· หุ้นเอเชียปรับสูงขึ้น หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคหนุนดัชนี Nasdaq ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ท่ามกลางตลาดที่ให้ความสนใจไปยังแผนการปรับลดการเข้าซื้อ QE ของเฟด ท่ามกลางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังจากมาตรการ Lockdown เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส
ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจของไวรัสสายพันธู์เดลต้าที่สามารถแพร่ระบาดได้สูง
ทางด้านประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และออสเตรเลียต่างกำลังต่อสู้กับการระบาดและข้อจำกัดที่เข้มงวด รวมทั้งสเปนและโปรตุเกส ประกาศข้อจำกัดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่ยังไม่ได้รับวัคซีนด้วยเช่นกัน
ดัชนี blue-chips (.CSI300) +0.1%
ดัชนี (.AXJO) +0.58% และปรับขึ้นติดต่กันเป็นเดือนที่ 9
ดัชนี Kospi +0.35%
ดัชนี Nikkei +0.06%
ดัชนี MSCI ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ภาพรวมรายเดือนปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน ซึ่งนานที่สุดตั้งแต่ปี 2006-2007
โดยดัชนี Stoxx600 เคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว ด้านหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี +0.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มยานยนต์ -0.8%
ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนในยุโรปกำลังให้ความสนใจไปยังข้อมูลทางเศรษฐกิจ
- จีดีพีไตรมาสแรกของอังกฤษที่ออกมา -1.6% เมื่อเทียบไตรมาส/ไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
- การลงทุนภาคธุรกิจรายไตรมาส ลดลงที่ระดับ 10.7% เนื่องจากประเทศต้องเผชิญกับมาตรการ Lockdown ที่เข้มงวด
· Dixons Carphone บริษัทจำหน่ายโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของอังกฤษมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 34% เนื่องจากการช่วยขายออนไลน์
· บริษัท Serco คาดการณ์ว่ากำไรครึ่งปีแรกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% โดยได้รับแรงหนุนจากให้บริการด้าน การช่วยเหลือ COVID-19 แม้ว่าจะเตือนว่ารายได้จากบริการเหล่านั้นจะลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ตลาดหุ้นไทยปิดเช้าบวก 4.08 จุด รีบาวด์ต่อเนื่อง-รับแรงหนุนจากทำ Window Dressing
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,595.51 จุด เพิ่มขึ้น 4.08 จุด (+0.26%) มูลค่าการซื้อขายราว 39,527 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,600.57 จุด และระดับต่ำสุด 1,594.18 จุด
- รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง โดยให้ขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปจนถึงสิ้นปี 2564 ตามความสมัครใจ จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 โดยลูกหนี้แต่ละรายที่มีปัญหาสามารถติดต่อทางธนาคารเจ้าหนี้ได้เพื่อทำการปรับโครงสร้างหนี้ได้ ทั้งนี้ สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 7 แห่ง ขณะนี้ยังมีวงเงินเป้าหมายสำหรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกรวม104,000 ล้านบาท
- ธปท.เผย คนไทย ออกไปลงทุนต่างประเทศนิวไฮ 1.78 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมเฉลี่ย 3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หลังปรับเกณฑ์ดูแลค่าเงิน เล็งออกมาตรการสร้างสมดุลตลาด อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มไตรมาส 3 ปีนี้
- สสจ.ภูเก็ต โต้ข่าวลือยืนยันไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียนพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ชี้แจงว่าตามที่ได้มีการเสนอข่าวผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่าพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียวานนี้ 5 รายและเช้าวันนี้อีก 5 รายก่อนเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะขณะนี้จังหวัดภูเก็ตยังไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อินเดียแต่อย่างใด
- "เวิลด์แบงก์" ชี้ตลาดแรงงานไทยอ่วมพิษโควิด-19 ตำแหน่งงาน-ชั่วโมงทำงานลดฮวบ สวนทางประชากรสูงวัยขยับเพิ่มหวั่นกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจระยะยาว กระทุ้งรัฐเร่งผุดนโยบายบริหารจัดการ ด้าน "ธปท." รับบาทอ่อนตามภูมิภาค หลังการระบาดยืดเยื้อกดดัน
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ที่ให้หยุดงานก่อสร้างอย่างน้อย 30 วัน ใน 6 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพฯ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร รวมถึงการขายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ให้เปิดเฉพาะนำกลับไปทานที่อื่นโดยให้เริ่มตั้งแต่ 28 มิ.ย.64 ตามมาด้วยการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบต่อลูกจ้างและนายจ้างทั้งในและนอกระบบประกันสังคมรวม7,500 ล้านบาท คาดผลกระทบมูลค่าธุรกิจก่อสร้างและยอดขายร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นเวลา 1 เดือน เสียหายไม่ต่ำกว่า 40,000ล้านบาท หรือ 0.25% ของจีดีพี โดยมาตรการเยียวยาของภาครัฐมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบในระดับหนึ่งเท่านั้น
- กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ 8 เดือนของปีงบประมาณ 64 (ต.ค.63-พ.ค.64) ยังเก็บต่ำกว่าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง โดยจัดเก็บที่ 1.44 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 98,672 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.1% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 58,035 ล้านบาท หรือ 3.9% โดยพบว่ายอดจัดเก็บรายได้ติดลบลงทุกรายการโดยเฉพาะจาก 3 กรมภาษี กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เก็บรายได้รวมกัน 1.5 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน11,711 ล้านบาท และต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 181,712 ล้านบาท
ที่มา: CNBC, Reuters