สิ่งที่ต้องรู้ เกี่ยวกับ การประชุม "ไบเดน - ปูติน" ที่มีการเดิมพันสูงสำหรับประชุมรอบนี้
ในวันนี้นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเข้าพบกับ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญทางสภาวะการเมืองที่หลายๆคนให้ความสำคัญและเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดมากที่สุดในปีนี้และถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนเข้าพบกันนับตั้งแต่ที่นายไบเดน ได้รับตำแหน่งประธานาธิิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ การประชุมระหว่าง "ไบเดน-ปูติน" ถูกคาดว่าจะมีท่าทีที่แตกต่างจากการประชุมเมื่อครั้งนายทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีการประชุม "ทรัมป์ - ปูติน" ในช่วงก.ค. ปี 2018 ที่ไร้ซึ่งเจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยของทั้งสองฝ่ายประชุมด้วย
เมื่อวานนี้ ผู้ช่วยทางฝั่งรัสเซีย กล่าวถึง เสถียรภาพด้านนิวเคลียร์, การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นสิ่งที่จะถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นในการประชุมครั้งนี้ แต่เขาก็ "ไม่มั่นใจ" ว่าทั้งสองฝ่าย จะสามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ ได้
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม:
1) การคุมขัง "นายนาวัลนี" - ที่ทำให้รัสเซียต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และปัญหาด้านสุขภาพล่าสุดของนายนาวัลนี ก็ดูจะทำให้เกิดท่าทีตึงเครียดระหว่างสองประเทศมากยิ่งขึ้น
2) ความวิตกกังวลเรื่องการโจรกรรมข้อมูล - นายไบเดนถูกคาดว่าจะมีความกังวลมากขึ้นจากการโจมตีด้านโปรแกรม และความกังวลด้านความมั่นคงทางไซเบอร์อื่นๆกับนายปูติน
ขณะที่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ พร้อมอธิบายถึงการคเลื่อนไหวของทำเนียบขาวว่ากำลังทำลายความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี
3) ไม่มีแนวโน้มพัฒนาความสัมพันธ์กันได้จริงหรือ?
กล่าวโดยสรุป ยังมีหลายประการที่สหรัฐฯและรัสเซียจะต้องเผชิญ แม้ว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญจะมองว่า ไม่ค่อยเห็นช่วงเวลาที่จะพาทั้งสองฝั่งก้าวข้ามปัญหาใดๆได้ ในการเจรจาครั้งนี้
หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Rasmussen Global ระบุว่า เขาเอง "ไม่ได้ตั้งมาตรฐานไว้สูง" สำหรับการประชุมที่จะเกิดขึ้นในเวลานี้
4) กรอบเวลาการพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคต - ที่ปรึกษาด้าน Central and Eastern Europe จาก Teneo Intellienge ค่อนข้างเห็นด้วยกับการประชุมครั้งนี้ ที่ *ไม่มีแนวโน้ม" จะก่อให้เกิดความคืบหน้าใดๆสหรับความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี แต่ก็อาจสร้างความมั่นใจครั้งใหม่สำหรับความเป็นไปได้ในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเขาคาดหวังว่าจะเห็นกรอบความสัมพันธ์ในอนาคตที่คืบหน้ามากกว่าการดำเนินการใดๆในการประชุมรอบนี้
ที่มา: CNBC