น้ำมันดิบปิดบวก แต่ปิดสัปดาห่ลบจากคืบหน้าเจรจานิวเคลียร์อิหร่าน
ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่ช่วง 3 วันทำการเผชิญภาวะปรับตัวลงหนักปิดรายสัปดาห์แดนลบจากกลุ่มนักลงทุนที่หันมาสนใจเรื่อง “เจรจาคืบหน้านิวเคลียร์อิหร่าน” ที่อาจนำให้อิหร่านมีการกลับมาเพิ่มภาวะอุปทานน้ำมันได้
น้ำมันดิบ Brent ปิด +1.33 เหรียญ หรือ +2.04% ที่ระดับ 66.44 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ WTI ปิด +2.65% ที่ 63.58 เหรียญ/บาร์เรล
สัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำมันดิบทั้งสองชนิดร่วงลงมาราว 3% ถือเป็นการปรับลงที่มากที่สุดตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากที่
ประธานาธิบดีอิหร่าน ระบุว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะ “ยกเลิก” คว่ำบาตรน้ำมันของอิหร่าน รวมถึงภาคธนาคารและการขนส่งต่างๆ
อิหร่านและสหรัฐฯมีการเจรจาร่วมกันมาตั้งแต่เม.ย. เพื่อฟื้นคืนข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านฉบับปี 2015 หลังจากที่ล่าสุดเจ้าหน้าที่อียูมีการร่วมหารือเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จึงยิ่งสร้างความมั่นใจสำหรับการบรรลุข้อตกลงมากยิ่งขึ้น
นักลงทุนยังคงตอบรับกับมุมมองการฟื้นคืนของอุปสงค์พลังงานโลก ร่วมกับโครงการฉีดวัคซีนในยุโรปและสหรัฐฯ ที่ดูจะช่วยให้ประชาชนสามารถ “เดินทาง” ได้มากขึ้น แม้ว่าจะเห็นการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในประเทศแถบเอเชียที่ยังคงสร้างความกังวลอยู่ก็ตาม
นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวสูงขึ้นเหนือ 100 เหรียญได้ภายใน ธ.ค. นี้ โดยเป็นผลมาจาก “การปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งของข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ” ขณะที่ล่าสุดมีคาดการณ์ว่า Brent มีโอกาสปิดสิ้นปีแตะ 74 เหรียญ
นอกจากนี้ การจะเห็นราคาน้ำมันดิบไปถึงระดับ 100 เหรียญได้ จำเป็นต้องเห็นอุปสงค์น้ำมันเฉลี่ยสูงกว่า 102.6 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงไตรมาที่ 3/2021 และเพิ่มขึ้นแตะ 103.6 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาสที่ 4/2021 ท่ามกลางการปราศจากแรงหนุนปรับลดอุปทานจาก OPEC+
อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่า น้ำมันดิบอิหร่านและการผลิตอาจปรับขึ้นได้ราว 3.2 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. จากเดิม 2.8 ล้านบาร์เรล/วัน ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
นักวิเคราะห์จาก Barclays คาดว่าน้ำมันดิบ Brent อาจมีราคาเฉลี่ยที่ 66 เหรียญ/บาร์เรล และ WTI เฉลี่ยน่าจะอยู่บริเวณ 62 เหรียญ/บาร์เรลในปีนี้
ขณะที่ Emerging Markets Asia (ที่ไม่รวมจีน) มีการประเมินปรับลดอุปสงค์น้ำมันในภูมิภาค อันเนื่องจาก “ความเสี่ยงขาลง” จากการระบาดของไวรัสโคโรนาในภูมิภาคที่ยังปรับตัวขึ้น
ที่มา: CNBC