการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มในประเทศ จึงมีโอกาสที่จะหดตัวไปอยู่ที่ระดับ -2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน
· อ้างอิงจากประชาชาติ
- รัฐยกระดับคุมเข้มป้องโควิดระบาด กดดันหุ้นไทยเสี่ยงขาลง
ตลาดหุ้นไทยวันนี้เสี่ยงขาลงเคลื่อนไหวระหว่าง 1,530-1,550 จุด ตามความรุนแรงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศที่มีมากขึ้น การตกค้างของผู้ติดเชื้อใน กทม. ที่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาและอยู่ระหว่างการรอเตียงอีกกว่า 2 พันราย ทำให้ภาครัฐต้องยกระดับมาตรการคุมเข้ม สั่งปิดสถานที่เสี่ยง 31 ประเภท เริ่มตั้งแต่ 26 เม.ย.เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน เริ่มบทลงโทษไม่สวมหน้ากากอนามัยออกจากเคหสถานปรับเงิน 2 หมื่นบาท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันที่ 26 เม.ย. 2564 ว่า คาดเช้านี้ดัชนีเคลื่อนไหวอิงทางลงเป็นหลักระหว่าง 1,530-1,550 จุด ตามพัฒนาการของปัจจัยภายในที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อบรรยากาศการลงทุนภายในประเทศ ด้วยความรุนแรงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศที่มีมากขึ้นในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และการตกค้างของผู้ติดเชื้อใน กทม. ที่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาและอยู่ระหว่างการรอเตียงอีกกว่า 2 พันราย ทำให้ภาครัฐต้องยกระดับมาตรการคุมเข้มมากขึ้น
- JCR มองความน่าเชื่อถือไทยมีเสถียรภาพ คาดจีดีพีปีนี้กลับมาโต 3%
สบน. เผย Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น คงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทย A – ยังคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ คาดปีนี้จีดีพีโต 3% เน้นติดตามความไม่แน่นอนทางการเมือง-การปฏิรูปนโยบายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูง
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35 - 31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดูประชุมเฟดว่าจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยตามธนาคารกลางแคนาดาหรือไม่ เพราะตอนนี้แนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น หากส่งสัญญาณของการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าต่อ และบาทก็จะปรับอ่อนค่าได้
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- กระทรวงการคลัง เผยได้เตรียมงบประมาณสำหรับการดำเนินการแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กว่า 3 แสนล้านบาท โดยจะเป็นการช่วยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ลดภาระของประชาชน กระตุ้นการใช้จ่ายและการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป
- กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP Research) ปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจลงอีกครั้งมาที่ 2.2% จากเดิมคาดไว้ที่ 2.7% เป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในเดือน เม.ย.64 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริโภคภาคเอกชนในช่วงไตรมาส 2/64 และยังปรับลดการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจาก 1 ล้านคนเหลือเพียง 5 แสนคนในปีนี้ เนื่องจากการฉีดวัคซีนค่อนข้างช้า
· อ้างอิงจากสำนักข่าว Workpoint Today
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยอมรับไวรัสโคโรนาระลอกนี้ กระทบจีดีพีไทยและทั่วโลก ขอคนไทยรักชาติ ช่วยกันนำเงินฝากออกมาใช้ จะสามารถดันจีดีพี โตถึง 4% ได้ตามเป้า