• เฟดกับแนวโน้มประกาศลด QE จากความกังวลเงินเฟ้อมากขึ้น “ส.ค.” หรือ “ก.ย.”

    15 มิถุนายน 2564 | Economic News
  


เฟดกับแนวโน้มประกาศลด QE จากความกังวลเงินเฟ้อมากขึ้น “ส.ค.” หรือ “ก.ย.”

Reuters Polls เผยมุมมองนักเศรษฐศาสตร์กว่า 100 ราย ที่มีการปรับมุมมองใหม่เดี่ยวกับคาดการณ์เงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐฯ และภาพรวมมองว่า เฟดมีแนวโน้มจะประกาศกลยุทธ์การลดการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนส.ค. หรือ ก.ย. ปีนี้ แต่จะยังไม่เริ่มทำการลดวงเงินการเข้าซื้อจนกว่าจะเข้าสู่ปีหน้า


บรรดาผู้ร่วมตอบแบบสอบถาม ยังมองว่า เฟดจะรอจนถึงช่วงปลายปี ก่อนประกาศลด QE และเวลานี้ตลาดให้ความสนใจเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย ท่ามกลางการยุติการระบาดของไวรัสโคโรนา

อุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ควบคู่กับการที่สหรัฐฯกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจได้ต่อไป และจะทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคปีนี้ปรับขึ้นต่อ



กว่า 60% ของนักเศรษฐศาสตร์ คาดโอกาส “ประกาศลด QE จะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 3/2021” แม้ว่าการฟื้นตัวในตลาดแรงงานช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจะไม่ค่อยเป็นไปด้วยดีมากนัก

** นักเศรษฐศาสตร์ 13 ราย เชื่อว่า เฟดอาจประกาศช่วงการประชุมธนาคารกลางประจำปี ณ เมือง Jackson Hole ที่ปีนี้จัดขึ้นช่วงเดือนส.ค. ที่บ่อยครั้งจะมีการกล่าวย้ำถึงความสำคัญในการดำเนินนโนบาย

** นักเศรษฐศาสตร์ 21 ราย คาดว่า การประกาศจะเกิดขึ้นหลังไตรมาสที่ 3


มุมมองนักวิเคราะห์:

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก ING

- คาดอาจเห็นความ “ชัดเจน” ในการประชุมที่ Jackson Hole Conference เรื่องเฟดกำลังหารือกันถึงการลด QE

- เฟดอาจกล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวต่อในการประชุมเฟดเดือนก.ย.


** นักเศรษฐศาสตร์เกือบ 60% มองว่า การเริ่มลดวงเงินการซื้อพันธบัตรจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า (Q1/2022)

ปัจจุบันเฟดเข้าซื้อ QE ดังนี้

พันธบัตรรัฐบาล 8 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน

ตราสารหนี้ MBS 4 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน


คาดการณ์:

เฟดอาจลดการซื้อลง 2 หมื่นล้านเหรียญ แต่วงเงินที่แตกต่างกัน ทำให้บางส่วนคาดการซื้อ QE จะอยู่ราว

พันธบัตรรัฐบาล 4 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน

ตราสารหนี้ MBS 2 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน

อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลของรัฐบาล และการเร่งฉีดวัคซีน ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาด จีดีพีเฉลี่ยไตรมาสนี้โต 5% (เดิมคาด 4.7%)

ไตรมาส 3/2021 อาจโตได้ 7% (เดิมคาด 6.7%)

ไตรมาส 4/2021 อาจโตได้ 10% (เดิมคาด 9.5%)


นักวิเคราะห์จาก ING ยังมองว่า

- การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ มีการสูญเสียด้านผลผลิตในไตรมาสนี้

- สิ้นปีอาจเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้เป็นอย่างมาก หากไร้การระบาด

- แนวโน้มการเติบโตช่วงสิ้นปีมีโอกาสกลับสู่เทรนปี 2014-2019


คาดการณ์เรื่องอัตราว่างงาน:

มีโอกาสปรับลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงปีหน้า

เฉลี่ยปี 2021 อยู่แถว 5%

เฉลี่ยปี 2021 อยู่ราว 4%

ภาพรวมสูงกว่า 3.5% ช่วงก่อนไวรัสระบาด



ทั้งนี้ เฟดพึงพอใจกับการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ

- Core PCE Price Index เม.ย. ขยายตัวแตะ 3.1% เป็นการขยายตัวรายปีที่มากที่สุดตั้งแต่ก.ค. ปี 1992

เฉลี่ยปีนี้เงินเฟ้อน่าจะแตะ 2.5%

เฉลี่ยปีหน้าเงินเฟ้อน่าจะแตะ 2.2%

(สูงกว่าเป้าหมายเฟด 2% และสูงกว่ามุมมองคาดการณ์เดิม 2.1% ทั้งสองปี)


นักกกลยุทธ์อาวุโสจาก Rabobank กล่าวว่า

- ส่วนใหญ่ตลาดมองเงินเฟ้อเป็นเพียง “ภาวะชั่วคราว”

- กาาเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง, ทิศทางเศรษฐกิจโลก และการดำเนินนโยบายการเงินในประเทศ จะเป็นตัวสร้างความยั่งยืนของการปรังขึ้นของเงินเฟ้อ


** นักเศรษฐศาสตร์เกือ 60% คิดว่า การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ เป็น “ความเสี่ยงครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจ” เมื่อเทียบกับการว่างงานที่สูงเป็น 6 เท่า

** นักเศรษฐศาสตร์กว่า 2 ใน 3 ของการตอบแบบสำรวจ แสดงความกังวลต่อเงินเฟ้อ


นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก BMO Capital Markets กล่าวว่า

1) การเร่งฉีดวัคซีน

2) การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก


เป็น 2 สาเหตุที่ทำให้อุปสงค์รีบาวน์ได้รวดเร็วกว่าอุปทาน แต่ก็ส่งผลข้างเคียงอย่างไม่น่าพอใจด้วยเช่นกัน อาทิ “เงินเฟ้อ” และช่วง 2-3 ไตรมาสจากนี้หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว จะเริ่มเห็นถึง “ความไม่สมดุล” ของการเติบโต หลังวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย


ที่มา: Reuters

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com