• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 18 มิถุนายน 2564

    18 มิถุนายน 2564 | Gold News


ทองคำโลกปิดร่วง 2%, พลาเดียม -10เหตุจากเฟดส่งสัญญาณเร่ง Hawkish

ราคาทองคำตลาดโลกปิดร่วงกว่า 2% ที่ระดับ 1,776.1 เหรียญ
ช่วงต้นตลาดทำ
 Low ที่ 1,766.29 เหรียญ (ต่ำสุดตั้งแต่ 3 พ.ค.)

สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิด -4.7% ที่ 1,774.80 เหรียญ

ราคาทองคำถูกกดดันจาก
- ดอลลาร์แข็งค่ารับกลยุทธ์ใหม่ของเฟด ปิดตลาด +0.53
% ที่ระดับ 91.892 จุด ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.
- เฟดส่งสัญญาณปรับกลยุทธ์ “คุมเข้มทางการเงิน” ทั้งโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2023 แม้จะยังคงแนวทางปัจจุบันต่อไปเพื่อหนุนการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน
- ทองคำผันผวนมากขึ้นหลังเฟด เผยถึงแนวทางที่จะหารือต่อไปว่าจะตัดสินใจลดการเข้าซื้อพันธบัตรในทุกๆการประชุมต่อจากนี้หรือไม่

กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองออกมา 3.79 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,041.99 ตัน



ส่งผลให้ภาพรวมเดือนมิ.ย. กลับมาเป็นสถานะขายสุทธิที่ 1.22 ตัน
ขณะที่ตั้งแต่ม.ค. ถึง ปัจจุบัน SPDR มีสถานะขายสุทธิ 128.75 ตัน

-  แรงเทขายทำกำไรทั่วทุกสินค้าโลหะมีค่า โดยเฉพาะ พลาเดียมปิดรายวันที่แย่ที่สุดของปี

·         พลาเดียมเผชิญแรงเทขายทรุดตัวลง -10% ปิดที่ 2,517.18 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด -6.6ที่ 1,048.44 เหรียญ

·         ซิลเวอร์ร่วง -4.3% ที่ 25.81 เหรียญ/บาร์เรล

 

·         นักวิเคราะห์จาก CPM Group มองว่า แรงเทขายในทองคำยังถูกกดดันจากภาพทางเทคนิคที่เป็น “ขาลง” จึงยิ่งกดดันและทำให้ราคา Gold Futures สะท้อนถึงภาวการณ์เคลื่อนไหวตามความเป็นจริง จากปริมาณการซื้อขายในตลาดและภาพทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในตลาด Futures จึงทำให้เห็นราคาทอง Gold Futures ปรับตัวลดลงมากกว่า Gold Spot

 

ขณะที่พลาเดียมดูจะเคลื่อนไหวในทิศทางการปรับฐาน และภาวะขาขึ้นนั้นดูจะอยู่ในลักษณะ Overdone

 

·         นักกลยุทธ์สินค้าอนุพันธ์จาก TD Securities กล่าวว่า เฟดดูจะสร้างความชัดเจนมากขึ้น ต่อแนวทางการเปลี่ยนแปลงใน Dot Plot พร้อมมีสัญญาณบ่งชี้ถึงย้ำถึงการเปลี่ยนผ่านของสภาวะเงินเฟ้อ พร้อมประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยหนุนในการตัดสินใจปรับท่าที “คุมเข้มทางการเงิน”

 

อย่างไรก็ดี ความอ่อนแอของอุปสงค์และการชะลอเม็ดเงินลงทุนในทองคำเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมเฟด ดังนั้น จึงอาจทำให้เราเห็นการอ่อนตัวต่อได้

 

 

·         ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆตั้งแต่ ทองแดง” จนถึง “ข้าวโพด” ดิ่งลงจากจีนเผยแผนปราบปรามการขุดและการเทรดในประเทศ  ประกอบกับการแข็งค่าของดอลลาร์  

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดันจากดอลลาร์แข็งค่า รวมทั้งหน่วยงานกำกับดูแลของจีน Financial Stability and Development Committee (FSDC) ในประเทศจีนนั้นกำลังมีแผนการปราบปรามการขุดและการเทรดในประเทศ โดยมุ่งเน้นไปยังการลด ความเสี่ยงในด้านเครดิตปฏิรูปสถาบันการเงินขนาดกลางและลงโทษกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายอย่างรุนแรง

ราคาสินค้าร่วงแรง
- สัญญาพลาเดียมรับข่าวทรุดกว่า -11
%
- สัญญาแพลทินัมรับข่าวลงกว่า  -7
%
- สัญญา 
Corn Futures  ปรับลงกว่า 6%
- สัญญาทองแดง ปรับลงราว 
-4.8%
สัญญาน้ำมันดิบก็ปรับลงประมาณ -1%



·         นักวิเคราะห์จากสินค้าโภคภัณฑ์จาก Kpler ระบุว่า ทองแดงอาจเผชิญภาวะขาดแคลนอุปทาน ท่ามกลางอุปสงค์ความต้องการส่วนประกอบสำหรับการสร้างพลังงานสีเขียวที่เพิ่มมากขึ้น

 

·         จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน Surprise ตลาด ปรับตัวสูงขึ้นรอบ 1 เดือน



จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้นแม้ว่าจะเห็นทิศทางการฟื้นตัวของตลาดแรงงานที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยข้อมูลสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นแตะ 412,000 ราย สูงสุดตั้งแต่ 15 พ.ค.

ขณะที่ภาพโดยรวมข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานใหม่ยังเพิ่มขึ้นรวมกันแล้วราว 1.5 ล้านราย จากภาคธุรกิจหลายแห่งที่ยังปิดทำการเวลานี้

ขณะที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดเคยระบุถึงกรณีตลาดแรงงานว่า “เป็นเรื่องยาก” ที่จะให้ประชาชนกลับมามีเข้าทำงานท่ามกลางตำแหน่งงานที่สูงสุดประวัติการณ์ 9.3 ล้านตำแหน่ง

อย่างไรก็ดี ข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการในรายงานล่าสุด 29 พ.ค. พบว่า มีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงไปแล้วมากถึง 14.83 ล้านราย ทำให้หลายๆรัฐจึงตัดสินใจลดการแจกสวัสดิการ

 

·         “นายเทสเตอร์” หนึ่งในส.ว.พรรคเดโมแครต ตัวแทนเจรจา เผยสัญญาณบวกว่าอาจประนีประนอมแผนโครงสร้างพื้นฐานร่วมกับพรรครีพับลิกันได้ที่ 1 ล้านล้านเหรียญ และอาจเผยรายละเอียดได้วันจันทร์นี้

 

·         ผลสำรวจ Reuters Poll ชี้ ธนาคารกลางอังกฤษจะประเมินการขึ้นของเงินเฟ้อในประเทศเป็นเพียง “ภาวะชั่วคราว”

 

·         ถ้อยแถลงสมาชิกอีซีบีเสียงแตก โดยบางรายมองว่าอาจมีการหารือเรื่องการสิ้นสุดมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรฉุกเฉิน หรือโครงการ PEPP ในเร็วๆนี้

·         ขณะที่บางราย ต้องการให้มีการเข้าซื้อพันธบัตรต่อ

 

·         ประชุมบีโอเจที่จะสิ้นสุดในวันนี้คาดจะขยายมาตรการผ่อนคลายช่วงระบาด และคงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

 

·         ดัชนี Core CPI ของญี่ปุ่นปรับขึ้นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี  จากราคาพลังงานที่ปรับขึ้น และสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของ ควบคู่กับข้อมูลเงินเฟ้อที่อ่อนแอ

ทั้งนี้ ภาพรวมจีดีพี Q1/2021 ของญี่ปุ่นหดตัวไปมากถึง -3.9และมีแนวโน้มจะเป็นพเยงภาวะชั่วคราว ขณะที่ไตรมาสปัจจุบันเผชิญกับวิกฤตทางด้านสาธารณสุขที่กดดันการอุปโภคบริโภค

·         CORONAVIRUS UPDATES:

ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกเพิ่มขึ้นทะลุ 178.18  ล้านราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกแม้จะมีอัตราชะลอตัวลงแต่ก็ใกล้ทะลุ 4 ล้านราย ล่าสุดสะสมรวม 3.85 ล้านราย

ยอด 'โควิด-19' ในไทยวานนี้

พบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,129 ราย  โดยมียอดผู้ป่วยสะสม 178,861 ราย
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 30 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,555 ราย

 


·         นักบริหารเงินประเมินกรอบไว้ที่ 31.30-31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่องจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก หลังเฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วขึ้นมาเป็นปี 2023 พร้อมกับปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.4% จากเดิม 2.4% ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีทิศทางที่แข็งค่าขึ้น

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงแนวทางการดำเนินงาน Phuket Sandbox ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ก.ค. 64 นี้ว่า เป็นต้นแบบการส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคม และเป็นไปตามเกณฑ์ที่คณะกรรมการวิชาการของกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบ

- KKP Research ปรับการประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ในปี 64 จากการเติบโตที่ 2.2% เหลือ 1.5% และยังมีความเสี่ยงโตต่ำกว่านี้หากการระบาดของโควิด-19 ไม่สามารถควบคุมได้ หรือมีการระบาดเกิดขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นการฟื้นตัวที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจที่หดตัวไป 6.1% ในปีก่อน

โดยประเมินว่า สถานการณ์การจัดหาและกระจายวัคซีนที่ล่าช้า และการระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่สิ้นสุด ส่งผลให้การ บริโภคและการลงทุนของไทยในไตรมาส 2 ปีนี้ น่าจะหดตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และการเปิดประเทศอาจทำได้ล่าช้า ส่งผลให้นัก ท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับเข้ามาได้เพียง 160,000 คนเท่านั้นในปี 64

ประธานศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดหากเปิด Phuket Sandbox ได้ตามแผนตั้งแต่วันที่ ก.ค.นี้ รวมถึงแนวทางของนายกรัฐมนตรีที่จะเปิดประเทศได้ราวไตรมาส 4/64 นั้น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ถึง ล้านคนหรือมากกว่านี้ ทำให้จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเข้ามาราว 50,000-100,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจไทยไตรมาส ได้เพิ่มขึ้น 1% และช่วยดัน GDP ในปีนี้ให้เพิ่มขึ้นได้อีก 0.3% จากเป้าหมายเดิม


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com