• ตลาดรอประชุมเฟด ก่อนตัดสินใจทำสถานะครั้งใหญ่ในสัปดาห์หน้า

    14 มิถุนายน 2564 | SET News
 

ตลาดรอประชุมเฟด ก่อนตัดสินใจทำสถานะครั้งใหญ่ในสัปดาห์หน้า

 

รายงานจาก CNBC ชี้ว่า เราอาจเห็นตลาดหุ้นเคลื่อนไหวเป็นลักษณะ Sideways โดยรอผลการประชุมเฟดประจำเดือนมิ.ย. ที่จะเกิดขึ้นในวันพุธนี้ แม้ว่า เฟดจะยังไม่ถูกคาดว่าจะดำเนินการใดๆก็ตาม แต่ก็อาจเห็นเฟดปล่อยคาดการณ์ดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ที่อาจเป็น "ปัจจัย" ต่อการเคลื่อนไหวของตลาดต่อไปได้

 

ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 ปิดทำ New High แต่ภาพรวมก็สามารถปิดสัปดาห์ได้ที่ +0.4%

 



หนึ่งในสัญญาณที่เฟดจะทำการลด QE หรือการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือน โดยพื้นฐานอาจต้องเห็นเฟดส่งสัญญาณที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบายจากผ่อนคลายเป็น "คุมเข้ม" จึงคาดว่าเฟดอาจมีสัญญาณการลด QE ก่อนจะเริ่มต้นลดจริง และตลาดก็คาดว่าการปรับขึ้นของเงินเฟ้อจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปี 2023

 

อย่างไรก็ดี นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดจะทำการให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม ช่วงเวลาประมาณ 01.00น. ตามเวลาไทย

 

การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ

 

การเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ที่ปรับขึ้นแตะ 5% บรรดานักเศรษฐศาสตร์สะท้อนว่าน่าจะเป็นการปรับขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ท่ามกลางอุปสรรคของภาวะห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่อุปสงค์กำลังปรับขึ้น แต่พวกเขาก็เชื่อว่าอาจต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะมั่นใจได้ว่าจะเห็นเฟดดำเนินนโยบายเพิ่มขึ้นมากกว่าในปัจจุบัน

 

เฟดถูกคาดถึงมุมมองการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ ที่น่าจะปรับตัวลงในเวลาต่อมใกล้ 2% ซึ่งก่อนที่จะปรับลงมาใกล้ระดับดังกล่าว เฟดก็ดูจะมีการปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ไว้ที่ระดับ 2.2%

 

สำหรับคาดการณ์ Core Inflation ที่มีมาตรวัดจากดัชนี PCE Price Index น่าจะอยู่ที่ 2% ในปีหน้า และ 2.1% ในปี 2023

 

นักวิเคราะห์จาก Well's Fargo กล่าวว่า  เขากำลังให้ความสำคัญกับข้อมูลคาดการณ์เงินเฟ้อ โดยเฉพาะในปี "2023" ตามที่เฟดกล่าวอ้างในคาดการณ์ เพราะจะถือเป็น "ครั้งแรก" ที่เฟดมองความเป็นไปได้ในการเพิ่มเป้าหมายดอกเบี้ย

 

ในส่วนมุมมองการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ ก็มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นคู่กับการ "ขึ้นดอกเบี้ย" ด้วย และอาจเห็นดอกเบี้ยปรับขึ้นครั้งแรก ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าน่าจะเกิดในปี 2024

 

จับตาพันธบัตร

 

การปรับขึ้นของตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างเป็นไปอย่างผสมผสาน ขณะที่กองทุน REITs ดูจะเป็นกลุ่มที่มีการขยายตัวได้ดีที่สุดต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติด และปรับขึ้นได้กว่า 2% โดยได้รับอานิสงค์จากหุ้นกลุ่มสุขภาพที่ปรับขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มผู้บริโภคในสินค้าสาธารณูปโภคปรับขึ้น 1.6% ด้านหุ้นเทคโนโลยีปรับขึ้น 1.4% โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับลงของอัตราดอกเบี้ย

 

แต่หุ้นกลุ่มการเงินกลับดิ่งลงกว่า 2.4% เมื่อดอกเบี้ยมีกระแสจะยัง "ปรับลง" หรืออยู่ "ระดับต่ำ" ทำให้หุ้นกลุ่มนี้แย่ที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มการเงิน รวมถึงหุ้นกลุ่มวัฎจักรอื่นๆ รวมถึงวัตถุดิบก็ปรับลงไปราว 2% ด้านภาคอุตสาหกรรมปิดสัปดาห์ -1.7%

 

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลงต่ำกว่า 1.43% ท่ามกลางแรงซื้อในตลาดพันธบัตรที่เพิ่มมากขึ้น



อย่างไรก็ดี การปรับลงของอัตราผลตอบแทนดังกล่าว ถือเป็นการปรับหลังจากที่ไปทำสูงสุด 1.75% เมื่อช่วงปลายเดือนมี.ค.  โดยการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะสวนทางกับการแรงกดดันด้านการซื้อในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น

 

ท้ายที่สุดนี้ กลุ่มนักลงทุนให้ความสำคัญกับ

การเดินทางของนายไบเดนต่อประเทศอังกฤษ และยุโรป

การเข้าร่วมประชุม G7 ของนายไบเดน

การเข้าร่วมประชุมกับชาติพันมิตร NATO

การประชุมกับ "นายปูติน" ในวันพุธนี้


 

ที่มา: CNBC

อ่านต่อ 
https://www.cnbc.com/2021/06/11/markets-await-the-feds-meeting-in-the-week-ahead.html


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com