• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 20 พฤษภาคม2564

    20 พฤษภาคม 2564 | Gold News



รายงานประชุมเฟดดันดอลลาร์แข็ง-อัตราผลตอบแทนขึ้น กดดันทอง

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวลงจากสูงสุดรอบกว่า 4 เดือนที่ทำไว้ในช่วงต้นตลาด +1.2% แถว 1,889.75 เหรียญ หรือเป็นสูงสุดตั้งแต่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะปิด -0.1% ที่ 1,866.64 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด +0.7% บริเวณ 1,881.50 เหรียญ

·         ราคาทองคำถูกกดดันจาก

รายงานประชุมเฟด เปิดประตูสู่โอกาสเข้าใกล้เจรจาเรื่องลด QE

ดอลลาร์แข็งค่าหลังหลุด 90 จุด โดยปิดแถว 90.25 จุด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 1.678%

 



·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองออก 4.66 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,031.27 ตัน

·         ขณะที่เดือนพ.ค. ถือเป็นเดือนแรกที่ SPDR กลับมาเข้าสู่สถานะซื้อ โดยมีการเข้าซื้อสุทธิ 14.23 ตัน หลังเทขายหนักต่อเนื่อง 7 เดือน

·         ทั้งนี้ รายงานประชุมเฟดเม.ย. สะท้อนให้เห็นว่าสมาชิกเฟดบางส่วนเริ่มมีการพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินหากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวและคืบหน้าตามเป้าหมายของเฟด

·         หัวหน้าฝ่ายซื้อขายสินค้าอนุพันธ์จาก BMO กล่าวว่า ทองคำระหว่างวันมีความผันผวน และฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้กว่า 40 เหรียญจากการคงดอกเบี้ย ก่อนแกว่งลงจากสมาชิกเฟดจำนวนหนึ่งเริ่มมีสัญญาณจะหารือถึงเรื่องการลดหรือถอนนโยบายผ่อนคลายเพราะมองว่าเป็นเรื่องที่ เหมาะสม” หากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังโตต่อเนื่องและมีความคืบหน้ามากขึ้น

·         อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า ตลาดทองคำค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของเฟด ดังนั้นจึงคาดว่าราคาทองคำระยะสั้นจะเคลื่อนไหวในกรอบใหม่ระหว่าง 1,850-1,890 เหรียญ

·         นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA  มองว่า เทรดเดอร์ทองคำลุ้นเห็นทองขึ้นไป 1,900 เหรียญ แต่แล้วเมื่อเฟดส่งสัญญาณครั้งใหญ่ต่อตลาดเรื่องจะหารือการลด QE ก็ดูจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก

 ทั้งนี้ ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนพอใจที่จะถือครอง และเทรดเดอร์ของสถาบันการเงินบางแห่งก็มีแนวโน้มจะลดการถือครองใน Bitcoin มาถือทองคำแทน

·         ซิลเวอร์ปิด -2% ที่ 27.64 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด -1.3% ที่ 2,865.50 เหรียญ

·         
แพลทินัมปิด -2.6% ที่ 1,186.50 เหรียญ


·         สรุปรายงานประชุมเฟด 27-28 เม.ย.: สมาชิกส่วนใหญ่เห็นตรงกันเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายของเฟด

 

ในรายงานประชุมสะท้อนถึง

- เฟดมีมติคงดอกเบี้ยและ QE

- สมาชิกเฟดมองการจ้างงานยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงเงินเฟ้อยังไม่มีเสถียรภาพตามเป้าที่ตั้งไว้

- มีเพียงสมาชิกเฟด 2-3 ราย ที่เล็งเห็นความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และรู้สึกเป็นกังวลก่อนปรากฎหลักฐานใดๆ ที่จะทำให้เฟดต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินโยบายการเงิน

- เฟดมองการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งอาจนำไปสู่ การหารือ” เกี่ยวกับการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินได้

 

ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดการประชุมอีกครั้งช่วงเดือนมิ.ย. แม้ว่าสมาชิดฝกเฟดอาจจะยังไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายครั้งใหม่

 

แต่เฟดจะมีการเผยคาดการณ์ “Projections” ทั้งในเรื่อง

- การเติบโตทางเศรษฐกิจ

- เงินเฟ้อ

- อัตราคนว่างงาน

- ระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสม

 

อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบัน เฟดมีการใช้อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำใกล้ศูนย์ และอัดฉีด QE หรือซื้อสินทรัพย์มากถึง 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน ส่งผลให้ Balance Sheet ของเฟดเพิ่มมาแถว 7.9 ล้านล้านเหรียญ พุ่งสูงเกือบเท่าตัวจากระดับช่วงก่อนเกิดการระบาดของ Covid-19

 


·         นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวหลังจบการประชุมว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งเศรษฐกิจยังไม่มีสัญญาณ ความมั่นคงและความก้าวหน้าตามมาตรฐานที่สมาชิกเฟดกำหนด ก่อนตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ

 

Reuters ระบุว่า จากรายงานประชุมเม.ย. จะเห็นได้ว่า สมาชิกเฟดบางส่วนดูจะ พร้อม” ที่จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินตามความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

·         หัวหน้าฝ่ายวิจัย และที่ปรึกษาด้านสินทรัพย์ของ CIO ประจำ Bank of America ระบุว่า เฟดยังไม่ส่งสัญญาณใหม่ สะท้อนถึง มุมมองเชิงบวกอย่างมาก” สำหรับตลาดการเงินและทิศทางเศรษฐกิจ

·         เทรดเดอร์บางส่วนกังวลว่า เฟดอาจไม่ได้ดำเนินการ เชิงรุก” มากพอ


·         เทรดเดอร์บางส่วนกังวลว่า เฟดอาจไม่ได้ดำเนินการ เชิงรุก” มากพอ

 

·         การร่วงลงหนักของ Cryptocurrency ส่งผลให้เทรดเดอร์บางรายมองหาโอกาสเข้าซื้อหลังเผชิญปัจจัยลบ

 

·         ส.ส.รีพับลิกันสหรัฐฯ นำเสนอร่างกฎหมายด้านการขนส่ง แสนล้านเหรียญ ท่ามกลางทางเลือกอื่นสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน

 

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันเสนอร่างแผนค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานระยะเวลา ปี วงเงิน แสนล้านเหรียญ ที่จะเป็นการใช้เงินโดยตรงที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้านทางหลวงสะพาน และระบบการขนส่ง

 

ร่างดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างหารือกันในสัปดาห์นี้ระหว่างทำเนียบขาวและสมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันสำหรับประเด็นเรื่องแผนโครงสร้างพื้นฐาน 

 

ขณะเดียวกัน การเปิดเผยแผนดังกล่าวถือเป็นความเป็นไปได้สำหรับทางเลือกที่ 3 สำหรับงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่หนึ่งสิ่งคือมุ่งเน้นข้อแตกต่างระหว่างแผนของทั้งสองฝ่ายให้แคบลง

 

 

·         ส.ว. รีพับลิกันสหรัฐฯ ยันไม่มีข้อเสนอใหม่เกี่ยวกับแผนโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯ

 

สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เผยถึงการพบกับ ทีมบริหารของนายไบเดนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาในการหาวิธีร่วมมือสำหรับข้อเสนอด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในฝั่งของรีพับลิกันยังไม่มีข้อเสนอใหม่ใดๆ

 

ขณะที่นางแชลลี มูรว์ แคปิโต หนึ่งในส.ว. รีพับลิกัน ระบุว่า ผู้นำรีพับลิกันยังพยายามคัดค้านแผนของนายไบเดน โดยเคยประกาศในช่วงเดือนเม.ย. ว่าต้องการให้แผนโครงสร้างพื้นฐานมีวงเงินเหลือเพียง 5.68 แสนล้านเหรียญ จาก 2.3 ล้านล้านเหรียญตามที่นายไบเดนเสนอ ขณะที่ส.ว. ของทั้งสองพรรคมีการหารือให้แพ็คเกจมีค่าใช้จ่ายประมาณ ล้านล้านเหรียญ



·         สหรัฐฯไม่เห็นด้วยกับฝรั่งเศสในการผลักดันให้ U.N. ดำเนินการใดๆในตะสันออกกลาง พร้อมย้ำว่า สหรัฐฯจะไม่สนับสนุนการดำเนินการใดๆ แต่เชื่อในวิธีลดแรงตึงเครียด 



·         กองกำลังฮามาสคาดอาจมีการ พักรบ” เร็วๆนี้ แต่การต่อสู้ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์บริเวณเขตฉนวนกาซายังคงดำเนินอยู่


·         รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝรั่งเศสเผย สันติภาพ”, “ความมั่นคง” และ เสถียรภาพ” ของโลก จะเผชิญความเสี่ยงหากเศรษฐกิจแอฟริกาถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง หรือไม่สามารถฟื้นตัวได้จากวิกฤต Covid-19


·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:

ยอดติดเชื้อใหม่สะสมทั่วโลกยังสูงถึง 649,555 ราย รวมสะสม 165.53 ล้านราย

เสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 3.43 ล้านราย



·         ยอดการเสียชีวิตใหม่รายวันของอินเดียทะลุ 4,500 ราย แม้ว่ายอดการระบาดหรือติดเชื้อใหม่รายวันจะปรับลงต่ำกว่า 300,000 ราย


·         การตรวจพบยอดติดเชื้อมีอัตราลดลงจาก 19.45% ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 13.31% ในวันพุธที่ผ่านมาช่วงเช้า



การตรวจพบยอดติดเชื้อมีอัตราลดลงจาก 19.45% ในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 13.31% ในวันพุธที่ผ่านมาช่วงเช้า


สถานการณ์ในไทย:

เมื่อวานนี้ ศบค. รายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 29 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 3,394 ราย อยู่ในเรือนจำ 1,498 ราย



รวมยอดติดเชื้อสะสม 116,949 ราย

เสียชีวิตสะสม 678 ราย

ยอดติดเชื้อรวมระลอกเมษายน 88,086 ราย

 

ขณะที่ หมอทวีศิลป์’ เผยโควิดพันธุ์อินเดียเข้าไทยทางเรือ จับตา หวั่นเป็นคลัสเตอร์แบบสิงคโปร์

 

ล่าสุดเย็นวานนี้ พบชาวอินเดียป่วยโควิดในไทย เผยไทม์ไลน์นั่งรถตู้ไป-กลับ ปากช่อง-กรุงเทพฯ เร่งตรวจหาสายพันธุ์ ขณะที่คลัสเตอร์โรงงานกุนเชียง ติดเพิ่มอีกเป็น 32 ราย ชี้เป็นรังโรคเหมือนสมุทรสาคร

 

นายกรัฐมนตรีไทยตั้งเป้าฉีดวัคซีนชาวกรุงเทพฯ 5 ล้านคน ศบค.พบคลัสเตอร์ใหม่ตลาดยิ่งเจริญ

 

กลุ่มเซ็นทรัล สนับสนุนงบกว่า 30 ล้าน ช่วยเหลือคนไทยสู้วิกฤติโควิด-19

 

·         อ้างอิงจากไทยรัฐ

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังไทย งดออกความเห็นเข็นกฎหมายกู้ 7 แสนล้าน สู้ Covid-19 พยุงเศรษฐกิจไทย หลังเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เหลือ 1.65  หมื่นล้านบาท

กรณีที่ ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 พ.ค. เห็นชอบวาระลับตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 อีก 7 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และออกจ่ายเยียวยาประชาชนรวมถึงผู้ประกอบการเพิ่มเติม เนื่องจากการระบาดโควิดรอบใหม่กระทบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) โดยคาดว่าเป็นหน่วยงานที่เตรียมเรื่อง พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติมฉบับดังกล่าว ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ พร้อมระบุเกี่ยวกับการออก พ.ร.ก.ว่า ยังไม่สามารถพูดเรื่องนี้ได้ ขอยังไม่ให้รายละเอียด

 

ออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน ครม.อึ้งเงินเก่าหมดหวั่นไม่พอแก้โควิดรอบ 3

ความจำเป็นที่ค.ร.ม. เห็นชอบร่างพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท

เนื่องจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ฉบับเดิมที่กำหนดให้มีการกู้เงินแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย.2564 เหลือวงเงิน 1.65 หมื่นล้านบาท ขณะที่โควิดยังยืดเยื้อ

นอกจากนี้ การระบาดยังส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปี 2563 ต่ำกว่าประมาณการ 3.43 แสนล้านบาท โดยปี 2564 การจัดเก็บรายได้ยังคงได้รับผลกระทบ กระทรวงการคลัง จึงเห็นควรกำหนดกรอบวงเงินเพื่อรองรับสถานการณ์ไว้ไม่เกิน 7 แสนล้านบาท เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 2564 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากที่ สศค.ประมาณการไว้อีก 1.5% โดยมีกรอบการใช้จ่ายคือ 1.จัดหาวัคซีน 3 หมื่นล้านบาท 2.เยียวยาผลกระทบ 4 แสนล้าน และ 3.ฟื้นฟูเศรษฐกิจอีก 2.7 แสนล้านบาท

 

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 2.3% ต่ำจากเดิมที่ 2.8%

ประเทศไทยมีการระบาดระลอกใหม่ช่วง ม.ค.-พ.ค. แม้จะมีวัคซีนแต่ก็ไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ว่าจะควบคุมการระบาดได้ มีการคาดว่านักท่องเที่ยวในปี 2564 เหลือ 3.2 ล้านคน ลดลงจากเดิม 5 ล้านคน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 2.3% ต่ำจากเดิมที่ 2.8%

 

ที่ประชุมครม. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง -2.6% มองภาพรวมปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ลดลดลงไป -4.2%

 

 

·         อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

เศรษฐกิจไทย ไตรมาสแรกปี 2564 ติดลบ -2.6 % สภาพัฒน์แนะรัฐบาล บริหารนโยบายเศรษฐกิจ 7 ข้อ เพื่อให้จีดีพี.ทั้งปี ขยายตัว 1.5-2.5 %

 

·         อ้างอิงจากข่าวสด

เศรษฐกิจทรุดหนัก! กกร. คาดปีนี้โตเหลือ 0.5-2% จากเดิมคาดไว้โต 1.5-3% สอดคล้องกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ปรับลดประมาณการจีดีพีปีนี้ลงเฉลี่ยอยู่ที่ต่ำกว่า 2% จากพิษโควิดระลอกใหม่แรง ชงรัฐเพิ่มวงเงินคนละครึ่งเป็น 6 พัน

 

·         อ้างอิงจากการเงินการธนาคาร

บลจ. ยูโอบี ส่งกองทุนทริกเกอร์ลงทุนหุ้นไทย สร้างโอกาสช่วงเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) เล็งเห็นโอกาสการเข้าลงทุนหุ้นไทยในช่วงนี้ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่เอื้อต่อการเติบโตของตลาดหุ้นไทย เหมาะสมในการเข้าลงทุนเพื่อคาดหวังผลตอบแทนในการลงทุนระยะสั้นจากการจับจังหวะตลาด (Market timing) จึงเสนอขายกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ไทย ทริกเกอร์ ฟันด์ 6M1(UTT6M1) เปิดเสนอขายครั้งแรกและครั้งเดียว ในวันที่ 20-25 พฤษภาคม 2564


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com