• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2564

    14 มิถุนายน 2564 | Gold News


ทองลงจากดอลลาร์แข็งค่าและมุมมองเงินเฟ้อปรับขึ้น “ชั่วคราว”

ราคาทองคำปรับตัวลดลงในคืนวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจาก
1) กระแสคาดการณ์ในตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นของข้อมูลเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้
2) ดอลลาร์แข็งค่า 0.57
% ที่ระดับ 90.581 จุด
3) ยูโรอ่อนค่าจากนักลงทุนคาดอีซีบีและบีโออีจะคงดอกเบี้ยระดับต่ำเป็นเวลานาน
4) นักลงทุนลดการถือครองสถานะก่อนประชุมเฟด 15-16 มิ.ย.
5) หุ้นสหรัฐฯปิดแดนบวก –
 S&P500 ปิดทำ New Record  ขณะที่หุ้นยุโรปก็ปิดตัวในแดนบวก

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -1.2% ที่ระดับ 1,875.31 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิด -0.9% ที่ระดับ 1,879.6 เหรียญ

 

·         SPDR GOLD HOLDINGS: กองทุนทองคำ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันยังถือครองที่ระดับ 1,044.61 ตัน

 

·         นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ราคาทองคำล้มเหลวในการ Break เหนือ 1,900 เหรียญ หลังจากที่ข้อมูลจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ และข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯออกมาสูงขึ้น แต่ปริมาณความต้องการทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อดูจะ “ชะลอตัว” ในทิศทางเดียวกับอุปสงค์ทองคำที่กำลังอ่อนตัว

ดังนั้น จึงเห็น “การปรับลงของราคาทองคำ” และระยะสั้นๆ มีโอกาสเห็นทองคำกลับลงไปแถว 1,850 เหรียญได้ ขณะที่ ภาพระยะกลางของทองคำ ยังมีแรงหนุนจาก “การใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นเวลานาน” ของเฟด

·         การประกาศข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ หรือ ดัชนี CPI เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกิดมุมมองจากนักวิเคราะห์บางส่วนว่า การปรับขึ้นดังกล่าวมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นเพียง “ชั่วคราว” เท่านั้น ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวทางการคุมเข้มทางการเงินของเฟดที่ลดน้อยลงไป

 

·         กลุ่มผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ในอินเดียและจีน ดูจะถูกสถานการณ์บังคับให้มีการลดราคาสินค้าเพื่อจูงใจกลุ่มผู้บริโภคในสัปดาห์นี้

 

·         นักลงทุนในตลาดจับตาประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 15 – 16 มิ.ย.

 

·         นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับเฟดดูจะยังเป็นมุมมองการคงเงินเฟ้อเป็นการเพิ่มขึ้นชั่วคราว แต่การฟื้นตัวของตลาดแรงงานและภาวะ “เงินเฟ้อ” ที่ร้อนแรง ดูจะเพิ่มโอกาสความเสี่ยงที่เฟดจะลดท่าที Dovish ได้  


·         พลาเดียมปิด +0.2% ที่ระดับ 2,783.10 เหรียญ


·         แพลทินัมปิด -0.3% ที่ระดับ 1,147.08 เหรียญ


·         ภาคบริษัทต่างๆที่ผลิตรถยนต์มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบต่อไปจากภาวะขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์สทั่วโลก แต่การเพิ่มสินค้าคงคลังดูจะช่วยลดผลกระทบต่อราคาพลาเดียมและแพลทินัม

 

·         ซิลเวอร์ทรงตัวบริเวณ 27.96 เหรียญ

 

·         ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯขั้นต้นเดือนพ.ค. ที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ชี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง จากความกังวลเรื่อง “เงินเฟ้อ” มากขึ้น จึงส่งผลให้ดัชนีร่วงลงแตะ 82.9 จุด จากระดับ 88.3 จุดในเดือนเม.ย.

 

·         ส.ว.สหรัฐฯ ระบุถึงการบรรลุกรอบเวลาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน

10 ผู้แทนส.ว.จากทั้ง 2 พรรคของสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาถึงการบรรลุกรอบเวลาข้อเสนอร่างค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน ที่อาจไม่รวมการขึ้นภาษีในร่างดังกล่าว

อย่างไรก็ดี สมาชิก 5 – 5 จากพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ แต่แหล่งข่าววงใน เผยว่า ข้อตกลงร่วมกันจะมีมูลค่าในร่างโครงสร้างพื้นฐานดังนี้
9.74 แสนล้านเหรียญ สำหรับระยะเวลา 5 ปี
1.2 ล้านล้านเหรียญ สำหรับระยะเวลา 8 ปี ที่รวมถึงการเพิ่มงบค่าใช้จ่ายก้อนใหม่ 5.79 แสนล้านเหรียญ

บรรดาส.ว.สหรัฐฯ เผยว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังหารือกัน และดูจะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นสำหรับการได้รับเสียงสนับสนุนต่อแผนดังกล่าว

 

·         “แนนซี เพโลซี” โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯชี้ แผนโครงส้รางพื้นฐานฉบับใหม่ของวุฒิสภาสหรัฐฯ อาจเป็นการ “ยาก” ที่จะผลักดันให้ผ่านไปได้  

 

·         ไบเดน จะนำเงินจากกองทุนสร้างกำแพงพรมแดนสหรัฐฯไปเพิ่มในส่วนการทหารและการทำความสะอาดด้านก่อสร้างให้เพิ่มขึ้น

 

·        “นายโจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางถึงกรุงบรัสเซล เพื่อประชุมสุดยอดผู้นำประเทศ NATO และ EU Summit ซึ่งจะถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะผู้นำสหรัฐฯ และการผลักดันเป้าหมายการฟื้นคืนความสัมพันธ์ข้ามมหาสุมทรแอตแลนติก

หลังจากที่นายไบเดนเข้าร่วมประชุม G7 ก็มีกำหนดการต่อ ดังนี้
14 มิ.ย. - ประชุมกับผู้นำ
 NATO
15 มิ.ย. – ประชุมสุดยอดผู้นำอียู
16 มิ.ย. - ไบเดน มีกำหนดการเดินทางต่อไปยังกรุงเจนีวา เพื่อเข้าพบกับ “นายวลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย

ทั้งนี้ นายไบเดน ประกาศจะฟื้นคืนความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรที่สั่นคลอนมาตลอด 4 ปี ภายใต้การบริหารงานของยุค “ทรัมป์” ที่ถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งขู่จะออกจาก NATO

 

·         ไบเดน เผย แนวทางเผด็จการของ “ปูติน” ดูจะอ่อนแอกว่าที่เราเห็น

 

·         ไบเดน ชี้ “สหรัฐฯ” กลับสู่โต๊ะประชุมสุดยอดผู้นำ G-7 อย่างเป็นทางการแล้ว

 

·         บรรดาผู้นำ G-7 เห็นพ้องต่อประเด็นการจัดการ วัคซีน”, จีน และการกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำบริษัทข้ามชาติ

 

รวมถึงการจัดสรรงบสู้การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศแต่ยังคงขาดในรายละเอียดประเด็นนี้

 

·         G-7 ตำหนิจีนในการปกป้องสิทธิการตรวจสอบต้นตอ Covid-19

 

·         G-7 มีการแบ่งเงินไปยังกองทุนไอเอ็มเอฟมูลค่า 1 แสนล้านเหรียญ สำหรับการช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19  แม้ว่าเยอรมนีและอิตาลีจะคัดค้านและไม่ให้การสนับสนุนในการประกาศขั้นสุดท้ายสำหรับแถลงการณ์ประชุม G-7 ในวงเงินดังกล่าว


·         “นางคริสตาลินา จอร์เจียฟวา” ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ เผย ไอเอ็มเอฟให้ความสำคัญกับการจัดตั้งกองทุนการช่วยเหลือใหม่ที่จะมีการเพิ่มการช่วยเหลือมากขึ้นไปยักลุ่มประเทศต่างๆ รวมถึงกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง ที่อาจเผชิญกับความผันผวนของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ

 

·         นางแคเธอรีน ไท ผู้แทนเจรจาการค้าสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนอังกฤษในวันพุธนี้เพื่อร่วมหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการค้าอังกฤษ หลังจากที่สหรัฐฯ-ยุโรปเข้าร่วมประชุมสุดยอดผุ้นำและการประชุมร่วมกับหลายๆหน่วยงาน

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ เผยว่า อังกฤษต้องการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างอียู ในประเด็นการค้ากับไอร์แลนด์เหนือ แต่ก็ยังกล่าวย้ำถึงดินแดนบริเวณดังกล่าวว่าเป็น “ส่วนหนึ่งของอังกฤษ”

 

·         ทูตสหรัฐระดับสูงสหรัฐฯ ระบุว่า การโจมตีของจีนต่อ 'กองกำลังต่างชาติ' ที่คุกคามจุดยืนระดับโลกของฮ่องกง

 

·         ไบเดนยินดีต่อการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของอิสราเอล พร้อมยืนยันการให้การสนับสนุนด้านความมั่นคงต่ออิสราเอลต่อไป

 

·         อิสราเอลลงมติจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ท่ามกลางความวุ่นวายในรัฐสภา กับการยุติแนวทางบริหารของ นายเนทันยาฮู ประธานาธิบดีอิสราเอลเป็นเวลากว่า 12 ปี

 

·         CORONAVIRUS UPDATES:

 


 

ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 293,946 ราย รวมสะสมทะลุ 176.70 ล้านราย

ยอดเสียชีวิตใหม่ทั่วโลกอยู่ในแนวโน้มปรับตัวลง แม้ล่าสุดจะเห็นยอดเสียชีวิตรายวันใหม่เพิ่มที่ 8,437 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 3.81 ราย

 

·         CDC ชี้ สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้ว 309.3 ล้านโดส

 

·         EMA เผย การใช้วัคซีน Covid-19 ของ AstaZeneca ให้อานิสงส์แก่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป

 

 

·         อังกฤษประกาศเลื่อนการสิ้นสุดการใช้มาตรการเข้มงวด Covid-19 ออกไป


·         สถานการณ์การระบาดในไทย


เมื่อวันเสาร์พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 3,277 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 29 ราย

และเมื่อวานนี้พบยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2,804 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 18 ราย

รวมผู้ป่วยสะสม 167,046 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 1,449 ราย

  

·         นักบริหารการเงิน มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 30.90-31.30 บาท/ดอลลาร์ จากระดับ 31.06 บาท/ดอลลาร์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินและ Dot Plot ชุดใหม่ของเฟด รวมถึงสถานการณ์และแผนการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ในประเทศ

 

สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ โดยเงินบาทได้รับแรงหนุนจากสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีปัจจัยบวกตั้งแต่ในช่วงต้นสัปดาห์จากข่าวการปูพรมเร่งฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ขณะที่เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ร่วงลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 1.50% เนื่องจากตลาดประเมินว่า แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯจะขยับขึ้น แต่เฟดก็อาจจะยังไม่รีบส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินในเร็วๆ นี้

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญประกอบด้วย

- ยอดค้าปลีก

- ดัชนีราคาผู้ผลิต

- ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม

- การเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค.

- ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก

- ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย

- ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.

- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนพ.ค. ได้แก่

- ข้อมูลยอดค้าปลีก

- การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

- การผลิตภาคอุตสาหกรรมด้วยเช่นกั

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ

- กระทรวงการคลังของไทย ยืนยันไม่ได้กู้เงินซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ชี้มีอำนาจกู้เงินเฉพาะ 6 วัตถุประสงค์ พร้อมบริหารจัดการหนี้สาธารณะ-ชำระคืนหนี้อย่างครบถ้วน ตรงเวลามาอย่างต่อเนื่อง

 

- กระทรวงการคลังของไทยรับโจทย์นายกฯ ดึงเศรษฐีต่างชาติ 4 กลุ่มปักหลักชีวิตในไทย จูงใจภาษีเงินได้ 17% สูตรเดียวกับ อีอีซี

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

 

- พาณิชย์ไทย เผยสินค้าไทย 207 รายการได้ลดภาษี 0% ในตลาดญี่ปุ่นหลังอาร์เซ็ป

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวฐานเศรษฐกิจ

- บลจ.แนะจัดพอร์ตกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ 80% หลังให้ผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ พบหุ้นสหรัฐและจีนบวกสูงจากหุ้นเทคโนโลยี แถมรับมือโควิดได้ดี ชี้ไทยยังไม่มีบริษัทหรืออุตสาหกรรมที่เป็นเทรนด์เปลี่ยนโลก


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com