• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 13 พฤษภาคม 2564

    13 พฤษภาคม 2564 | SET News

·         ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจจะคุมเข้มนโยบายทางการเงิน  



ดัชนี
MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.9% แม้ว่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางในช่วงวันหยุด

 

 

·         ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลง หลังจากที่ถูกกดดันจากข้อมูลสินเชื่อกู้ยืมของธนาคารกลางจีนออกมาแย่กว่าคาดและความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ

 

ดัชนี CSI300 ลดลง 0.8% ที่ระดับ 5,003.72 จุด

ดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.7% ที่ระดับ 3,437.14 จุด

ดัชนี Hang Seng ลดลง 0.9% ที่ระดับ 27,970.78 จุด

ดัชนี China Enterprises ร่วงลง 1.2% ที่ระดับ 10,434.23 จุด

 

·         ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงลง โดยดัชนี Nikkei ปรับลง 2.49% ที่ระดับ 27,448.01 จุด แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากหุ้นกลุ่ม SoftBank และหุ้นราคาแพงได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ

 

ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ดัชนีร่วงลง 7.01% ซึ่งร่วงลงมากที่สุดในรอบสามวันนับตั้งแต่ความวุ่นวายในตลาดช่วงเดือนมี.ค. 2020 

ด้านดัชนี Topix ร่วงลง 1.54% ที่ระดับ 1,849.04 จุด แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน

 

 

·         นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ระบุว่า ธนาคารกลางพร้อมที่จะซื้อกองทุนซื้อขาย ETF อย่างไม่ลังเล แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเมื่อใด

·         เกาหลีใต้ประกาศลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่พร้อมกับเงินกู้ 1 ล้านล้านวอน (883 ล้านเหรียญ) สำหรับอุตสาหกรรมชิปในท้องถิ่น ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก

·         ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ตามตลาดหุ้นทั่วโลกหลังได้รับผลกระทบจากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ

โดยดัชนี Stoxx600 ร่วงลง 1.1% ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากรร่วงลง 2.7% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ หลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯประจำเดือนเม.ย.ออกมาดีกว่าที่คาด


 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

 

- ศบค.พบผู้ติดโควิดรายใหม่ 4,887 ราย ในปท.1,439-ตรวจเชิงรุก 597-ตปท.16,ตาย 32

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,887 ราย ประกอบด้วย

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานความคืบหน้าการปล่อยสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟู (ซอฟต์โลน) โครงการ 2 ที่ได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย และตรงกับความต้องการมากกว่าสินเชื่อโครงการแรก และได้เปิดให้สถาบันการเงินเข้ามาขอรับสินเชื่อเพื่อปล่อยกู้ต่อให้กับเอสเอ็มอีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง พบว่า ณ วันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา มียอดการปล่อยสินเชื่อ 6,212ล้านบาท เร่งตัวขึ้นจากสัปดาห์แรกที่มีการปล่อยสินเชื่อไป 507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,705 ล้านบาท เป็นการปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีขนาดกลาง หรือมีสินเชื่อเดิมที่ 5-50 ล้านบาท คิดเป็น 50%

 

- รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ผลกระทบโควิด-19 ระลอกที่ 3 มีแนวโน้มจะส่งผลให้เอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยว บริการ ร้านอาหาร และที่เน้นตลาดในประเทศ กลายเป็นผู้ป่วยหนักมากขึ้นเนื่องจากขาดรายได้ในการประคองธุรกิจ ทำให้ปัญหาการขาดสภาพคล่องมีสูงและในทางปฏิบัติบางส่วน ยังไม่อาจเข้าถึงแหล่งเงินทุน แม้ว่าล่าสุดรัฐบาลจะมีการผ่อนปรนเงื่อนไขเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้รัฐบาลจะต้องหามาตรการอัดฉีดสภาพคล่องโดยเร่งด่วน

 

- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบถึงเป้าหมายการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในปีนี้ หลังจากผ่านสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ไปแล้ว โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.นี้ จะดึงต่างชาติมาไทยให้ได้ 1.29 แสนคน ผ่านการทำภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ หรือการทำพื้นที่ทดลองให้ต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โด๊ส และมีผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อโควิด สามารถเดินทางเข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้ 7 วัน โดยที่ไม่ต้องมีการกักตัว 


ที่มาจาก Reference: CNBC, Reuters
 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com