· เนื่องจากเหล่านักลงทุนไม่ได้สนใจการกล่าวย้ำของเฟดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะลดการใช้มาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ
· ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น 0.6% ที่บริเวณ 1,880.22 เหรียญ
· ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ระดับ 1,881.90 เหรียญ
· รายงานการประชุมของเฟดแสดงให้เห็นว่สมาชิกเฟดบางราย คาดว่า หากการฟื้นตัวยังคงดำเนินต่อไปก็อาจ เหมาะสมที่จะ เริ่มหารือเกี่ยวกับแผนการปรับการซื้อสินทรัพย์
· หัวหน้าฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ประจำ TD Securities กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย
· มุมมองเกี่ยวกับเฟดที่จะหารือเกี่ยวกับการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ในความเป็นจริงแล้วยังไม่มีแนวโน้มจะลดแนวทางการผ่อนคลายทางการเงินได้ในทันที
· ขณะที่ราคาทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นได้ แม้ว่ารายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาลดลงก็ตาม
· นักวิเคราะห์อาวุโสของ Kitco Metals กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่มีปัญหาเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับตลาดทองคำ เพราะนักลงทุนจะซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ
· บรรดานักเศรษฐศาสตร์ มอง ทองยังคงมีราคาถูก แต่อาจปรับขึ้นทำ All-Time High ได้ หากทะลุผ่าน 1,900 เหรียญในเร็วๆนี้
หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกจาก TD Securities กล่าวว่า ทองคำมีการปรับขึ้นได้อย่างร้อนแรงตั้งแต่ปีที่แล้ว และเชื่อว่าเมื่อราคากลับตัวลงมา ก็ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเกิดความกังวล
ทั้งนี้ ทองคำที่มีความสัมพันธ์กับดอลลาร์ และจะเห็นได้ว่าทุกๆการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น และเชื่อว่าสกุลเงินหลักอื่นๆ เช่น ยูโร เมื่อเทียบสกุลเงินดอลลาร์ มีแนวโน้มว่าจะแข็งค่าได้มากกว่า และจะเป็นประโยชน์ต่อทอง
JPMorgan กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันลดความสนใจใน Bitcoin กลับมาถือทองคำ หลังจากที่เคยมองว่า Bitcoin เป็น Digital Gold ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อได้
· พลาเดียมปิด -0.1% ที่ 2,866.67 เหรียญ
· แพลทินัมปิด +0.9% ที่ 1,201.96 เหรียญ
· ซิลเวอร์ปิด +0.5% ที่ 27.90 เหรียญ
· ไอเอ็มเอฟ เผยแผนประเมินทิศทางเศรษฐกิจครั้งต่อไปที่จะรวมถึงสภาพภูมิอากาศและเทคโนโลยีด้านดิจิทัล
· Coin Metrics ระบุว่า Bitcoin ปรับตัวลดลง 0.7% เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 39,000 เหรียญ ในช่วงก่อนหน้านี้ และรีบาวน์กลับมา 9% เหนือระดับ 42,000 เหรียญ
โดย Bitcoin เคลื่อนไหวในแดนลบหลังจากที่กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการเพื่อปราบปรามตลาดและธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลและกล่าวว่าจะต้องมีการโอนเงินมูลค่า 10,000 เหรียญหรือมากกว่านั้นเพื่อรายงานไปยัง Internal Revenue Service
ขณะที่สกลุเงินดิจิทัลตัวอื่น เช่น Ether เพิ่มขึ้น 3% หลังจากพุ่ว 13% ก่อนหน้านี้
Dogecoin เพิ่มขึ้น 7% หลังจากเพิ่มขึ้น 17% เป็น 42 เซนต์ โดยได้รับแรงหนุนจากถ้อยถลงของนาย Elon Musk CEO ของบริษัท Tesla
· ทางการจีนเปิดเผยว่า เรือรบสหรัฐฯลำหนึ่งได้รุกล้ำเข้าสู่น่านน้ำของจีนอย่างผิดกฎหมายในทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นกรณีข้อพิพาทล่าสุดเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนของจีนในน่านน้ำแห่งนี้
· นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯต้องปกป้องเส้นทางเดินเรือและความปลอดภัยในทะเลอาร์กติกและทะเลจีนใต้ เนื่องจากประเทศต่างๆ เช่น รัสเซียและจีน กำลังพยายามที่จะควบคุมพื้นที่ทางทะเลมากขึ้น
· รัฐสภายุโรปยุติการให้สัตยาบันสนธิสัญญาการลงทุนฉบับใหม่กับจีน จนกว่าจีนจะยกเลิกการคว่ำบาตรนักการเมืองของยุโรปทำให้ข้อพิพาทในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและยุโรปตึงเครียดมากขึ้น และปฏิเสธไม่ให้ บริษัทในสหภาพยุโรปเข้าถึงจีนได้มากขึ้น
· สหรัฐฯยังคงขยายเวลาจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดนในกรณีที่ไม่มีเหตุจำเป็นออกไปอีกอย่างน้อย 1 เดือนจนถึงวันที่ 21 มิ.ย. ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในระลอกที่ 3
สถานการณ์ไวรัสโคโรนา:
ยอดติดเชื้อใหม่สะสมทั่วโลกยังสูงถึง 642,885 ราย รวมสะสม 165.83 ล้านราย
เสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 3.44 ล้านราย
· อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์
- ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ระบาดระลอกใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง 2,636 ราย แยกเป็นทั่วไป 1,965 ราย และเรือนจำ 671 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 90,722 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 25 ศพ
· กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น อนุมัติวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของบริษัท Moderna และ AstraZenecaในวันนี้
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.30 - 31.45 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายกรัฐมนตรีไทย เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดหลังศบค.มีการยกระดับมาตรการเข้มข้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาซึ่งครบ 2 สัปดาห์แล้วที่จะติดตามผลการแพร่ระบาด รวมทั้งจะพิจารณา
ความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 12 ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 พ.ค.นี้
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณ 64 จะอยู่ที่ราว 58.7-59.6% ของจีดีพีภายใต้สมมติฐานที่รวมกรอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาทแล้ว โดยคาดว่าจะมีการกู้จริงประมาณครึ่งหนึ่งของวงเงินทั้งหมด ณ สิ้นปีงบประมาณ 64
ทั้งนี้ แม้ว่าระดับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณนี้จะยังไม่ถึง 60% ของจีดีพีแต่การกู้เงินเพิ่มเติมเป็นการเร่งระดับหนี้สาธารณะให้เข้าใกล้เพดานหนี้ที่ 60% ของจีดีพีเร็วกว่าที่เคยประเมินซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐจำเป็นต้องเตรียมขยายเพดานหนี้สาธารณะในระยะเวลาอันใกล้
· อ้างอิงจากสำนักข่าวมติชน
- หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยภายใต้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาระลอก 3 ว่า คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตระดับ 1-2% หรืออาจน้อยกว่านี้หากรัฐบาลไม่สามารถกระจายวัคซีนได้ตามเป้าหมายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งซ้ำเติมประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มฐานรากที่มีปัญหาหนี้สินอยู่ก่อนแล้วให้เพิ่มพูนมากขึ้น สะท้อนต่อหนี้ครัวเรือนไทยปีนี้ให้ปรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยจะแตะ 91% แล้ว เพิ่มขึ้นจากหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 4 ปี 63 สูงเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ร้อยละ 89.3 ของจีดีพี