ดัชนี Euro Stoxx 50 futures +0.27%
ดัชนี DAX futures +0.14%
ดัชนี FTSE futures +0.21%
ดัชนี S&P 500 e-minis +0.27%
ตลาดหุ้นออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.81% ทำระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ดัชนี Nikkei ปิด +0.6% โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แม้ว่าการเพิ่มขึ้นจะถูกจำกัดจากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าก็ตาม
ตลาดหุ้นจีนแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง จากหุ้นกลุ่มการเงินและผู้บริโภค
ดัชนี blue-chip CSI300 +2.58%
ดัชนี Shanghai Composite +2.03% ซึ่งเป็นระดัยสูงุสดนับตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ดัชนี Hang Seng ฮ่องกง +1.43%
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 1.3% ทำระดับสูงุสดในรอบ 2 สัปดาห์
· หุ้นกลุ่ม Blue-Chip ของจีน
ปิดวันดีสุด 11 เดือน จากการผ่อนคลายความกลัวเงินเฟ้อและเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น
ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีกลุ่ม Blue-Chip ปิดวันที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 11 เดือน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในประเทศและต่างประเทศเบาบางลงไปและเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นช่วยกระตุ้นการไหลเข้าของต่างประเทศเข้าสู่ตลาด A-share
ดัชนี CSI300 +3.2% ที่ระดับ 5,318.48 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.และเป็นช่วงที่ดีที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. ปี 2020
ดัชนี Shanghai Composite เพิ่ม 2.4%ที่ระดับ 3,581.34 จุด
· บริษัท Huawei Technologies (HWT.UL) ของจีนกล่าวว่า จะเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Harmony ใหม่สำหรับสมาร์ทโฟนในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่มุ่งเป้าไปที่การฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่อธุรกิจโทรศัพท์มือถือ
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดเนื่องจากข้อตกลงการ Takeover มูลค่าหลายพันล้านเหรียญ ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของเยอรมนีสองรายเข้าด้วยกัน รวมทั้งถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดเชิงผ่อนคลายเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ จึงช่วยหนุนความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนให้ดีขึ้น
- ปิดเช้าพุ่ง 15.01 จุด ตามตลาดภูมิภาคราคาน้ำมันดีดขึ้นหนุน-ตัวเลขส่งออกไทยดี
ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,566.86 จุด เพิ่มขึ้น 15.01 จุด (+0.97%) มูลค่าการซื้อขายราว 46,575 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,570.39 จุด และระดับต่ำสุด 1,560.13 จุด
- รมว.คลัง คาดเงินกู้เพิ่ม 5 แสนลบ.ช่วยหนุน ศก.ปี 64-65 โตเพิ่ม 1.5% จากกรณีฐาน 1.5-2.5%
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มอีก 5 แสนล้านบาท ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว จะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยในปี 64 และปี 65 ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1.5% จากกรณีฐานที่ทางสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประมาณการไว้ในช่วง 1.5-2.5%
นายอาคม กล่าวว่า ในปีที่แล้วเศรษฐกิจ ติดลบ -8% เมื่อมีมาตรการต่างๆมาช่วยเหลือภาคธุรกิจ เช่น เงินกู้ Soft Loan ทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบน้อยลงจาก -8% มาเป็น -6% ซึ่งในปีนี้และปีหน้าเมื่อมีเงินก้อนนี้มาก็จะน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดีขึ้น
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ
-ส่งออก เม.ย.พุ่งแรง 13.09% สูงสุดรอบ 36 เดือน
ส่งออกไทยเดือนเม.ย. มูลค่า 21,429.27 ล้านดอลลาร์ขยายตัว 13.09 % สูงสุดในรอบ 36 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.ย.61 เป็นผลจากการฉีดวัคซีนโควิดทั่วโลก และเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนเม.ย..2564 มีมูลค่า 21,429.27 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.09 % สูงสุดในรอบ 36 เดือนนับตั้งแต่เดือน เม.ย.61 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธ์ปัจจัย การส่งออกไทยขยายตัวสูงถึง 25.70 % ซึ่งการขยายตัวของการส่งออกไทยเป็นไปตามการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการผลิตและการส่งออกโลก บ่งชี้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตโลกปรับตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี อยู่ที่ระดับ 55.8 นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน จากการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อย่างทั่วถึงในหลายภูมิภาคของโลก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิด 3,226 คน จับตาการเดินทางข้ามพื้นที่
ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 3,226 คน จากการติดเชื้อในประเทศและเรือนจำ เสียชีวิตเพิ่ม 26 คน ส่วนกรุงเทพฯ พบอีกคลัสเตอร์เป็นไซต์ก่อสร้างในเขตดุสิต พร้อมเฝ้าระวังการเดินทางข้ามพื้นที่