ทองขึ้น - กังวลไวรัส ขณะที่ตลาดจับตาข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯคืนนี้
· ราคาทองคำปรับขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ขณะที่นักลงทุนยังคงรอคอยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ซึ่งอาจมีผลต่อกรอบเวลาในการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟด
· ราคาทองคำตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น 0.1% ที่ระดับ 1,778.26 เหรียญ แต่ภาพรวมรายสัปดาห์ปรับลดลง 0.1%
· สัญญาซื้อขายทองคำปรับเพิ่มขึ้น 0.1% ที่ระดับ 1,778.50 เหรียญ
· นักกลยุทธ์ของ DailyFX กล่าวว่า การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ช่วยหนุนราคาทองคำ เนื่องจากส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่โดยภาพรวมในระยะกลาง ทองคำยังอยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับลด QE
· ผลสำรวจของ Reuters ระบุว่า ตลาดยังคงจับตาข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯในเดือนมิ.ย. ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 690,000 ตำแหน่ง
· นักกลยุทธ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรอยู่ที่ 1 ล้านตำแหน่ง หรือมากกว่านั้น จะส่งผลให้เฟดคุมเข้มนโยบายและมีแผนที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย
· การจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐฯ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานในสัปดาห์นี้ แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการกลับมาเปิดทำการของเศรษฐกิจอีกครั้ง
· ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางแข็งค่าในรอบเกือบ 3 เดือน
· สมาชิกเฟดหลายคนกล่าวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เฟดเริ่มมีการหารือเกี่ยวกับการลดวงเงิน QE ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจจะทำให้ทองคำมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในทิศทางขาลง ขณะที่ความกังวลเงินเฟ้อจะช่วยหนุนราคาทองคำได้ในระยะสั้น
· คาดการณ์ทองคำกับโอกาส $1800 หากจ้างงานสหรัฐฯออกมาน่าผิดหวัง
นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น หากว่าข้อมูลจ้างงานของรัฐบาลสหรัฐฯออกมาชะลอตัว แต่ภาพรวมทองคำก็ยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย DMA ราย 100 วัน
ทองยังอยู่ต่ำกว่า 1,780 เหรียญ เหตุรอสัญญาณซื้อขายครั้งใหม่ของตลาด จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถูกคาดว่าจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 690,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ขณะที่อัตราว่างงานมีแนวโน้มจะปรับลง 5.7%
หากข้อจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯในคืนนี้ออกมา "ดีขึ้นเกินคาด" อาจหนุนกระแสเฟดคุมเข้มทางการเงินได้ต่อ และจะกลายมาเป็น "ผลลบ" ต่อราคาทองคำ
แม้ทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่า 1,800 เหรียญ และนักลงทุนกำลังรอดูทิศทางครั้งใหม่ของทองคำ ซึ่งอาจเห็นทองคำมีโอกาได้ทั้งขาขึ้น และอาจปรับตัวลงกลับมาบริเวณแนวรับ 1,751 เหรียญได้ โดยสัปดาห์นี้ทำต่ำสุดที่ 1,761 เหรียญ และการปรับลงมายังจุดที่คาดการณ์อาจเป็นจุดที่เทรดเดอร์ฝั่ง Long กำลังรอโอกาสอยู่ได้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯหากออกมาน่าผิดหวัง ก็อาจส่งผลให้เฟด "ชะลอ" การลด QE หรือ การคุมเข้มทางการเงินที่คาดไว้" และนี่จะกลายเป็น "ปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ"
อย่างไรก็ดี หากทองคำสามารถผ่าน 1,790 เหรียญ ที่เป็นระดับ DMA ราย 100 วันไปได้ ก็มีโอกาสเห็นทศทางขาขึ้นที่ชัดเจน
นอกจากนี้ หากภาพรวมทองคำสามารถปิดรายวันเหนือ ระดับดังกล่าวก็อาจช่วยลดภาวะตลาดขาลงในระยะสั้นๆ และเปิดกว้างให้ทองคำมีแนวโน้มจะกลับ "ทดสอบ 1,800 เหรียญ" ได้ และอาจมีเป้าหมายขาขึ้นต่อไปบริเวณ DMA ราย 21 วัน ที่ 1,818 เหรียญ
· ซิลเวอร์ ปรับขึ้น 0.2% ที่ระดับ 26.05 เหรียญ
· แพลตตินั่ม ปรับขึ้น 0.3% ที่ระดับ 1,085.64 เหรียญ
· พลาเดียม ยังคงทรงตัวที่ 2,762.75 เหรียญ และปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง
· จ้างงานสหรัฐฯ มิ.ย. มีแนวโน้มปรับขึ้นเร็วในเดือนมิ.ย. เหตุปัจจัยหนุนจากความต้องการแรงงานของบริษัทต่างๆ
การเติบโตทางภาคแรงงานในสหรัฐฯ อาจกลายมาช่วยสนับสนุนความเจริญเติบโตใน "อุปสงค์" ด้านการผลิตและบริการในประเทศ ท่ามกลางการปรับขึ้นของค่าแรงที่จะดึงดูดคนว่างงานในสหรัฐฯให้กลับมามีงานทำในตลาดแรงงาน
ขณะเดียวกัน รองผู้อำนวยการฝ่ายนักเศรษฐศาสตร์ประจำ Aberdeen Standard Investment มองว่า มีโอกาสเห็นการเติบโตของดัชนีราคาด้านค่าแรงปรับขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะเพียงพอที่จะ "ท้าทาย" ให้เงินเฟ้อปรับขึ้นได้ในเดือนหน้า แต่สิ่งที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจคือ เฟดอาจมีการประกาศลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ได้ หลังจากที่ประชุมเฟดเดือนมิ.ย. มีการเปิดกว้างต่อการหารือเพื่อยุติมาตรการซื้อพันธบัตร
· ผู้ผลิตของเล่นในสหรัฐฯกำลังลดการพึ่งพาโรงงานจีน และย้ายสายการผลิตไปยังเวียดนาม มาเลเซีย และประเทศอื่น ๆ ที่มีต้นทุนต่ำกว่าหรือแม้แต่ญี่ปุ่น
· "ลาการ์ด" ประธานอีซีบี ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนยังฟื้นตัวได้อย่างเปราะบาง
นางคริสติน ลาการ์ด ประธานอีซีบี มองว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยูโรโซนเริ่มเกิด "การรีบาวน์" มากขึ้น หลังจากที่ปรับลงในช่วงก่อนห้า แต่การฟื้นตัวยังเป็นไปอย่าง "เปราะบาง"
ดังนั้น อีซีบี จึงเห็นพ้องที่จะคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉินไว้อย่างน้อยจนถึงเดือนมี.ค. ปี 2022 และจนกว่าจะเกิดกรณีใดๆที่ส่งผลให้เราพิจารณาเห็นว่า สถานการณ์วิกฤต Covid-19 นั้นจบลงแล้ว
· ทางอียูประกาศใช้ใบรับรองเกี่ยวกับโรคโควิด-19 แบบดิจิทัล (DCC) อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ เพื่อให้สามารถตรวจสอบและอนุมัติการเดินทางเข้า-ออกของพลเมืองและผู้อยู่อาศัยในอียูได้ โดยมีเพียงบางประเทศใน EEA ที่ยังคงรอดำเนินการตามขั้นตอน
· จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในสเปนตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค. จากการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown
· นายกรัฐมนตรีฮังการี เผยแผน "จำกัดการส่งออก" ในกลุ่มวัตถุดิบก่อสร้าง ตั้งแต่ต.ค. เพื่อช่วยจำกัดเงินเฟ้อในกลุ่มดังกล่าว
· มุมมองนักวิเคราะห์ กับ "ธนาคารกลางต่างๆในแถบละติน" เริ่มมีท่าที "คุมเข้มทางการเงินมากขึ้น" จากปัญหาเงินเฟ้อในภูมิภาค ส่งผลเป็นลูกโซ่ ขณะที่ล่าสุดเฟดก็ถูกตลาดคาดหวังมากขึ้นว่าจะปรับมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน
อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวดังกล่าวมาจากการที่สภาวะเงินเฟ้อเคลื่อนไหวในแดนอันตราย (Red Alert) จึงส่งผลให้สมาชิกของธนาคารกลางหลายๆแห่งในภูมิภาค อาทิ บราซิล เริ่มชะลอและกังวลเรื่อง "Hyperinflation" เช่นเดียวกับประเทศอาร์เจนตินาร์ ที่กำลังต่อสู้กับการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวของข้อมูลเงินเฟ้อรายปีในประเทศ
· ผู้ผลิตยาอินเดีย Zydus Cadila ยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาแบบไร้เข็ม-ฉีด 3 โดสต่อหน่วยงานกำกับดูแลยาของอินเดียเป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว โดยวัคซีนดังกล่าวทางบริษัทเป็นผู้ผลิตขึ้นเอง
· ผลสำรวจจากสำนักข่าว Reuters แสดงให้เห็นว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 13.0% ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาระลอกใหม่ และการฉีดวัคซีนอย่างช้าๆ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
· สก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า ออสเตรเลียจะลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศลงครึ่งนึง เนื่องจากระบบการกักตัวในโรงแรมไม่เพียงพอ ภายใต้แรงกดดันจากการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าที่แพร่กระจายเชื้อได้สูง
· การระบาดรอบใหม่ของ Covid-19 ควบคู่กับการชะลอการฉีดวัคซีน ในออสเตรเลียกำลังส่งผลกระทบกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรหลัง Covid-19 จบ
· อิสราเอลโจมตีกองกำลังฮามาสบริเวณเขตฉนวนกาซา ตอบโต้การใช้ด้วยระเบิดบอลลูน
รายงานล่าสุดจาก Reuters เผยว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดของอิสราเอล มีการทิ้งระเบิดบริเวฐานที่มั่นของกลุ่มฮามาส เพื่อตอบโต้การใช้ระเบิดบอลลูนที่มาจากฝั่งปาเลสไตรน์
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานว่าพบการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุโจมตีดังกล่าว หลังจากที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายได้ยุติการปะทะกันที่มีมาอย่างยาวนาน 11 วัน ขณะที่การปล่อยระเบิดบอลลูน ดูจะจุดประกายการโต้กลับจากทางอิสราเอล