• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 พฤษภาคม2564

    19 พฤษภาคม 2564 | Gold News



ทองปิดขึ้นใกล้สูงสุดรอบ 4 เดือน จากดอลลาร์อ่อน – กังวลเงินเฟ้อ

ทองคำปรับตัวขึ้นทำสูงสุดในรอบเกือบ เดือน ก่อนที่จะอ่อนตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยที่ 1.65%

ขณะที่ดอลลาร์ยังคงอ่อนค่า โดยดัชนีดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ต่ำสุดรอบ 3 เดือน ปิดตลาดที่ 89.747 จุด และตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ  

·         ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 0.1% ที่ระดับ 1,868.57 เหรียญ
หลังทำสูงสุดตั้งแต่ 
29 ม.ค. บริเวณ 1,873 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิดทรงตัวบริเวณ 1,868 เหรียญ

 

·         หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Blue Line Futures กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมีการปรับขึ้นส่งผลจำกัดการขึ้นของทองคำเล็กน้อย แต่การอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ยังช่วยหนุนราคาทองคำ แต่ภาพใหญ่ทั้งหมดของทองคำยังไม่ใช่ขาขึ้นได้โดยสมบูรณ์ทั้งหมด

 

·         นักวิเคราะห์บางราย มองว่า ประเด็นตลาดที่ให้ความสนใจเรื่องเงินเฟ้อ ควบคู่กับการอ่อนค่าของดอลลาร์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนราคาทองคำ

 

·         บรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่า เม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ตลาดทองคำในเวลานี้ ส่วนหนึ่งมาจากกองทุนทองคำ ETFs ที่สะท้อนถึงกลุ่มนักลงทุนมีการเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

 

·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,035.93 ตัน

 

ขณะที่เดือนพ.ค. ถือเป็นเดือนแรกที่ SPDR กลับมาเข้าสู่สถานะซื้อ โดยมีการเข้าซื้อสุทธิ 18.89 ตัน หลังเทขายหนักต่อเนื่อง เดือน

 

 

·         การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ประกอบกับรายงานประชุมเฟดเม.ย. ที่จะเปิดเผยในคืนนี้ ถูกคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในการดำเนินนโยบายการเงินและมุมมองของสมาชิกเฟดต่อเรื่องเงินเฟ้อ

 

·         นักวิเคราะห์บางส่วน มองว่า หากเฟดไม่คิดว่าการปรับขึ้นของเงินเฟ้อเป็นการชั่วคราวและส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ก็อาจเห็นถึงการหารือเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยหรือการถอนมาตรการ QE และอาจกลายมาเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำได้


·         ระดับแนวรับของทองคำยังคงดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ราคา Break เหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ย MA ราย 200 วัน ที่ทำให้เกิดการเล็งเห็นถึงสัญญาณขาขึ้นในเวลานี้

 

·         ซิลเวอร์ปิด +0.3% ที่ระดับ 28.26 เหรียญ หลังทำสูงสุดตั้งแต่ ก.พ. ที่ผ่านมา

·         พลาเดียมปิด +0.1% ที่ระดับ 2,904.87 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด -1.6% ที่ 1,219.98 เหรียญ

 

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 1.65% ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และตลาดให้ความสำคัญกับรายงานประชุมเฟดสัปดาห์นี้

 

·         เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายถูกคาดว่าจะมีการกล่าวถ้อยแถลงกันในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางเฟดจะเผยรายงานประชุมเม.ย. ซึ่งทั้งหมดอาจมีการส่งสัญญาณใดๆเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ

 

·         "แรนดัล ควอเลส" รองประธานเฟด กล่าวถึง เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง แต่ยังไม่สมบูรณ์

 

·         “เยลเลน” ผลักดันแผนการขึ้นภาษี, ความแข็งแกร่งด้านแรงงาน และการเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันทั่วโลก

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เรียกร้องให้บรรดาผู้นำภาคธุรกิจมีการจ่ายภาษีในระดับที่สูงขึ้นเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามแผนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลสหรัฐฯ และเพื่อเป็นการสนับสนุนความแข็งแกร่งของสหภาพตลาดแรงงานและการลดกำแพงการแข่งขันกับต่างประเทศ

·         ส.ว.รีพับลิกันไม่ได้ทำการเสนอแผนโครงสร้างพื้นฐานใหม่แก่ทีมบริหารนายไบเดน แต่มีการเปิดเผยถึงการพบกันวานนี้ว่ามีการหารือกันเรื่องการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานว่าจะมีการใช้จ่ายสำหรับเรื่องนี้อย่างไร

 

·         ส.ว.สหรัฐฯพรรคเดโมแครต อนุมัติแผน 5.2 หมื่นล้านเหรียญ สำหรับการผลิตชิปต่างๆในสหรัฐฯ รวมทั้งการศึกษาวิจัยการผชิตเซมิคอนดัคเตอร์ ชิปเป็นเวลา 5 ปี

 

·         ส.ว.รีพับลิกันบางส่วนตำหนิทีมบริหารไบเดนต่อรายงานการละเว้นการคว่ำบาตรโครงการท่อส่งน้ำมั Nord Stream

 

·         Bernstein เผยรายงาน Cryptocurrency ใกล้แซงหน้าการลงทุนทองคำ

 

ภาวะขาขึ้นของ Bitcoin ที่เป็นระยะเวลายาวนาน ดูจะทำให้ภาพรวมการซื้อขายในปัจจุบันสามารถแทนที่ทองคำได้ โดยจะเห็นได้จากมูลค่าโดยรวมของตลาด Cryptocurrency เวลานี้สามารถทะลุเหนือ ล้านล้านเหรียญ เกือบเท่ากับปริมาณของทองที่ใช้ในการลงทุนภาคเอกชน

 

ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนจำเป็นต้องกลับเข้าถือสินทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่างๆ และสร้างทางเลือกที่หลากหลายในพอร์ตนอกจากการถือหุ้นจากความเสี่ยงของระดับเงินเฟ้อในปัจจุบัน ซึ่งนักลงทุนบางส่วนก็กำลังพิจารณาว่า Cryptocurrency อาจมาเป็นฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี

ขณะที่การรีบาวน์ของค่าเงิน Bitcoin ที่มีการซื้อขายแถวบริเวณ 43,400 เหรียญเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเงินทุนในตลาดปรับตัวสูงราว  แสนล้านเหรียญ

 

·         จีนสั่งแบนสถาบันการเงินสำหรับการดำเนินธุรกรรมของภาคบริษัทต่างๆที่ชำระด้วย Cryptocurrency

พร้อมเตือนนักลงทุนที่กำลังเก็งกำไรในการซื้อขายค่าเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนแกว่งตัวขึ้นและลงอย่างรวดเร็ว ที่อาจส่งผลกระทบและความปลอดภัยต่อทัพย์สินของประชาชนอย่างร้ายแรง รวมทั้งอาจเป็นปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อภาวะปกติทางเศรษฐกิจและการเงิน

 

·         สถาบัน Streami คาดว่า ค่าเงินสกุลดิจิทัลของธนาคารกลางต่างๆจะเดินหน้าร่วมกันได้ ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานต่างๆของ Bitcoin ที่ยังค่อนข้าง “แข็งแกร่ง” แม้จะเห็นถึงความผันผวนของราคาเมื่อไม่นานมานี้

 

·         "แคทเธอรีน ไท" หัวหน้าเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐฯ เรียกร้องให้ แคนาดา และเม็กซิโก บังคับใช้และปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าใหม่ในอเมริกาเหนือ เพื่อรักษาการสนับสนุนทางการเมืองสำหรับข้อตกลงฉบับใหม่ดังกล่าว

 

·         ฝ่ายบริหารของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เลื่อนเวลาให้แก่นักลงทุนอีก 2 สัปดาห์ในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในบางบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีน ที่ถูกแบนในเรื่องความมั่นคง

ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนมีเวลาจนถึงเวลาประมาณ 20:30 น. (ตามเวลาไทย) ในวันที่ 11 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ จากกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้เดิม 27 พ.ค.

 

·         นางแนนซี โพเลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯและผู้นำระดับโลกคว่ำบาตรการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2022 ของจีน โดยวิพากษ์วิจารณ์จีนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกล่าวว่าผู้นำระดับโลกที่เข้าร่วมจะสูญเสียอำนาจทางศีลธรรม

  

·        CORONAVIRUS UPDATES:

ยอดติดเชื้อใหม่สะสมทั่วโลกยังสูงถึง 601,524 ราย รวมสะสม 164.87 ล้านราย

เสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 3.41 ล้านราย

 


ศบค. รายงาน ไทยติดเชื้อเพิ่ม 2,473 ราย พบในเรือนจำ 680 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 35 ราย

 


รวมยอดติดเชื้อสะสมในไทย 113,555 ราย

เสียชีวิตสะสม 649 ราย

 

78 วันกับการฉีดวัคซีนโควิดให้คนไทย ครบ 2 โดส อยู่ที่ร้อยละ 1.2

 

·         CDC สหรัฐฯ เผยรายงานล่าสุด สหรัฐฯฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้วรวมกว่า 275.5 ล้านโดส

 

·         เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ชี้ว่า ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามจำนวนโดส จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพิ่มภายในระยะเวลาหนึ่งปี

 

·         สิงคโปร์อนุมัติใช้วัคซีนสำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 12-15 ปีขึ้นไป ท่ามกลางการระบาดของไวรัสที่เพิ่มมากขึ้น

 

 

 

·         แอลจีเรียยกเลิกแผนเปิดพรมแดนภาคพื้นดินอีกครั้ง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่ยังคงเดินหน้าแผนการกลับมาเปิดเส้นทางสายการบินระหว่างประเทศบางส่วนในเดือนหน้า

 

·         บรรดานักวิทยาศาสตร์ กล่าวเตือนว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อินเดียอาจกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอังกฤษในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ท่ามกลางสิ่งที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับอันตรายของมัน

 

 

·         อินเดียสั่งระงับการส่งออกวัคซีน Covid-19 เพื่อต่อสู้กับการระบาดในประเทศ จึงอาจสร้างอุปสรรคสำคัญต่อโครงการฉีดวัคซีนของแอฟริกาใต้ได้

 

 

·         ข้อพิพาทเขตฉนวนกาซา-อิสราเอล ยังคงปะทุเดือดต่อเนื่อง


·         นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35 -31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยในประเทศเรื่องไวรัสโคโรนาก็ยังเป็นแรงกดดันให้บาทอ่อนค่า รวมทั้งตลาดยังรอรายงานผลการประชุมเฟด ซึ่งคาด ว่าจะทราบในเช้าวันพฤหัสบดีนี้

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการในการแก้ไขกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน มีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณประจำปี โดยเพิ่มแหล่งเงินลงทุนของประเทศในช่องทางอื่นนอกเหนือจากงบประมาณรายจ่าย ประกอบด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership: PPP), กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) และ การใช้เงินกู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

 

- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 64 จะขยายตัวอย่างช้า ๆ ที่ 2.0%

โดยมีความเสี่ยงด้านต่ำที่ต้องจับตา ได้แก่

1) ระยะเวลาในการควบคุมการระบาดระลอกที่ 3 ที่อาจนานกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 3 เดือน

2) ความล่าช้าในการฉีดวัคซีน และประสิทธิภาพของวัคซีนที่อาจมีไม่สูงพอ โดยเฉพาะกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่


- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 64 ที่โต 1.8% เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาระลอกใหม่ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ และความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดยังอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางอัตราการฉีดวัคซีนของไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้การบริโภคภาคเอกชนมีทิศทางขยายตัวต่ำกว่าที่เคยประเมิ



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com