• เฟดอาจสร้าง Surprise ตลาดในสัปดาห์ช่วงวันหยุดสัปดาห์นี้!

    5 กรกฎาคม 2564 | SET News
 
 

เฟดอาจสร้าง Surprise ตลาดในสัปดาห์ช่วงวันหยุดสัปดาห์นี้!

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะค่อนข้างเคลื่อนไหวอย่างเงียบเหงา แต่อาจจะเห็นนักลงทุนตื่นตัวมากขึ้นหากเฟดมีการเปิดเผยมุมมองหรือสิ่งที่กำลังคิดในเรื่อง “โครงการเข้าซื้อพันธบัตรบัตร”


การซื้อขายในช่วง 4 วันของตลาดในสัปดาห์นี้อาจเห็น “หุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลง” หลังจากที่ทำ New Highs มาตลอดในสัปดาห์ที่ผ่านมา


นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาอย่างใกล้ชิดไปยังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่ทรงตัวต่ำกว่า 1.5% ที่ดูจะเป็น “ปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี” ที่ค่อนข้างมีทิศทางตลาดที่สดใสที่สุดในสัปดาห์นี้ โดยมีการปรับขึ้นไป 3.2%

รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่นัก โดยตัวสำคัญจะเกิดขึ้นในวันอังคารคือ ISM Services ขณะที่วันพุธ จะมีการเปิดเผยรายงานประชุมเฟดเดือนมิ.ย. ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะรอข้อมูลว่าเฟดจะมีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมในเรื่องการปรับลดโครงการเข้าซื้อพันธบัตร


การประกาศข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่าดีขึ้นเกินคาดแตะ 850,000 ตำแหน่ง แต่อัตราว่างงานกลับพลาดเป้า ออกมาสูงกว่าคาดที่ 5.9%


ดังนั้น รายงานจ้างงานล่าสุดจึงดูจะ “ไม่แกร่งพอ” ที่จะหนุนให้เฟดถอนนโยบายผ่อนคลายเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แม้ว่าข้อมูลจะเป็นไปในเชิงบวกก็ตาม


นักวิเคราะห์บางรายมองโอกาสที่จะเห็น รายงานประชุมเฟดเดือนมิ.ย. ออกมา “SURPRISE” ตลาดต่อ เหมือนรายงานในเดือนเม.ย. แม้ว่านายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด จะยังไม่หารือเรื่องการปรับลด QE แต่ช่วงนั้น นายโพเวลล์ ค่อนข้างเป็นไปในเชิงผ่อนคลายทางการเงินอย่างมาก แต่รายงานประชุมเดือนเม.ย. ก็สะท้อนให้เห็นว่า สมาชิกเฟดหลายคนเริ่มที่จะหารือเรื่องการลด QE ในการประชุมครั้งต่อไปหากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวที่สงผลให้เกิดความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว


สำหรับการประชุมในเดือนมิ.ย. จะเห็นได้ว่าเฟดมีการเริ่มหารือเกี่ยวกับการลดการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือ QE เร็วกว่าคาด พร้อมกับมีการปรับคาดการณ์ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ รวมทั้งโอกาสเห็นการขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 2 ครั้งในปี 2023


ตลาดการเงินค่อนข้าง “อ่อนไหว” อย่างมากเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการเข้าซื้อพันธบัตรของเฟด นับตั้งแต่ที่เฟดยุติการเปิดโอกาสสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ย และหันมาใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ดูจะหนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ตอนนั้น เนื่องจากเป็นทางเลือกที่เฟดใช้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส Covid-19


ทั้งนี้ การปรับลดวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์วงเงิน 1.2 แสนล้านเหรียญอาจเป็นเรื่องแรกที่เฟดดำเนินการในการปรับนโยบายสู่สภาวะปกติ



ณ เวลานี้ จะค่อนข้างเห็นตลาดพันธบัตรเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวก และเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้น รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลดลงจากสูงสุดของปีนี้บริเวณ 1.75 และนี่จึงเป็นปัจจัยที่หนุนหุ้นกลุ่ม “เทคโนโลยี” และ “กลุ่มเติบโต (Growth-Stocks) จากที่เคยเป็นปัจจัยกดดัน



แต่จะเห็นได้ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีการผันผวนเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1.6โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีในคืนวันศุกร์ปิดแถว 1.43% และการที่ระดับอัตราผลตอบแทนดังกล่าวต่ำ ก็ดูจะช่วยหนุนหุ้นเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี แต่โอกาสเห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้นอย่างช้าๆยังมีอยู่ อันเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯถูกคาดว่าจะขยายตัวได้ 10ในไตรมาสที่ 2/2021  แต่ทั้งปีคาดว่าจะโตได้สูงกว่า 7%


ช่วงการเปลี่ยนผ่านของหุ้นเทคโนโลยี (Tech Transition)

หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการลงทุนจาก Citi Private Bank แนะว่า เวลานี้นักลงทุนควรเริ่มต้นมาทำการถือครองหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโต จากที่เคยซื้อขายในหุ้นกลุ่มวัฎจักร

 

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้ของสหรัฐอเมริกา

5 ก.ค. – วันหยุดสหรัฐฯ เนื่องในวันชาติ (Independence Day)

ก.ค.
20.45น. ดัชนี PMI ภาคบริการของรัฐบาลสหรัฐฯ
21.00น. 
ISM เผยดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐฯ

7 ก.ค.

21.00น. ข้อมูลการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ (JOLTS Job Openings)
01.00น. รายงานประชุมเฟด
02.30น. ถ้อยแถลงของ นายราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า

8 ก.ค.

19.30น. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
02.00น. ข้อมูลสินเชื่อผู้บริโภค

9 ก.ค.

21.00น. ข้อมูลค้าส่ง


 

ที่มา: CNBC

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com