• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 28 พฤษภาคม2564

    28 พฤษภาคม 2564 | Gold News


ทองทรงตัวต่ำกว่า 1,900 เหรียญ ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯแกร่ง – ไบเดนเผยแผนปีงบประมาณ 6 ล้านล้านเหรียญ

·         ทองคำตลาดโลกปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยบริเวณ 1,896.76 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิด -0.3ที่ระดับ 1,898.5 เหรียญ

 

·         นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งท่ามกลางเงินเฟ้อดูจะเป็นสิ่งที่ทำให้เฟดต้องพิจารณาถึงความสำเร็จด้านการกำหนดเป้าหมายหากแนวโน้มเงินเฟ้อที่เผชิญเป็นเพียง “การปรับขึ้นชั่วคราว” ขณะที่ภาพรวมเชื่อว่าทองคำยังเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น ดังนั้น นักลงทุนจึงไม่ควรแปลกใจ และรอเข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวลดลง

 

·         บรรดานักลงทุนส่วนใหญ่รอคอยข้อมูลการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของสหรัฐฯ หรือ Core PCE Price Index เวลา 19.30น. คืนนี้

 

·         หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors ไม่คิดว่านักลงทุนจะเข้าซื้อทองในเวลานี้ เนื่องด้วยภาพรวมตลาดเริ่มมีแรง Overbought หลังมีการเข้าซื้อต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน

 

แต่หากเงินเฟ้อยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจทำให้เราเริ่มเห็นนักลงทุนก้าวสู่ตลาดและจะยิ่งเพิ่มภาวะ Overbought ในตลาดอีกจากกรณีเงินเฟ้อ

·         ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากการนำเข้าทองคำจากจีน, ฮ่องกง และสวิสเซอร์แลนด์ มีการปรับตัวขึ้นทั้งหมดในเดือนเม.ย.

 

·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,044.08 ตัน

 

·         พลาเดียมปรับขึ้น +2.3ที่ระดับ 2,806.67 เหรียญ

 

·         ซิลเวอร์ปิด +0.5ที่ 27.83 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด +1ที่ 1,178.86 เหรียญ

 

·         Nornickel ผู้ผลิตรายใหญ่ มองว่า ยอดขาดดุลในตลาดพลาเดียมอาจขยายตัวต่อไปในปี 2021

 

·         ทองแดงปรับขึ้นท่ามกลางตลาดคลายกังวลเพิ่ม และข้อมูลจีนอยู่ในทิศทางขาขึ้น

 

ราคาทองแดงปรับตัวขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และท่าทีคุกคามเพิ่มต่อกลุ่มผู้ผลิตเหมืองทองแดงในชิลี ประกอบกับการผ่อนคลายความกังวลในจีนเกี่ยวกับการจะเดินหน้าคุมเข้มนโยบาย จึงเห็น Copper Futures ปิด +2.7ที่ระดับ 10,244 เหรียญ/ตัน

 

·         ประมาณการณ์จีดีพีครั้งที่ 2 ของสหรัฐฯทรงตัว โดยยังมองไตรมาสแรกเศรษฐกิจขยายตัวได้บริเวณ 6.4%

 



·         จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯปรับลงเกินคาด ทำต่ำสุดใหม่รอบ 14 เดือน

โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 38,000 ราย สู่ระดับ 406,000 ราย ทำต่ำสุดใหม่ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. ปีที่แล้ว ภาพรวมคนว่างงานลดลงต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ติด



อย่างไรก็ดี ตลาดแรงงานยังคงปราศจากการจ้างงานจำนวนมาก แม้จะมีคนว่างงานในสหรัฐฯกว่า 10 ล้านคนที่ตกงานตั้งแต่ช่วงการระบาดของไวรัสระบาด ขณะที่ล่าสุดผู้ว่าการรัฐจากพรรครีพับลิกันไม่น้อยกว่า 23 แห่งในประเทศ อันหมายรวมถึงรัฐฟลอริดา และเท็กซัส มีการประกาศยุติการจ่ายสวัสดิการช่วยเหลือตามแพ็คเกจไบเดนในเดือนหน้า ที่เป็นการช่วยเหลือสัปดาห์ละ 300 เหรียญ ท่ามกลางภาคธุรกิจที่ขาดแคลนกำลังคนทำงาน และกระตุ้นให้ประชาชนที่เดินหน้าขอรับสวัสดิการได้เริ่มต้นค้นหางานทำ

 

·         ข้อมูลยอดรออนุมัติขายบ้านสหรัฐฯปรับตัวลดลง 4.4แตะ 106.2 ยูนิตในเดือนเม.ย.

 

·         New York Times รายงาน ไบเดนผลักดันงบประมาณค่าใช้จ่ายปี 2022 มากถึง 6 ล้านล้านเหรียญ และอาจเพิ่มเป็น 8.2 ล้านล้านเหรียญในปี 2031

นอกจากนี้ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังมีแผนที่จะปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล และคนรวย และมุ่งเน้นความสำคัญของยอดขาดดุลที่คาดว่าจะเริ่มปรับลดลงในปี 2030

ขณะเดียวกัน ในวันนี้คาดว่านายไบเดนจะทำการเปิดเผยรายละเอียดปีงบประมาณฉบับเต็มนับตั้งแต่ที่ดำรงตำแหน่งครั้งแรกตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยจะย้ำเน้นถึงการผลักดันแผนขั้นพื้นฐานเรื่อง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน, สวัสดิการเด็ก และภาคสาธารณะอื่นๆเพื่อพยายามฟื้นฟูประเทศ


·         ไบเดนเผยแผนความมั่นคงเพื่อต่อต้านจีนและเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านอาวุธ

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยแผนสำหรับกระทรวงความมั่นคงมูลค่า 7.15 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเป็นงบประมาณในการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการรุ่นเก่ามาเป็นรุ่นใหม่มากขึ้นสำหรับการปรับปรุงคลังนิวเคียร์ให้ทันสมัย ในการยับยั้งจีนที่กำลังพัฒนาขีดความสามารถในการต่อสู้ในอนาคต

 

·         เจรจาแผนโครงสร้างพื้นฐาน “ไบเดน – 6 ตัวแทน ส.ว.รีพับลิกัน” เดินหน้าต่อ ท่ามกลาง รีพับลิกันเสนอแผนใหม่ของโครางสร้างพื้นฐาน 8 ปี ที่วงเงิน 9.28 แสนล้านเหรียญ


·         “เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เผยว่า กำลังจับตา “เงินเฟ้อ” ใกล้ชิด และต้องการพิสูจน์ว่าการขึ้นดังกล่าวเป็นเพียงชั่วคราว และไม่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ซึ่งเธอพร้อมใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีหากเกิดกรณีจำเป็น

นอกจากนี้ เยลเลน ยังกล่าวถึงแผนงบประมาณไบเดน ที่อาจเพิ่มระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีให้ปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจุบันที่อยู่เหนือกว่า 100% ไปอีก 10 ปีข้างหน้า แต่เธอเชื่อว่าจะมีแผนการรับมือทางด้านการเงินที่เหมาะสม

 

·         “โรเบิร์ต เคพแลนด์” ประธานเฟดสาขาดัลลัส ชี้ว่า การเพิ่มขึ้นของราคาในกลุ่ม Real Estate เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่เฟดควรหารือเรื่องการเริ่มต้นลดการเข้าซื้อพันธบัตร

จากปัจจุบันที่เข้าซื้อ 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน ประกอบด้วยการเข้าซื้อตราสารหนี้ MBS วงเงิน 4 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน

โดยเขาเรียกร้องให้เฟดดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป

 

·         รายงานล่าสุดเผยระดับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร หรือ Revese Repo ของเฟด มีปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยยังทำ All-Time High ต่อเนื่องแตะ 4.85 แสนล้านเหรียญ

 

·         เฟดจะจัดประชุมธนาคารกลางประจำปี ณ เมือง แจ็กสัน โฮล ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้

 

·         สถานการณ์ไวรัสโคโรนาล่าสุด ทั่วโลกยอดติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นมาใกล้ทะลุ 170 ล้านราย ปัจจุบัน 169.61 ล้านราย ยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 3.52 ล้านราย

 

·         รัฐมนตรีญี่ปุ่น เผยว่า ญี่ปุ่นจ่อขยายประกาศภาวะฉุกเฉินออกไปจนถึง 20 มิ.ย.นี้

 


·         เมื่อวานนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3,323 ราย รวมติดเชื้อสะสม 141,217 ราย เสียชีวิตเพิ่มทำ New High  47 ราย เสียชีวิตสะสม 920 ราย


"ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" ได้ออกประกาศเพิ่มอำนาจให้หน่วยงานสามารถทำการนำเข้า-จำหน่าย วัคซีน ซิโนฟาร์ม” เข้ามาเป็น "วัคซีนทางเลือก" ที่ใช้ฉีดป้องกันโควิด-19 ให้กับประเทศไทยเป็น วัคซีนตัวที่ เร็วๆ นี้


·         นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15 - 31.40 บาท/ดอลลาร์

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- รมว.คลัง เสนอสภาพิจารณาพ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (พ.ร.ก.ซอฟท์โลน) ฉบับใหม่ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 2 มาตรการหลัก คือ
1. มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท
2. มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ วงเงิน 1 แสนล้านบาท

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวเดลินิวส์

- ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า การเข้ามาระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เช่น สายพันธุ์อินเดียอาจส่งผลให้การแพร่ระบาดในประเทศรุนแรงและยืดเยื้อนานกว่าที่คาดไว้ คนระมัดระวังการเดินทางและขาดความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย จากเดิมคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเปิดและเร่งตัวระดับใกล้เคียงปกติในไตรมาส 3 อาจเลื่อนออกไปเป็นไตรมาส 4 ซึ่งจะฉุดรั้งให้การบริโภคภาคเอกชนอ่อนแอ ทางสำนักวิจัยฯ จึงได้ปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงจาก 2.2% เป็น 1.9%

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าว The Standard

IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 64 เพิ่มเป็น 5.5% จากคาดการณ์เดิมเติบโต 5.2% พร้อมประเมินว่าปีหน้าจะขยายตัวในระดับ 4.2% ส่วนของไทย ทาง IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตในปี 64 เหลือ 2.7% จากเดิม 4% แต่ประเมินว่าในปี 65 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในระดับ 4.6%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com