ดอลลาร์อ่อน - อัตราผลตอบแทนร่วง หนุนทองฝ่าเหนือ 1,800 เหรียญ
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้กว่า 1% ปรับขึ้นเหนือระดับสำคัญทางจิตวิทยา 1,800 เหรียญ จากปัจจัยหลักในตลาด คือ
1. การอ่อนค่าของดอลลาร์หลุด 91 จุดอีกครั้ง โดยดอลลาร์ปิดตลาดวานนี้ -0.34% ที่ระดับ 90.948 จุด
2. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.6% โดยปิดที่ 1.58%
3. คำสั่ง Stop Orders ในตลาดอนุพันธ์ ที่ช่วยหนุนราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.6% ที่ 1,814.5 เหรียญ ระหว่างวันทำ High 1,817.9 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ 16 ก.พ.
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด +1.8% ที่ระดับ 1,815.7 เหรียญ
· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA มองว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะอยู่ในทิศทางที่สดใส แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินของเฟดได้ ประกอบกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
· เฟดมีแผนจะคงดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์ต่อไป รวมทั้งการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนมูลค่า 1.2 แสนล้านเหรียญ จนกว่าจะเห็นเป้าหมายที่กำหนดฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนทั้งเรื่องการจ้างงาน ขณะที่เฟดเองก็มีความยืดหยุ่นเรื่องเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
· นักวิเคราะห์จาก ED&F Man Capital Market มองว่า ทองคำอาจไปได้ไกลถึง 1,850 เหรียญในเดือนหน้า
FXStreet คาด ทองขาขึ้น แนะจับตาเส้น SMA ราย 200 วันบริเวณ 1,850 เหรียญ หลังฝ่า 1,800 เหรียญมาได้ โดยโอกาสแรกอาจเห็นทองแตะ 1,822 เหรียญ ที่เป็นจุด Pivot Point ของภาพรายสัปดาห์
· กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,019.33 ตัน
· ตลาดสนใจการประกาศข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯในคืนนี้ ที่คาดว่าอาจเห็นการจ้างงานเพิ่มได้ราว 978,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
· Kitco ชี้ ทองพุ่งทำสูงสุด 10 สัปดาห์ - สัญญาณเทคนิคชี้ภาวะขาขึ้น, ดอลลาร์อ่อนค่า
นักวิเคราะห์จาก Kitco ระบุว่า ราคาทองคำปรับเหนือระดับแนวต้านสำคัญทางเทคนิค 1,800 เหรียญมาได้และทำสูงสุดรอบ 10 สัปดาห์
ด้านซิลเวอร์มาแรงไม่ต่างกัน ทะยานทำสูงสุดรอบ 9 สัปดาห์
ทั้งนี้ การที่ทองคำยืนเหนือน 1,800 เหรียญได้ บ่งชี้ภาพขาขึ้นกลับมาอีกครั้ง ประกอบกับตลาดอนุพันธ์รับแรงหนุนจากคำสั่ง Stop Orders ที่ช่วยดันราคาให้สูงขึ้น
ภาพทางเทคนิคทองคำเป็นขาขึ้นได้ในสัปดาห์นี้ ประกอบกับการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่อ่อนตัวลงจากที่ปรับขึ้นในสัปดาห์นี้
“ความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อทั่วโลก” จะกลายมาเป็นปัญหาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และนี่ “จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำได้ต่อ”
· พลาเดียมปิด -1% ที่ 2,943.37 เหรียญ
หลังทำ All-Time High บริเวณ 3,017.18 เหรียญ ท่ามกลางภาวะขาดแคลนอุปทานในกลุ่มรถยนต์
· ซิลเวอร์ปิด +3.2% ที่ระดับ 27.34 เหรียญ
ระหว่างวันทำสูงสุดรอบกว่า 2 เดือนบริเวณ 27.45 เหรียญ
· แพลทินัมปิด +2.1% ที่ 1,250.74 เหรียญ
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ Bank of America กล่าวว่า ทองแดงเป็น “พลังงานน้ำมันใหม่” และการปรับลงของสต็อกคงคลังอาจทำให้ราคาทองแดงพุ่งแตะ 20,000 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา
· จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ร่วงลงทำต่ำสุดรอบ 13 เดือน
จำนวนคนว่างงานสหรัฐฯรายสัปดาห์ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว 92,000 ราย สู่ระดับ 498,000 ราย ท่ามกลางตลาดแรงงานฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากสถานการณ์ด้านสุขภาพที่คลี่คลายขึ้น และรัฐบาลสนับสนุนทางการเงินครั้งใหญ่
ตลาดแรงงานแกร่งขึ้น สะท้อนว่าบรรดาผู้จ้างงานประกาศลดตำแหน่งงานน้อยสุดในรอบเกือบ 21 ปี ขณะที่รายงานต่างๆสะท้อนว่าข้อมูลการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือนเม.ย.
อย่างไรก็ดี ตลาดแรงงานก็ยังฟื้นตัวได้อย่างไม่สดใสนัก จากผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ยังลงทะเบียนรับสิทธิประมาณ 16.2 ล้านราย
· “ไบเดน” ตั้งใจผลักดันอัตราภาษีนิติบุคคลที่ระดับ 25% เพื่อหนุนโครงการค่าใช้จ่ายต่างๆ
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า ภาษีนิติบุคคล ควรอยู่ระหว่าง 25-28% เพื่อให้สามารถช่วยจ่ายเงินในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน และมีสัญญาณบ่งชี้ว่า อาจยอมรับอัตราภาษีที่น้อยกว่านั้นได้เพียงเล็กน้อย ตรงข้ามกับสิ่งที่พรรครีพับลิกันค้านเรื่องการสนับสนุนการระดมเม็ดเงิน
เนื่องจาก นายไบเดนไม่ต้องการให้ภาคบริษัทขนาดใหญ่จ่ายภาษีที่ระดับศูนย์ หรือมีการลดระดับภาษีตามกฎหมายปรับลดภาษีฉบับปี 2017 ดังนั้น การปรับลดภาษีจึงควรอยู่ระหว่าง 25 – 28%
ทั้งนี้ แผนโครงสร้างพื้นฐาน 2.3 ล้านล้านเหรียญของเขา เป็นการเสนอโดยจะมีการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลรวมอยู่ด้วยจากระดับ 21% มาเป็น 28% แต่ก็มีสัญญาณว่าอาจมีการประนีประนอมกันได้
· รายงานนโยบายครึ่งปีเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินของเฟด ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับ “การปรับตัวลงอย่างมีนัยยะ” ของราคาสินทรัพย์ต่างๆ
เพราะถึงแม้ภาพโดยองค์รวมระบบการเงินจะยังมีเสถียรภาพอย่างมาก แต่อนาคตก็ดูจะมีอันตรายมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับขึ้นอย่างรุนแรงในตลาดหุ้นที่เริ่มชะลอตัวที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อระบบการเงินมากขึ้น
· บีโออีชะลอการลดเข้าซื้อพันธบัตร แม้จะมีความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว
ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) มีมติตัดสินคงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จะมีสัญญาณที่สะท้อนว่าเศรษฐกิจของอังกฤษสามารถฟื้นตัวได้จากไวรัส ประกอบกับโครงการฉีดวัคซีนที่รุดหน้ารวดเร็ว
ทั้งนี้ บีโออีคงการใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำ All-Time Low 0.1% และการซื้อพันธบัตรตามเดิมที่ 8.95 แสนล้านปอนด์ (1.24 ล้านเหรียญ)
· นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเลือกตั้งในสก็อตแลนด์อย่างใกล้ชิด เพราะอาจสร้างความผันผวนทางการเมือง ตลอดจนการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกเทศครั้งใหม่
· สถานการณ์ไวรัสโคโรนาพบยอดติดเชื้อรายวันทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเหนือ 800,000 รายอีกครั้ง ล่าสุดแตะ 843,468 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมแตะ 3.26 ล้านราย
รายงานยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกพบสูงขึ้น 42 ประเทศ หลังลดลงไป 30 ประเทศในช่วง 2 วันก่อน
สถานการณ์ในอินเดียยังคงรุนแรง ล่าสุดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 400,000 รายอีกครั้ง โดยมีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่ม 414,433 ราย รวมสะสม 21.48 ล้านราย และเสียชีวิตในประเทศเพิ่มเกือบ 4,000 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 234,071 ราย
บราซิลก็ยังคงมีผู้ติดเชื้อหนัก ล่าสุดเพิ่มมากถึง 72,559 รายในวันเดียว ทำให้ยอดรวมสะสมล่าสุดทะลุ 15 ล้านรายขึ้นมา ด้านเสียชีวิตในประเทศสูงถึง 2,531 ราย รวมสะสม 417,176 ราย
· สถานการณ์ระบาดในไทยยังไม่สดใส เมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1,911 ราย รวมติดเชื้อสะสม 76,811 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 18 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 336 ราย
ทั้งนี้หากนับเฉพาะการระบาดระลอกใหม่ ตั้งแต่ 1 เมษายน - 5 พฤษภาคม 2564 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 47,948 ราย
· บรรดาผู้ผลิตยา ชี้ ไบเดนส่งสัญญาณผิดพลาดเรื่องการละเว้นสิทธิบัตรวัคซีน
เนื่องด้วยการละเว้นดังกล่าวอาจส่งผลให้
- อุปสรรคด้านห่วงโซ่อุปทานเปราะบาง
- ประเทศร่ำรวยอาจแทนที่การแบ่งปันวัคซีนที่เพิ่มขึ้นกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในโลก
· หุ้นเภสัชกรรมทั่วโลกทรุดจาก “ไบเดน” หนุนการละเว้นสิทธิบัตรวัคซีน Covid-19
· หุ้นบริษัทผู้ผลิตวัคซีน Covid ผันผวน หลังทีมบริหารไบเดนหนุนการละเว้นสิทธิบัตรวัคซีน
ก่อนที่ทาง WTO จะมีการประกาศละเว้นสิทธิบัตรวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ในการผลิตวัคซีน
· อียู “พร้อมหารือ” กรณีสหรัฐฯ หนุนแผนละเว้นสิทธิบัตรวัคซีน Covid-19 ช่วยชาติยากจนสู้วิกฤตไวรัส
นางเออซูลาร์ วง เดอ เลอยง ประธานคณะกรรมาธิการอียูตั้งใจหารือข้อเสนอ หลังสหรัฐฯสนับสนุนละเว้นสิทธิบัตรคุ้มครองวัคซีน Covid-19 เพื่อเร่งให้ 30 ชาติยุโรปฉีดวัคซีนได้ต่อเข็มที่ 2 ขณะที่การส่งออกวัคซีนมีมากกว่า 200 ล้านโดสสำหรับวัคซีนแก่ประเทศที่เหลือ ท่ามกลางการจำกัดการแบ่งปันวัคซีนในสหรัฐฯและอังกฤษ
· วัคซีน Sputnik Light สำหรับ 1 เข็มในการป้องกัน Covid-19 ให้ประสิทธิภาพสูงถึง 79%
· รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า จะให้การสนับสนุนยูเครนจากการเคลื่อนไหวของรัสเซีย
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15 - 31.35 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทระหว่างวันค่อนข้างผันผวน และมาปิดตลาดในระดับที่อ่อนค่ากว่าช่วงเช้า ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของ flow เงินทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดีในส่วนของปัจจัยอื่นๆ ทั่วไป ยังไม่ได้มีผลต่อทิศทางของเงินบาทมากนัก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย.อยู่ที่ 46.0 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 7 เดือน จากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ที่มีความรุนแรงจนทำให้รัฐบาลออกมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มข้นกระทบต่อการดำเนิน
ชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ขณะที่แนวโน้มดัชนีฯ ในเดือน พ.ค.ยังมีโอกาสลดลงได้ต่อ
- ม.หอการค้าไทย ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโควิดรอบ 3 คาดจะทำให้ GDP ไตรมาส 2 ลดลงเหลือโตเพียง 3-5% จากเดิมที่คาดไว้โต 8-9%
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ปรับคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 64 เป็นขยายตัว 6-7% จากเดิมคาด 3-4%
โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มูลค่าและปริมาณการส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการขยายตัวในระดับสูงของสินค้าอุตสาหกรรม ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีผลบังคับใช้ทั่วโลก
· อ้างอิงจากสำนักข่าว Spring News
- EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ มอง กนง. คงดอกเบี้ยนโยบายตลอดปี 64 แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอลงมากจากการแพร่ระบาดโควิด 19 ระลอกที่ 3 ดังนั้นเรื่องดอกเบี้ยมีผลต่อการลงทุนเงินฝาก พร้อมทั้ง ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 เหลือโต 2.0% (เดิมคาด 2.6%) จากผลกระทบการระบาดระลอกที่ 3 และมีความเสี่ยงของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำสอง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์
- บล.ทิสโก้คาด 1-2 เดือนนี้หุ้นไทยยังปรับขึ้นน้อยกว่าหุ้นโลกต่อ หลังถูกกดดันจากโควิด-19 ระบาดระลอก 3 ฉุดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า เผยนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมจ่อปรับเป้าจีดีพีไทยลง