• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 กรกฎาคม 2564

    5 กรกฎาคม 2564 | Gold News


“ทองขึ้น” รับข้อมูลตลาดแรงงานที่ยังพลาดเป้าอาจลดโอกาสเฟดเร่งหารือคุมเข้มการเงิน

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากต่ำสุดรอบ 2 เดือนที่ทำไว้ในช่วงต้นสัปดาห์ โดยทองคำได้รับแรงหนุนจาก
- ดอลลาร์อ่อนค่าจากระดับสูงสุดรอบ 3 เดือนบริเวณ 92.759 จุด ลงมาปิด -0.2
% ที่ระดับ 92.421 จุด

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลงแตะ 1.4407%
- กระแสเฟดอาจไม่เร่งหารือลด
 QE แม้ว่าภาพรวมข้อมูล Non-Farm Payrolls จะออกมาแกร่งกว่าคาด แต่อัตราว่างงานยังแย่กว่าเดิม

- นักลงทุนให้ความสำคัญกับ Delta Covid-19 ที่กำลังกดดันให้หลายๆประเทศในแถบเอเชียและยุโรปต้องระงับหรือชะลอแผนการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจ

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.4ที่ 1,784.21 เหรียญ โดยระหว่างการซื้อขายปรับขึ้นทำสูงสุดตั้งแต่ 18 มิ.ย. บริเวณ 1,794.86 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิด +0.4ที่ 1,783.30 เหรียญ

 

·         SPDR GOLD HOLDINGS:

กองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำการเทขายทองคำออก 0.58 ตัน โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,042.58 ตัน


ส่งผลให้เดือนก.ค.กลับมาเป็นสถานะขายสุทธิที่ 3.20 ตัน

ขณะที่ตั้งแต่ม.ค. ถึง ปัจจุบัน SPDR มีสถานะขายสุทธิ 128.16 ตัน

 

·         การจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนมิ.ย. จากแรงหนุนของภาคบริษัทต่างๆ

·         ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดืนมิ.ย. บริเวณ 850,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว จากที่คาดว่าจะออกมา 706,000 ตำแหน่ง ขณะที่ข้อมูลจ้างงานเดือนพ.ค. ถูกปรับทบทวนเพิ่มมาที่ 583,000 ตำแหน่ง

ขณะที่ข้อมูลอัตราว่างงานสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาดแตะ 5.9% จากที่คาดหวังจะออกมาลดลงแตะ 5.6%


·         ภาพรวมจ้างงานแกร่ง แต่ตลาดให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆต่อในสัปดาห์นี้ รวมถึง “เฟด”

รายงานจาก Reuters ระบุว่า แม้จะเห็นข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯแกร่งกว่าคาด แต่นักลงทุนก็ยังให้ความสำคัญกับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆควบคู่ไปด้วย รวมทั้งทิศทางที่เฟดจะดำเนินต่อไป แต่ภาพรวมตลาดส่วนใหญ่ค่อนข้างตอบรับกับหลักฐานบ่งชี้การซื้นตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน

ข้อมูลจ้างงานล่าสุด สะท้อนว่า บริษัทต่างๆมีการจ้างงานมากสุดในรอบ 10 เดือน ในเดือนมิ.ย. ประกอบกับตลาดแรงงานมีการปรับขึ้นค่าแรงจึงดึงดูดคนว่างงานให้กลับมางานทำ จึงเป็นสัญญาณเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนแรงงานในตลาดที่ดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายแรงกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

·         “นางแมรี ดาร์ลี” ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ชี้ว่า “การจ้างงานกำลังก้าวกลับไปสู่รดับก่อนการระบาดของไวรัสโคโรนา” และคาดอาจเห็นกลับมาจ้างงาเพิ่มขึ้นได้เต็มที่เท่าช่วงก่อนการระบาดประมาณปีหน้า

อย่างไรก็ดี การพิจารณาหารือเรื่องลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจควรเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้


·         CNBC เผย บรรดาผู้เกษียณอายุในสหรัฐฯส่วนใหญ่ กำลังรู้สึกไม่มั่นคงและมอง “เงินเฟ้อคือภัยเงียบ”


ดัชนีราคาผู้บริโภคส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นมาตรวัดราคาอาหาร ที่อยู่อาศัย แก๊สโซลีน สาธารณูปโภค และสินค้าอื่นๆ มีการปรับขึ้นไปประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยราคาอาหารทะยานกว่า 2.2% ในระยะเวลา 1 ปี ขณะที่แก๊สโซลีนปรับขึ้นราว 56.2% ฟื้นตัวได้จากที่ดิ่งลงช่วงการระบาดของไวรัส


อย่างไรก็ดี บรรดาสมาชิกเฟดยังมองว่าเรื่องการขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเพียงภาวะชั่วคราว ขณะที่กลุ่มคนเกษียณอายุส่วนใหญ่รู้สึกเป็นกังวลต่อการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมากกว่า

 

·         หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก Blue Line Futures กล่าวว่า ข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯล่าสุดดูจะไม่ส่งผลกระทบเร่งให้เฟดมีการถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเริ่มต้นปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้  ขณะที่ข้อมูลล่าสุดก็ต้องยอมรับว่าออกมาดีขึ้นเกินกว่าที่หลายๆฝ่ายคาดหวังไว้ แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีก็ยังอ่อนตัวลง เช่นเดียวกับดอลลาร์ ทั้งหมดนี้จึงยังเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำอยู่

 

·         หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities  กล่าวว่ ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ Delta และอัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯที่ชะลอตัวลง ดูจะส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า “เฟดอาจต้องระมัดระวังต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย” ประเด็นนี้จึงน่าจะสนับสนุนทองคำต่อไปในระยะยาวได้

ขณะที่ภาพระยะสั้นๆ ทองคำยังคงเผชิญกับแนวต้านสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 1,790 เหรียญ และมีแนวโน้มจะแกว่งตัวแถวระดับดังกล่าว จนกว่าจะเห็นข้อมูลเศรษฐกิจบางตัวอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์

 

·         ซิลเวอร์ปิด +1.4ที่ 26.39 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด +0.5% ที่ 1,087.41 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด +0.6% ที่ 2,779.85 เหรียญ

 

·         4 ก.ค. กำหนดเส้นตายการจัดการ Covid-19 ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของนายไบเดน และการให้คำมั่นว่าจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับชาวอเมริกาทุกคน

อย่างไรก็ดี ในวันชาติสหรัฐฯ ก็ดูจะหนุนภาพรวมส่วนใหญ่ในประเทศที่สถานการณ์ Covid-19 ดูจะควบคุมได้ และนายไบเดน ยัคงเดินหน้าจะผลักดันแผนโรงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เกิดการยอมรับร่วมกันระหว่าง 2 พรรคทางการเมือง

 

·         ETF เผยกองทุนใหม่เพื่อผลักดันให้เกิดการเคลื่อนไหวกิจกรรมการลงุทนในตลาด

โดยช่วงต้นเดือนนี้ ETF จะมีการเริ่มต้นโปรโมทวิธีการลงุทนตัวใหมj ที่เรียกว่า Engine No. 1 ที่จะรวมกับ 3 บริษัท ชั้นนำ อย่าง Exxon Mobil เข้าร่วมด้วย ท่ามกลาง Exxon ที่ส่งสัญญาณต้องการลดมลพิษทางอากาศเพื่อเข้าสู่กลยุทธ์พลังงานสะอาด

 

·         กลุ่มผู้ขุดเหมือง Bitcoin ดูจะดำเนินการได้ง่ายขึ้น และอาจได้ผลกำไรเพิ่มขึ้นจาก Algorithm ที่ถูกปรับปรุงหลังจากจีนเร่งปราบปรามในประเทศ

 

·         บรรดาผู้เชี่ยวชาญ ชี้ เศรษฐกิจฝรั่งเศสจะยังเดินหน้าขยายตัวได้ แม้จะเผชิญกับปัญหาการระบาดจาก Delta Covid-19 ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

·         สมาชิกอีซีบี กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในยูโรโซน” อาจไม่ใช่สภาวะชั่วคราว

 

·         ตลาดให้ความสำคัญกับ QE ท่ามกลางธนาคารกลางอิสราเอลที่ถูกคาดว่าจะยังคงนโยบายในการประชุมสัปดาห์นี้และจะเป็นสัปดาห์ที่ 10 ที่ยังคงแนวทางดังกล่าว แต่จะเห็นสัญญาณมากขึ้นเกี่ยวกับการหารือเรื่องการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ


·         CORONAVIRUS UPDATES:

ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกทะลุ 184 ล้านราย ล่าสุดมียอดรวมสะสมที่ 184.54 ราย ขณะที่ยอดเสียชีวิตสะสมทั่วโลกแม้จะมีอัตราชะลอตัวลงแต่ก็ใกล้ทะลุ 4 ล้านราย ล่าสุดสะสมรวม 3.99 ล้านราย

 

·         สถานการณ์ในไทย

2 ก.ค. รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่ม 6,087 ราย ขณะที่เสียชีวิตเพิ่ม 61 ราย
3 ก.ค. รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่ม 6,230 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 41 ราย
4 ก.ค. รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่ม 5
,916 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 44 ราย


รวม 3 วันทำการ มียอดติดเชื้อใหม่มากขึ้นถึง 18,233 ราย เสียชีวิต 3 วันมากถึง 146 ราย

 

ล่าสุด 5 ก.ค. (วันนี้) ไทยยังวิกฤตติดโควิดเพิ่มอีก 6,166 ราย สะสม 289,233 ราย ตายเพิ่ม 50 รวม 2,276 ราย

 

·         นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 31.90-32.50 บาท/ดอลลาร์ฯ สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- สถานการณ์โควิดในประเทศ

- การฉีดวัคซีนทั้งในและต่างประเทศ

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ประกอบด้วย

- ดัชนี PMI/ ISM ภาคบริการเดือนมิ.ย.

- ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน

- อัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนพ.ค.

- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

- รายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.

 

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงความกังวลต่ออนาคตเศรษฐกิจไทยยุคหลังวิกฤตโควิด-19 ว่า มาตรการทางการเงินและมาตรการต่าง ๆ เป็นแค่การซื้อเวลาเหมือนกับการพยุงอาการคนไข้เพื่อรอวันที่คนไข้จะฟื้นตัวกลับมาเอง ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐกิจจะฟื้นหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมาตรการทางการเงินหรือการคลัง แต่คนต้องมีรายได้ ต้องมีงานทำ

- ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข้อความผ่าน Facebook ว่า "ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงประเทศล้มละลายเนื่องจากผิดนัดชำระหนี้" ว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จ และยังเป็นการบิดเบือนรายงานของธนาคาร Standard Chartered ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อประเด็นดังกล่าว

- นายแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญในด้านระบาดวิทยาที่ปรึกษาด้านวิชาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนจากนี้ (ก.ค.-ก.ย.) ประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะมีการเปิดประเทศ หรือการระบาดของโรคจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถเปิดประเทศได้ โดยขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสายพันธุ์เดลตาซึ่งมีความรุนแรงและแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิมที่เคยระบาดในไทยกว่า 1.4 เท่า ซึ่งจากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นตรงกันว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้า แนวโน้มผู้ติดเชื้อจะมีมากขึ้น

- นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และติดตามรายงานการป่วยและศักยภาพการรักษาอย่างใกล้ชิดซึ่งพบว่ามีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในบางวันมีตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการคัดกรองเชิงรุกในแต่ละคลัสเตอร์ และในแต่ละพื้นที่เสี่ยงเพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อเข้าออกจากกลุ่มก้อนและชุมชนให้เร็วและมากที่สุด

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์

- สวนดุสิตโพล เผย คนไทยส่วนใหญ่ 91.95% มองโควิดทำลายเศรษฐกิจ คนตกงาน 66.05% รัฐบาลดำเนินการไม่ถูกทาง แนะควรเร่งจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ ให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม 87.25% อยากให้กรมควบคุมโรคเข้ามาเป็นผู้นำในการบริหารจัดการและอยากให้นักการเมืองทุ่มเทกับงาน คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวโพสต์ทูเดย์

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ข้อมูลเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนล่าสุดในไตรมาส 1/64 สะท้อนสถานการณ์หนี้สินของประชาชนที่ยังคงมีอัตราการเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวม โดยยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทยในไตรมาส 1/64 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14.13 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90.5% ต่อจีดีพี ทำระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

- ยอดส่งออกพ.ค. 64 ขยายตัวสูงในรอบกว่าทศวรรษ โดยมีมูลค่าสูง 2.3 หมื่นล้านเหรียญ โดยขยายตัว 41.6% สะท้อนกิจกรรมการค้าและอุปสงค์โลกในปีนี้ที่เริ่มมีทิศทางฟื้นตัว

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาิตธุรกิจ

- รพ.รามาธิบดี เปิดจองวัคซีนโมเดอร์นาเข็มละ 1,500 บาท เริ่มวันนี้ !



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com