สมาชิกเฟดเข้าใกล้หารือ “การลด” นโยบายการเงิน
บรรดาสมาชิกเฟดเริ่มตระหนักถึงการเข้าใกล้การหารือเรื่องการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่ใช้ในช่วงวิกฤต Covid-19 เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการระบุถึง “ความจำเป็น“ ที่จะต้องเห็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน
โดยเฟดมีการใช้นโยบายการเข้าซื้อพันธบัตรและดอกเบี้ยระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนการจ้างงานและการลงทุน
นางแมรี ดาร์ลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก
- เปิดเผยว่า เฟดมีการหารือเกี่ยวกับการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
- มีความเป็นไปได้ที่จะมีการหารือการปรับลดวงเงินการเข้าซื้อ QE มูลค่า 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน
นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด
- เปิดกว้างต่อการเจรจาเรื่องการลดการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
- การหารือดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในการประชุมวาระที่กำลังจะมาถึง (มิ.ย.)
- เฟดอาจเริ่มต้นหารือเรื่องการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือน
- แนะว่าไม่ควรสนใจไปยังการประชุมเดือนเม.ย. แต่ให้สนใจทิศทางข้อมูลเศรษฐกิจต่อไปที่จะเป็นตัวกำหนดแนวทางการดำเนินนโยบาย
สมาชิกเฟด “ส่วนใหญ่” ยังเชื่อว่า
- การปรับขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเพียงภาวะชั่วคราว
- อุปทานและตลาดแรงงานยังเผชิญอุปสรรค
ทั้งหมดนี้ จึงอาจยังไม่ใช่เวลาเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ
แต่ก็ไม่ใช่ว่า “สมาชิกเฟด” ทุกคนสบายใจ
นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้
“การอัดฉีดเม็ดเงินขนานใหญ่” จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้เธอไม่อาจละทิ้งประเด็นใดๆเกี่ยวกับสัญญาณเงินเฟ้อ แต่ก็ไม่ได้นำสัญญาณความสัมพันธ์ในอดีตมาเป็นตัวตัดสินแนวโน้มเงินเฟ้อ
นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด
แสดงความเชื่อมั่นว่า
- เฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้
- อาจเห็นเฟดมีการหารือเข้มข้นมากขึ้นเกี่ยวกับ “การปรับขึ้นดอกเบี้ย” ที่จะทำให้เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ต่อไป
อย่างไรก็ดี เฟดจะต้องรอข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ๆเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ โดยคืนวันศุกร์นี้ ต้องติดตามข้อมูล “การอุปโภคบริโภครายบุคคล” หรือ Core PCE Price Index (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) คาดว่าจะปรับขึ้นแตะ 2.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะถือเป็น “การขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ มิ.ย. ปี 1993” และสูงกว่าเป้าหมาย 2% ที่เฟดกำหนด
เฟดจะมีการประชุมวาระถัดไปในวันที่ 15-16 มิ.ย. นี้
ที่มา: Reuters