ทองอ่อนตัวจากดอลลาร์แข็งค่ารับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่รายสัปดาห์ทองปิดขึ้น
ทองคำปิดปรับตัวลดลงจากดอลลาร์ที่รีบาวน์ หลังจากที่ข้อมูลการผลิตสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่ง แม้ว่าภาพรวมรายสัปดาห์ทองคำจะปิดปรับขึ้นได้กว่า 1.9% เป็นการปิดปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ โดยได้รับอานิงสงส์หลักจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับลง
· ราคาทองคำอ่อนตัวลงไปราว 0.1% ที่ระดับ 1,876.42 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนมิ.ย. ปิด -0.3% ที่ระดับ 1,876.70 เหรียญ
· กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวันศุกร์ทำการเข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 5.83 ตัน ทำให้ยอดรวมซื้อต่อเนื่อง 2 วันทำการอยู่ที่ 11.65 ตันโดยปัจจุบันถือครองที่ระดับ 1,042.92 ตัน
ขณะที่เดือนพ.ค. ถือเป็นเดือนแรกที่ SPDR กลับมาเข้าสู่สถานะซื้อ โดยมีการเข้าซื้อสุทธิ 25.88 ตัน โดยตลอดทั้งปีมีการเข้าซื้อสุทธิ 127.82 ตัน
· ข้อมูลกิจกรรมภาคโรงงานอุตสาหกรรมสหรัฐฯปรับขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้จากความแข็งแกร่งของอุปสงค์ภายในประเทศ
· นักวิเคราะห์จาก High Ridge Futures กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง ได้แก่ ข้อมูลดัชนี PMI ในคืนวันศุกร์ดูจะสร้างแรงกดดันให้แก่ทองคำในระยะสั้นๆ ก่อให้เกิดข้อสันนิษฐานที่ว่าเฟดอาจมีโอกาสมากขึ้นที่จะทำการตัดสินใจลดการเข้าซื้อพันธบัตรได้เร็วกว่าที่คาด
· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ปิดปรับขึ้นมาที่ 89.993 จุด
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ทรงตัวแนว 1.62% ลดลงจากระดับสูงสุดรอบเกือบ 1 สัปดาห์ที่ทำไว้ในวันพุธที่แล้วบริเวณ 1.69%
· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ตลาดพันธบัตรกำลังแสดงให้เห็นว่าเทรดเดอร์มีความเชื่อว่าเฟดกำลังจะค่อยๆทยอยลดการใช้มาตรการผ่อนคลายผ่อนคลายทางการเงิน
· นักวิเคราะห์จาก HSBC แสดงความเชื่อว่า ทองคำอาจชะลอการปรับขึ้นจากปัจจัยลบเกี่ยวกับรายงานประชุมเฟดล่าสุด ซึ่งทางทองคำมีโอกาสเผชิญความผันผวนบริเวณแนวต้านที่แข็งแกร่งระดับ 1,900 เหรียญ
· พลาเดียมปิด -2.5% ที่ระดับ 2,781.64 เหรียญ และปิดสัปดาห์ขาลงที่ร่วงมากสุดตั้งแต่ 29 ม.ค.
· ซิลเวอร์ปิด -1.1% ที่ระดับ 27.44 เหรียญ
· แพลทินัมปิด -2.3% ที่ระดับ 1,169.05 เหรียญ และปิดสัปดาห์ร่วงลงต่อเนื่องสัปดาห์ที่ 2
· Bitcoin ร่วงแรงจากสูงสุดปีนี้ปรับลงมาแล้วเกือบ 50%
· Bitcoin ร่วงต่อหลัง “จีนเรียกร้องปราบปรามการขุดเหมือง-พฤติกรรมการซื้อขาย”
ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงต่อในคืนวันศุกร์ จากการที่กลุ่มผู้กำหนดนโยบายการเงินของจีนเรียกร้องการปราบปราบการขุดเหมือง Bitcoin และการซื้อขาย Cryptocurrency ซึ่งเป็นการประกาศล่าสุดหลังจากที่สหรัฐฯมีการประกาศจะปราบปรามและใช้มาตรการเข้มงวดช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว
ล่าสุดวันศุกร์ที่ผ่านมา นายหลิว เฮ่อ รองนายกรัฐมนตรีจีน และรัฐสภาจีน เผยแถลงการณ์การใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อปกป้องระบบการเงิน ซึ่งในแถลงการณ์ระบุถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปราบปรามการขุดเหมือง Bitcoin และพฤติกรรมการซื้อขาย เพื่อป้องกันความเสี่ยงของแต่ละบุคคลที่จะส่งผ่านไปยังพื้นที่ทางสังคม
· สมาชิกเฟดประสานเสียงโอกาสเห็นจ้างงานพ.ค. ชะลอตัวลงตต่อ
นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อมูลล่าสุดของเฟดสาขาดัลลัส สะท้อนว่ามีโอกาสเห็นการจ้างงานเริ่มต้นชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ค. ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงต่อจากเดือนเม.ย. ท่ามกลางการจ้างงานของภาคธุรกิจสหรัฐฯมีการปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะอุปทานที่ไม่เพียงพอกับจำนวนหรือความสามารถของคนตั้งใจหางาน
นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ มองว่าตัวเลขจ้างงานที่ถูกประเมินไว้มีโอกาสเป็นจริงมากขึ้นจากการเห็นประชาชนเกินครึ่งล้านมีโอกาสได้รับงานทำที่แท้จริง
นายแพทริก ฮาเกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย เป็นสมาชิกเฟดอีกคนที่สนับสนุนการเริ่มต้นหารือเรื่องการลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรเดือนละ 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือนว่าต้องใช้เวลารวดเร็วมากเพียงใด สอดคล้องกับประธานเฟดสาขาดัลลัสที่หนุนให้เฟดเริ่มต้นหารือเพื่อลด QE
นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า และนายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ สนับสนุนให้เฟดยังคงดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากต้องการเห็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นก่อนจึงจะพร้อมหารือเรื่องการลดการเข้าซื้อ QE
· ทำเนียบขาว เผย มีการปรับลดวงเงินโครงสร้างพื้นฐานลงจาก 2.25 ล้านล้านเหรียญสู่ระดับ “1.7 ล้านล้านเหรียญ” หลังเจรจากับรีพับลิกันชะงักงัน
ทั้งนี้ทางทำเนียบขาวเผยวงเงินใหม่ และมีการปรับลดการลงทุนในเรื่องโครงข่าย, ถนน และสะพานต่างๆ แต่รีพับลิกันยังมองว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ยังไม่เพียงพอที่จะตกลงกันได้
อย่างไรก็โ ทั้งสองฝ่ายยังคงไม่สามารถตกลงกันได้ในทุกเรื่องของแผนโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่จำนวนเงินในแพ็คเกจและการจ่ายเงินในแต่ละส่วน
· ทำเนียบขาวเรียกร้องทั่วโลกหาวิธีจัดการภาษีขั้นต่ำทั่วโลก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินการด้านความร่วมมือร่วมกันอย่างเหมาะสมในการสนับสนุนเศรษฐกิจและความมั่นคง รวมทั้งป้องกันการย้ายฐานการผลิตเพื่อไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีระดับต่ำกว่า
· การผลิตสหรัฐฯแกร่ง IHS Markit เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นในช่วงครึ่งเดือนแรกของพ.ค. ออกมาขยายตัวมากสุดตั้งแต่ต.ค. ปี 2009 แตะระดับ 61.5 จุด ซึ่งขยายตัวต่อหลังเม.ย. โตได้ 60.5 จุด
· ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯร่วงลงแย่สุดรอบ 10 เดือน ล่าสุดปรับลง -2.7% สู่ระดับรายปีที่ 5.85 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.
และเป็นการปรับลง 3 เดือนติดต่อกัน ท่ามกลางการทำธุรกรรมในหลายๆเขตที่ปรับตัวลง มีเพียงเขตมิดเวสต์ที่มียอดขายปรับขึ้น
· ผู้นำเบลารุสสั่งการเครื่องบินรบบินประกบเพื่อสกัดสายการบิน “ไรอันแอร์” เพื่อบีบให้ลงจอดในการจับนักข่าวที่เป็นอริขั้วตรงข้ามกับเขา สร้างคยวามไม่พอใจให้แก่สหรัฐฯและยุโรปอย่างมาก
· ไบเดนปฏิเสธแนวทางของทรัมป์ที่มีต่อเกาหลีเหนือ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ปฏิเสธแนวทางต่อเกาหลีเหนือและกล่าวว่าเป้าหมายของเขาในฐานะประธานาธิบดีคือการบรรลุ“การปลดนิวเคลียร์ทั้งหมด” ของคาบสมุทรเกาหลี
ทั้งนี้ นายไบเดนได้กล่าวเรื่องนี้ที่การแถลงข่าวร่วมหลังการประชุมสุดยอดครั้งแรกของเขากับนายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้
· คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้ "ยึดมั่นอย่างเต็มที่" ต่อการหยุดยิงฉนวนกาซาและเรียกร้องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
· CORONAVIRUS UPDATES:
ยอดติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดทะลุ 167.5 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมทั่วโลกใกล้ทะลุ 3.5 ล้านรายข
· สถานการณ์ในประเทศไทย
วันศุกร์ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,481 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย
วันเสาร์ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,052 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 24 ราย
วันอาทิตย์ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,382 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 17 ราย
รวม 3 วันทำการพบยอดติดเชื้อใหม่เพิ่ม 9,915 ราย เสียชีวิตเพิ่มรวม 3 วัน 73 ราย
รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุด 129,500 ราย และยอดผู้เสียชีวิตสะสม 776 ราย
· รายงานล่าสุด หมอศิริราช ชี้ วัคซีนไฟเซอร์ มีประสิทธิสูงสุด รับมือ โควิดสายพันธุ์แอฟริกาใต้
ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "มีข่าวว่า B.1.351 (South African variant) มาเยือนเมืองไทยแล้ว สายพันธุ์นี้ป้วนเปี้ยนแถวชายแดนใต้มาเป็นเดือน เนื่องจากมีการระบาดในมาเลเซีย
ขณะที่วัคซีนที่ได้ผลกับสายพันธุ์นี้มีแค่ Pfizer (และอาจรวมถึง Moderna ด้วย) ที่ 75%, J&J ที่ 64-66% และ Novavax ที่ 60.1% (สำหรับ non-HIV) ส่วน AstraZeneca เหลือแค่ 10.4% สำหรับ Sinovac ถ้าเทียบระดับ antibody ที่ขึ้นหลังฉีดแล้วคาดว่าคงแทบไม่ได้ผลเช่นกัน
อาจถึงเวลาที่ภาครัฐจะต้องเปลี่ยนนโยบาย เร่งนำเข้า Pfizer, Moderna และ J&J vaccine มาให้เพียงพอและครอบคลุมประชากรครับ ถ้าปล่อยให้ B.1.351 ระบาดนี่อาจดูไม่จืดเลย
อ่านต่อ: https://www.amarintv.com/news/detail/81135?utm_source=line&utm_medium=feed&utm_campaign=default
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ
- วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แต่ละจังหวัดจะได้ฉีดเมื่อไร?
เปิดแผนกระจายวัคซีนโควิด “แอสตร้าเซนเนก้า” เริ่มฉีดเดือนมิถุนายน-กันยายน 2564 กระจายทั่วประเทศไทย ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข (20 พ.ค. 64)
ชัดเจนแล้วว่า วัคซีนป้องกันโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่าง “แอสตร้าเซนเนก้า” ได้ถูกเลือกให้เป็นวัคซีนหลักที่จะกระจายฉีดให้กับประชาชนคนไทย โดยเข็มที่ 1 จะเริ่มฉีดในเดือนมิถุนายน-กันยายน 2564 และตามด้วยเข็มที่ 2 ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2564 เพื่อลดความรุนแรงและการเสียชีวิตในประชากรกลุ่มเสี่ยง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ ตามแผนที่กำหนด
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- KBANK คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.20-31.50 จับตายอดส่งออก-โควิด-ตัวเลขศก.สหรัฐ
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ (24-28 พ.ค.64) ที่ 31.20-31.50 บาท/ดอลลาร์ จากวันศุกร์ (21 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 31.36 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ข้อมูลการส่งออกเดือน เม.ย.ของไทย รวมถึงสถานการณ์โควิด- 19 ในประเทศ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค., ยอดขายบ้านใหม่, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย, รายได้/การใช้จ่ายส่วนบุคคล และดัชนีราคา PCE/Core PCE Price Indices เดือน เม.ย., ดัชนีราคาบ้านเดือน มี.ค., ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2564 (Preliminary) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมของจีน และสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศด้วยเช่นกัน
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ มีมติเห็นควรให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เป็นครั้งที่ 12 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.- 31 ก.ค. 64 เพื่อควบคุมโรคเป็นหลัก
- ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ปรับลดประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 64 เหลือขยายตัว 0.8-1.6% จากเดิมที่คาดว่าขยายตัว 2.5% รับผลกระทบการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ตั้งแต่ช่วงเดือนเม.ย. 64 ที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศมากนานกว่า 3 เดือนโดยสถานการณ์การระบาดในประเทศจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์อังกฤษได้แพร่กระจายไปยังหลายคลัสเตอร์ทั่วประเทศ จนเป็นการยากที่จะควบคุมให้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว สะท้อนจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย
2,000-3,000 คน/วัน ขณะที่สัดส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนที่ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.3% (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พ.ค.64) และกระจุกตัวเพียงบางพื้นที่ ทำให้จำเป็นต้องกลับมาใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งย่อมกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และทำให้เกิดมูลค่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจสูงถึง 4.0-5.8 แสนล้านบาท
- อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง หากเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวไม่ถึง 2% หวั่นหนี้สาธารณะจะชนเพดาน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ฝ่ายค้าน ยันไม่รับร่างพ.ร.บ.งบฯปี 65/พท.ห่วงเงินกู้ 7 แสนลบ.ทำหนี้พุ่ง
นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ว่า จากการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณดังกล่าวในเบื้องต้นแล้ว พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นตรงกันว่าจะไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 65 เพราะจัดทำงบประมาณไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นว่าจัดทำงบประมาณก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19ระลอกสาม เพราะในความเป็นจริงรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงทางทหารมากกว่าความมั่นคงทางสาธารณสุข
· อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ
- สศช.ชี้“ส่งออก”เคลื่อนศก.ปี64 ดันการค้าฟื้นดึงลงทุนเพิ่ม
การส่งออกในไตรมาสที่ 1/64 ของไทยใน มีมูลค่า 64,004 ล้านเหรียญ ขยายตัว 5.3% กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาสตามการเพิ่มขึ้นของทั้งปริมาณและราคาสินค้าส่งออกสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าในตลาดโลก