• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 28 เมษายน 2564

    28 เมษายน 2564 | SET News



· Deutsche Bank เผยรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2021 ดีที่สุดตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2014 แตะ 908 ล้านยูโร (1.1 พันล้านเหรียญ)



· ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานกันในวันนี้ โดยมูลค่าหุ้นที่สูงทำให้เหล่านักลงทุนไม่สามารถเข้าซื้อหุ้นก่อนหน้าการประกาศผลการประชุมเฟด


ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 0.23%

ตลาดหุ้นออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.55%

ขณะที่ดัชนี S&P 500 e-mini futures เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.09%


· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่ความกังวลเกี่ยวกับมุมมองผลประกอบการภาคบริษัทที่เพิ่มขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเหล่านักลงทุนกำลังรอคอยผลการประชุมเฟดในคืนนี้


ดัชนี Nikkei ปิด +0.21% ที่ระดับ 29053.97 จุด

ดัชนี Topix +0.29% ที่ระดับ 1,903 จุด


ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงกลางของฤดูกาลประกาศผลประกอบการภาคบริษัท โดยมี Sony Group, Shin-Etsu Chemical และ TDK ในบรรดาบริษัทใหญ่ ๆ รายงานแนวโน้มผลประกอบการหลังจากที่ตลาดปิดเมื่อวานนี้

ขณะที่บริษัทหลายแห่ง รวมถึง Nidec และ Canon ล้มเหลวในการสร้างความประทับใจให้กับนักลงทุน แม้จะมีผลประกอบการที่ค่อนข้างแข็งแกร่งก็ตาม

ทางด้านบริษัทเทคโนโลยี เช่นผู้ผลิตหุ่นยนต์ Fanuc เพิ่มขึ้น 2.03% ขณะที่ Daikin Industries ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น 2.82%

Nomura Holdings เพิ่มขึ้น 1.54% หลังจากนายหน้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น กล่าวว่า อาจจะขาดทุน 2.9 พันล้านเหรียญ จากการยุบกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Archegos ของสหรัฐฯ


· หุ้นจีนทรงตัว - นักลงทุนรอสัญญาณการดำเนินนโยบาย

ตลาดหุ้นจีนค่อนข้างทรงตัวตลอดวันนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เฝ้ารอการประชุมนโยบายการเงิน จึงลดความสำคัญเกี่ยวกับการประกาศรายงานผลประกอบการที่ออกมาแข็งแกร่ง สะทอ้นมุมมองเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้จากวิกฤตไวรัสโคโรนา


ดัชนี Shanghai Composite ปิด -0.04% ที่ 3,441.1 จุด

ดัชนี CSI300 (กลุ่ม Blue Chip) ปิด +0.04% ที่ 5,090.52 จุด

ดัชนี HSI ปิด +0.13% ที่ 28,978.49 จุด


การเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มเล็กของจีน

ดัชนี Shenzhen ปิด +0.49%

ดัชนี ChiNext Composite ปิด +1.83%

ดัชนี STAR50 (กลุ่มเทคโนโลยีในเซี่ยงไฮ้) ปิด +0.63%


ปัจจัยอื่นๆ:

- Financial Times เผย รายงานประชากรในประเทศจีนลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1949 สร้างความท้าทายใหม่ให้แก่กลุ่มผู้กำหนดนโยบายประเทศในการเผชิญกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว

- นักลงทุนคาดหวังเห็นการประชุมทางการเมืองของจีน ซึ่งเป็นการตัดสินใจของกลุ่มผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่คาดจะเกิดขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ และอาจมีการส่งสัญญาณชี้นำถึงแนวทางการพิจารณานโยบายต่างๆ



· หุ้นยุโรปเคลื่อนไหวผสมผสานรอเฟด - รายงานผลประกอบการ ขณะที่ Deutsche Bank ทะยาน 6%


ดัชนี Stoxx 600 เปิดทรงตัวช่วงต้นตลาด

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับขึ้นราว 0.9%

หุ้นกลุ่มการโรงแรม-ท่องเที่ยวเปิด -0.7%


ปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจ

- การตัดสินใจของประชุมเฟดในคืนนี้

- การประกาศรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่


ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดกรกล่าวถ้อยแถลงผลประชุมเวลาประมาณตี 1.30น. ตามเวลาไทย


· หุ้นอินเดียปรับขึ้นตามรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง - บริษัท Zomato ที่จัดส่งอาหารยื่นเรื่องเข้า IPO

หุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดรอบเกือบ 3 สัปดาห์ โดยได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มการเงินและผู้ผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวสูงขึ้นรับรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รวมทั้งข่าวที่บริษัท Zomato Ltd. ที่เป็นบริษัท Startup ด้านการขนส่งอาหาร มีการยืนเรื่องจดทะเบียน IPO


ดัชนี NSE Nifty 50 ปิด +0.71% ที่ 14,757 จุด

ดัชนี S&P BSE Sensex ปิด +0.78% ที่ 49,327.3 จุด


ภาพรวมดัชนี 2 ชนิดปรับตัวลงเกือบ 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางนักลงทุนที่วิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากยอดติดเชื้อและเสียชีวิตจาก Covid-19 ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยที่สัปดาห์ที่แล้วมียอดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 1.2 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 8,000 รายในสัปดาห์เดียว


อ้างอิงจากโพสต์ทูเดย์

- ฟันธงเศรษฐกิจไทยยังเสี่ยงตลอดทั้งปี

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร (KKP) ปรับประมาณการตัวเลข GDP ลงจาก 2.7% เป็น 2.2% ตามการระบาดโควิดระลอกใหม่ที่จะกระทบกับการบริโภคและแผนการเปิดประเทศ โดยปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 1 ล้านคนเหลือ 5 แสนคนในปีนี้ อย่างไรก็ตามในกรณีที่การระบาดยืดเยื้อ คาดว่า GDP จะเติบโตได้เพียง 1.8%


อ้างอิงจากผู้จัดการออนไลน์

- เอดีบีคาดเศรษฐกิจไทยโต 3% สถานการณ์โควิด-19 ยังเสี่ยงสูง

ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือเอดีบี คาดการณ์เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยเศรษฐกิจหดตัวร้อยละ 6.1 ในปี 2563 อย่างไรก็ตาม เอดีบีคาดว่า GDP ของไทยจะกระเตื้องขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 3 ในปี 2564 และขยายตัวถึงร้อยละ 4.5 ในปี 2565 เนื่องจากการกระจายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั่วโลก และการเพิ่มขึ้นของการค้าและการท่องเที่ยว ส่วนการส่งออกสินค้าและบริการคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 ในปีนี้ และร้อยละ 12.5 ในปีหน้า ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนคาดว่าจะกระเตื้องขึ้นที่ร้อยละ 2.1 ในปี 2564 และร้อยละ 3 ในปี 2565 อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นที่ร้อยละ 1.1 และร้อยละ 1.0 ในปี 2564 และปี 2565 ตามลำดับ


อ้างอิงจากฐานเศรษฐกิจ

- เศรษฐกิจไทยเสี่ยงทั้งปี หากวัคซีนยังล่าช้า


อ้างอิงสำนักข่าวมติชน

- ไทย ร่วงอันดับ 13 ประเทศปรับตัวสู้โควิด สิงคโปร์ แชมป์ โค่นนิวซีแลนด์


สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานการจัดอันดับสถานที่ที่สามารถปรับตัวสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid Resilience Ranking) จากทั้งหมด 53 เขตเศรษฐกิจของโลก ประจำเดือนเมษายน เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาระบุว่า สิงคโปร์ สามารถโค่นบัลลังก์อันดับ 1 อย่างประเทศนิวซีแลนด์ ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการจัดอันดับมา




อย่างไรก็ตามรายงานระบุว่าบทเรียนสำหรับเดือนเมษายนก็คือวัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดยยกตัวอย่างหลายประเทศที่ฉีดวัคซีนในสัดส่วนการเข้าถึงวัคซีนได้ดีอย่าง ฝรั่งเศส ชิลี ก็ยังต้องเผชิญกับเชื้อกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาด

สำหรับประเทศไทยร่วงจากอันดับ 9 ลงมาอยู่ในอันดับที่ 13 ถูกเวียดนาม ฮ่องกง และฟินแลนด์แซงหน้าขึ้นไป โดยประเเทศไทยมีคะแนนการปรับตัวกับการแพร่ระบาดอยู่ที่ 66.7 คะแนน


อ้างอิงประชาชาติธุรกิจ

- “ไทยพาณิชย์” ชี้โควิดรอบใหม่ ฉุดตลาดหุ้นไทย Q2-Q3 ไม่สดใส

บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินการระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ กระทบตลาดหุ้นไทย 2 ไตรมาส ฉุดภาพรวม Q2-Q3 ของปี 2564 ไม่สดใสอีกรอบ หลังช่วง Q1 SET Index ฟื้นตัวแรงปรับตัวขึ้นไปที่ระดับก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 สำเร็จแล้ว มองดัชนีปีนี้อยู่ที่ 1,550 จุด แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ซื้อสะสมในจังหวะที่ตลาดแกว่งตัวลง ให้เพิ่มน้ำหนักหุ้นเชิงรับมากขึ้น


- พุ่งไม่หยุด ไทยติดโควิดอีก 2,012 ราย ตายเพิ่ม 15 จับตา! ศบค.แจงรายละเอียด


อ้างอิงไทยรัฐ

- ไม่มีเศรษฐีอินเดียติดโควิดบินมาไทย สตม.แจงแหลก ยันมีมาตรการตรวจสอบเข้มข้น


อ้างอิงจาก PPTV Online

- ไทยอยู่ตรงไหน? เมื่อโลกฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว 1 พันล้านโดส

ณ วันที่ 26 เม.ย. ประเทศไทยมีจำนวนโดสการฉีดวัคซีนโควิด-19 อยู่ที่ราว 1,150,000 โดส สูงเป็นอันดับ 56 ของโลก



อ้างอิงจาก Brandinside.asia

- โควิด-19 ระลอกนี้ซ้ำเติมกลุ่มแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบหนักอยู่แล้วให้หนักลงไปอีก

- ธ.ค.63 คาดว่ามีผู้ว่างงานจากผลกระทบโควิด-19 ประมาณ 5.9 แสนคน

- ผู้เสมือนว่างงาน หรือมีจำนวนชั่วโมงการทำงานน้อยลง รายได้ก็ลดลงด้วย ประมาณ 2.1 ล้านคน

- แรงงานภาคธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจบริการ กว่า 6.9 ล้านคน ยังไม่ฟื้นและรายได้หดหาย

- ภาครัฐต้องเร่งพัฒนาทักษะและผลิตภาพแรงงานไทย ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีนโยบายเชิงรูปธรรม และประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามกำลังแซงหน้าไปแล้ว

- แรงงานเปราะบางปี 2564 มีโอกาสเพิ่มสูงกว่า 2.7 ล้านคน หรือ 6.9%

ภาพดังกล่าวย่อมกดดันเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจและครัวเรือน ให้มีความเปราะบางมากขึ้นผ่านจังหวะการฟื้นตัวที่สะดุดลงและเลื่อนเวลาออกไป



กล่าวได้ว่า แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิดรอบแรกและมีความเปราะบางด้านรายได้ อาจมีมากถึง 2.7 ล้านคน หรือ 6.9%

ดังนั้น สำหรับในปี 2564 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงมองว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จำนวนแรงงานเปราะบางที่วัดจากผู้ว่างงานและผู้เสมือนว่างงานจะยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ในกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถเปิดการท่องเที่ยวได้ สถานการณ์การจ้างงานจะแย่ลง



สำหรับแรงงานนั้น จำเป็นอย่างยิ่งเช่นกันที่จะต้องเร่งปรับตัว ทั้งการรู้ลึกรู้จริงในสาขาที่เชี่ยวชาญ และรู้รอบรู้กว้างในสาขาอื่นๆ อีกทั้งยังต้อง Upskill / Reskill ให้มีทักษะที่จำเป็นที่เป็นที่ต้องการสำหรับภาคธุรกิจแห่งอนาคต ที่สำคัญก็คือ ทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ ทักษะด้านภาษา ความยืดหยุ่นในการปรับตัว เป็นต้น ตลอดจนคงต้องสร้างอุปนิสัยรักการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ซึ่งจะทำให้แรงงานมีความสามารถในการรับมือกับวิกฤตต่างๆ ที่จะเข้ามาอีกในอนาคตได้อย่างยั่งยืน


อ้างอิงสำนักข่าวไทยพีบีเอส

- เอกชนเตรียมหารือนายกฯ ชงแผนจัดหา-กระจายวัคซีน COVID-19

ภาคเอกชนเตรียมพบนายกฯ ในวันนี้ (28 เม.ย.) ชี้แจงแผนงานการกระจายวัคซีน COVID-19 เพื่อช่วยรัฐเร่งจัดหาวัคซีน 20-30 ล้านโดสภายในเดือน มิ.ย.นี้

ขณะที่นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า เตรียมรายงานความคืบหน้าการจัดทำพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ใน จ.ภูเก็ต พร้อมเสนอฉีดวัคซีนให้ได้ 100% เพื่อเสนอภาพความเชื่อมั่นและพื้นที่ปลอดภัยนำร่อง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com