• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 พฤษภาคม2564

    12 พฤษภาคม 2564 | Gold News


ทองคำทรงตัว – อัตราผลตอบแทนพันธบัตรขึ้น จำกัดการเคลื่อนไหวของราคา

ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวในวันนี้ โดยมีปัจจัยบวกหลักจาก
- ดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับอ่อนค่ามากสุด 10 สัปดาห์ บริเวณ 90.138 จุด วานนี้ทำอ่อนค่ามากสุดที่ 89.979 จุด ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากสุดตั้งแต่ 25 ก.พ.
- ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงลดลงจากกลุ่มนักลงทุน
- แรงขายในตลาดหุ้น
- ถ้อยแถลงสมาชิกเฟดที่ยังไม่รีบเดินหน้าหารือเรื่องการลด/ถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

ขณะที่ปัจจัยลบต่อราคาทองคำ คือ
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี รีบาวน์แตะ 1.62
4%
ข้อมูลการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐฯดีขึ้นกว่าคาดที่ 8.12 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. ขณะที่ข้อมูลเดือนมี.ค. ถูกปรับทบทวนขึ้นมาที่ 7.53 ล้านตำแหน่ง
- นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนทราบข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนนี้

·         ระหว่างวันทองคำตลาดโลกปรับลงไปกว่า 1ที่ 1,816.9 เหรียญ ก่อนจะรีบาวน์กลับมาปิดตลาด -0.1ที่ระดับ 1,834.19 เหรียญ


·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด -0.1% ที่ระดับ 1,836.1 เหรียญ


·         พลาเดียมปิด -1.1% ที่ 2,928 เหรียญ


·         แพลทินัมปิด -0.6ที่ 1,240 เหรียญ


·         ซิลเวอร์ปิด -0.8ที่ 27.54 เหรียญ


·         นักวิเคราะห์จาก FXTM ระบุว่า หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯยังคงเดินหน้าปรับขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจฉุดให้ราคาทองคำปรับตัวลลงต่อ แม้ว่าตลาดการเงินจะเผชิญกับสภาวะ  Risk-Off

แต่ภาพรวมราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวได้ในกรอบขาขึ้นตราบเท่าที่ยืนได้เหนือแนวรับสำคัญ 1,800 เหรียญ และหากปิดรายสัปดาห์ได้เหนือ 1,840 เหรียญ มีโอกาสไปต่อที่ 1,855 เหรียญ และ 1,870 เหรียญตามลำดับ

·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมเป็นวันที่ 2 โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,025.15 ตัน

 

·         ข้อมูลการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ของสหรัฐฯปรับขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์ 8.1 ล้านตำแหน่ง แต่ภาคธุรกิจก็ยังไม่สามารถหาแรงงานเพิ่มขึ้นได้


·         บรรดานักลงทุนกำลังรอการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ (CPI) ในคืนนี้ เวลา 19.30น. เพราะอาจส่งสัญญาณต่อการเริ่มเพิ่มทางเลือกต่อเงินเฟ้อ

สำหรับข้อมูลเงินเฟ้อในคืนนี้ถูกคาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นรายปีในเดือนเม.ย. ปรับขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี แตะ 3.6% ได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ภาพรวมขยายตัวได้มากสุดตั้งแต่ก.ย. ปี 2011 แต่หากเทียบข้อมูลรายเดือนอาจเห็นการปรับขึ้นได้ 0.2%



สำหรับ Core CPI คืนนี้ ที่จะประกาศในช่วงเวลาเดียวกันที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน คาดว่าจะโตได้ 0.3% หรือแตะ 2.3เมื่อเทียบรายปี

ภาพรวมสมาชิกเฟดยังคงมองว่า “เงินเฟ้อ” ปรับขึ้นเพียงชั่วคราว


·         “ลอเรตต้า เมสเตอร์” ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ ย้ำว่า เงินเฟ้ออาจขึ้นได้ชั่วคราว และสิ้นปีนี้อาจเห็นเงินเฟ้อที่ 2ก่อนจะปรับตัวลงในปีหน้า จากอุปสรรคทางด้านอุปทาน


·         “ชาร์ล อีวานส์” ประธานเฟดสาขาชิคาโก ต้องการเห็นข้อมูลจ้างงานแข็งแกร่งก่อนพิจารณาเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายการเงิน


·         “แพทริก ฮาเกอร์” ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย ไม่เห็นเหตุผลในการถอนนโยบายการเงินเวลานี้ ท่ามกลางตลาดแรงงานอ่อนแอ ขณะที่เงินเฟ้อมีโอกาสเห็น 3%


·         “ลาเอล เบรนาร์ด” สมาชิกฝ่ายปกครองของเฟด ระบุว่า การถอนการสนับสนุนทางการเงินของเฟดเวลานี้ อาจทำให้ตลาดหุ้นที่ปรับขึ้นแข็งแกร่งได้รับผลกระทบ ตลอดจนความพยายามในการสนับสนุนการจ้างงาน


·         “ราฟาเอล บอสติก” ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินนโยบายของเฟด โดยเฉพาะการจ้างงานได้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมกันนี้มองว่า เฟดดำเนินนโยบายการเงินอย่างเหมาะสมแล้ว


·         “เจมส์ บุลลาร์ด” ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะหารือเรื่องการถอนนโยบายสนับสนุนของเฟด ท่ามกลางไวรัสที่ยังคงระบาดอยู่ในประเทศ


·         “แมรี ดาลีย์” ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงจะยังไม่หารือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน

พร้อมมองว่าต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติได้ ดังนั้น เฟดจึงยังไม่ถึงเวลาที่จะถอนการเข้าซื้อพันธบัตร 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือนในเวลานี้

 

·         Center for American Progress  เสนอให้ เฟดควรบังคับให้ภาคธนาคารทำการถือเงินสดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันความเป็นไปได้ที่จะประสบภาวะขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และความเป็นไปได้ที่จะต้องรับมือกับปัญหาดังกล่าว

 

·         หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Barclays ระบุว่า ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯกลับมาฟื้นตัวได้จากการระบาด แต่หลายๆแห่งก็ยังคงได้รับคามเสียหาย

- ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ตลอดจนสินค้าในกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ส, ไม้ และการแพ็คสินค้า
- ความกลัวต่างๆที่ไม่เพียงแต่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยังส่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาคบริษัทอาจมีการปรับขึ้นราคาสินค้า
- การขาดแคลนต่างๆ ที่รวมถึงภาคแรงงานและสิ่งนอกเหนือตลาดแรงงาน อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวที่รวดเร็วทางเศรษฐกิจได้

 

·         ราคาน้ำมันดิบปิดบวกจากกังวลภาวะขาดแคลนพลังงาน โดยรีบาวน์กลับหลังช่วงต้นตลาดทรุดกว่า 1%


น้ำมันดิบ
 WTI ปิด +36 เซนต์ หรือ 0.6ที่ระดับ 65.28 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent ปิด +23 เซนต์ หรือ +0.3% ที่ 68.55 เหรียญ/บาร์เรล

แก๊สโซลีนฟิวเจอร์สปิด +0.3% ที่ 2.1399 เหรียญ/แกลลอน

 

·         อียูมันใจจะสามารถกลับมาเปิดการเดินทางได้ด้วยใบรับรอง Covid-19 ภายในช่วงฤดูร้อนนี้


·         ตลาดจับตาสถานการณ์รุนแรงในเขตฉนวนกาซา หลังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มต่อเนื่อง

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนาล่าสุด

ทั่วโลกติดเชื้อสะสมทะลุ 160.30 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมปรับขึ้นแตะ 3.33 ล้านราย  โดยอินเดียยังมีสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงและยอดติดเชื้อยังทะยานเหนือ 300,000 ราย นานกว่า 2 สัปดาห์

 


สถานการณ์ระบาดในไทย

เมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1,919 ราย รวมสะสมสะสม 86,924 ราย

เสียชีวิตเพิ่ม 31 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 452 ราย


·         นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 31.05 - 31.30 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ธุรกรรมค่อนข้างเบางบาง เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ

 

·         สมาคมตราสารหนี้ไทย เผย  การปรับตัวของ ตลาดตราสารหนี้ไทย ต่อสถานการณ์โควิด

ภายหลังความกังวลในสถานการณ์โควิด-19 ระลอกปี 2020 เริ่มคลี่คลายลง ภาคเอกชนก็มีการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้มากขึ้น

โดยมูลค่าการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวในไตรมาส 1 ปี 2564 สูงขึ้นร้อยละ 20 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนนักลงทุนต่างชาติมียอดการกลับเข้าซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยในเดือนมีนาคมที่ค่อนข้างสูงทำให้ในไตรมาสแรกของปี 2564 นักลงทุนต่างชาติมียอดการซื้อสุทธิ 245 ล้านบาท

ตลาดตราสารหนี้ไทยในไตรมาส 1 ปี 2564 มีบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้ภาคเอกชนออกหุ้นกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มียอดการออกรวม 182,804 ล้านบาท

โดยการออกที่เพิ่มขึ้นมาจากกลุ่ม real sectorในขณะที่กลุ่ม bank & finance sector มียอดการออกลดลง เนื่องจากยังมีสภาพคล่องสูงจากฐานเงินฝากที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ มูลค่าการเสนอขายหุ้นกู้ต่อกลุ่มนักลงทุนทั่วไป (PO : public offering) สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 3 เท่า และหุ้นกู้ส่วนใหญ่ที่เสนอขายอยู่ในกลุ่มน่าลงทุน (investment grade)

สำหรับทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่เหลือของปี 2564 นี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยระยะกลางและยาวจะทรงตัว หรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ รอการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อมาสนับสนุน หลังจากที่ปรับขึ้นมาค่อนข้างเร็วและแรงในช่วงต้นปี ภายหลังเมื่อเกิดการระบาดระลอกใหม่นี้

อ่านต่อhttps://www.prachachat.net/finance/news-661309

 

·         อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

หุ้นไทยอ่อนกำลังเคลื่อนไหว 1,575-1,595 จุด หวั่นโควิดสายพันธุ์อินเดียระบาด

ตลาดหุ้นไทยวันนี้เริ่มอ่อนกำลังอิงทางลงเป็นหลักระหว่าง 1,575-1,595 จุด ทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด ยังไม่ได้ ขานรับบรรยากาศลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกอ่อนตัว หวั่นหากเกิดการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์อินเดียนอกสถานที่กักกันของรัฐ คาดว่าตลาดหุ้นไทยอาจเผชิญกับแรงขายชุดใหญ่อีกระลอก วันนี้คลังชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้า ครม.วงเงิน 4 แสนล้านบาท เบื้องต้นตลาดรับรู้ประเด็นนี้ไประดับหนึ่งแล้ว

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ครม.เห็นชอบเพิ่มเงินสนับสนุนในโครงการ "เราชนะ" อีกคนละ 1,000 บาท/สัปดาห์ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ รวม 2,000 บาท โดยมีประชาชนได้รับประโยชน์ถึง 33.5 ล้านคน รวมทั้งมีมติเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ประกันตนโครงการ "ม33 เรารักกัน" อีกคนละ 1,000 บาท/สัปดาห์ เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ รวม 2,000 บาท และขยายเวลาฃองโครงการออกไปถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่า 8 ล้านคน

- กระทรวงพาณิชย์ เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมเดือน เม.ย.64 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 43.5 เทียบกับระดับ 47.5 ในเดือนก่อนหน้า

- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยประจำเดือนเม.ย.64 (TCC-CI) อยู่ที่ระดับ 27.6 ลดลงจาก เดือนมี.ค.64 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 30.7

- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนมาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับเพิ่มเติมว่าด้วยกรอบข้อตกลงเพื่อเสนอขายกองทุนรวมภายใต้โครงการจัดการลงทุนต่างประเทศของกลุ่มประเทศอาเซียน และรับฟิลิปปินส์เข้าเป็นภาคีภายใต้กรอบความร่วมมือ ASEAN Collective Investment Schemes (ASEAN CIS)

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนเม.ย. 64 กดดันให้ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในปัจจุบัน (เดือนเม.ย.64) และ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอย่างมาก อยู่ที่ 37.0 และ 39.4 จากเดือนมี.ค.64 ซึ่งอยู่ที่ 40.4 และ 41.5 บ่งชี้ว่าครัวเรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นอย่างมากเกี่ยวกับภาวะการครองชีพ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com