ทองขึ้น หลังกระแสคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ยลดลง - ตลาดจับตารายงานประชุมเฟดเดือนมิ.ย.
· ราคาทองคำทรงตัวอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่อาจจะเร็วกว่าที่คาดได้ผ่อนคลายลง หลังจากที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯออกมาอย่างผสมผสาน ขณะที่ตลาดให้ความสนใจไปยังรายงานการประชุมเฟดประจำเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
· ราคาทองคำตลาดโลก +0.1% ที่ระดับ 1,788.60 เหรียญ หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.ที่บริเวณ 1,794.86 เหรียญเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
· สัญญาทองคำ +0.3% ที่ระดับ 1,788.50 เหรียญ
· สำหรับวันนี้ตลาดสหรัฐฯจะปิดการเนื่องในวัน Independence Day
· หุ้นส่วนผู้จัดการประจำ SPI Asset Management กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯของสัปดาห์ที่แล้วมีสัญญาณที่หลากหลายและข้อมูลไม่แข็งแรงพอที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายของเฟดได้
· อย่างไรก็ดี การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯค่อนข้างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งเช่นกัน แต่การที่ตลาดยังสนใจกับการที่เฟดเปลี่ยนท่าทีมาคุมเข้มทางการเงิน จึงเป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับขึ้นของราคาทองคำ
· ข้อมูลเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่า บริษัทต่างๆมีการจ้างงานในเดือนมิ.ย.มากสุดในรอบ 10 เดือน ประกอบกับตลาดแรงงานมีการปรับขึ้นค่าแรงจึงดึงดูดคนว่างงานให้กลับมางานทำ จึงเป็นสัญญาณเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนแรงงานในตลาดที่ดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายแรงกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ
· ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของตลาดแรงงานในสหรัฐฯ กำลังทำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับข้อมูลทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟด เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่คงมีอยู่
· รายงานการประชุมเฟดเดือนมิ.ย.ที่จะเผยแพร่ในวันพุธนี้ อาจทำให้ถ้อยแถลงของบรรดาสมาชิกเฟดเกี่ยวกับเงินเฟ้อและนโยบายการเงินมีความกระจ่างมากขึ้น
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Reuters กล่าวว่า ราคาทองคำอาจ Break ระดับแนวต้านที่บริเวณ 1,789 เหรียญ และอาจจะปรับตัวสูงขึ้นไปที่ระดับ 1,813 เหรียญได้
· TD Securities แนะ ราคาทองฟื้นตัวอย่างมากหลังที่ปรับลงไปไม่นานนี้ และปิดเดือนที่แย่สุดรอบกว่า 4 ปี
หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities ระบุว่า การที่เฟดมีท่าทีคุมเข้มทางการเงินดูจะส่งผลเชิงลบต่อความเชื่อมั่นทองคำขาขึ้นมากขึ้นตลอดเดือนเม.ย. - พ.ค. และทำลายภาพการฟื้นตัวของทองคำที่รีบาวน์มากว่า 200 เหรียญ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค. ที่ทำ Lowแถว 1,900 เหรียญ ขณะที่ตลาดยังมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดโอกาสเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้มากถึง 2 ครั้ง เร็วสุดในปี 2013
จากการประชุมเฟดเดือนมิ.ย. ครั้งนั้นที่มีการเปิดเผยคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ ก็ได้กดดันทองคำกลับลงทดสอบ 1,770 เหรียญ และยังส่งผลไปยังตลาดซิลเวอร์, แพลทินัม และพลาเดียมด้วย
แต่นักลงทุนในตลาดทองคำเวลานี้ก็ไม่ควรจะ “ยอมแพ้” ต่อราคาที่อ่อนตัวลงมา เนื่องจาก เฟดต้องการที่จะเห็นจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้น ทองคำจึงมีโอกาสปรับขึ้นต่อจากที่ปรับลงไปในช่วงก่อนหน้า
· หลังจากที่ทองปิดเดือนมิ.ย. แย่สุดตั้งแต่ปี 2013 ทองคำพร้อมรีบาวน์แล้วหรือยัง?
ภาพรวมดูเหมือนทองคำจะพยายามรีบาวน์ หลังจากที่ทรุดตัวแรงในเดือนมิ.ย.กว่า -7% ซึ่งทองคำจะปรับขึ้นได้แถว 1,800 เหรียญหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ “ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ” โดย Kitco แนะจับตา 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. การเพิ่มขึ้นต่อไปของเงินเฟ้อในอีก 5 ปีข้างหน้า
ปัจจัยนี้อาจกดดันต่อตลาดหุ้น, ราคาทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
2. จะเกิดภาวะถดถอยต่อไปหรือไม่?
นาย El-Erian แสดงความกังวลว่า ภาวะถดถอยอาจเกิดขึ้นจากสภาวะเงินเฟ้อที่อาจส่งผลต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟด
3. ทองคำย่ำแย่มากสุดตั้งแต่ปี 2013 ในเดือนมิ.ย.
· FXStreet คาดการณ์ราคาทองคำกับโอกาส "ทดสอบ 1,800 เหรียญ"
มุมมองจากนาย Dhwani Mehta นักวิเคราะห์ของ FXStreet ราคาทองคำอ่อนตัวลงเล็กน้อยหลังจากที่เพิ่งฟื้นตัวขึ้น ท่ามกลางตลาดที่สนใจกับ "รายงานประชุมเฟด" จึงแนะนำว่าทองคำมีโอกาสขึ้นต่อหากสามารถยืนได้เหนือ 1,795 - 1,797 เหรียญ
นักลงทุนประเมินท่าที "เฟดคุมเข้มทางการเงิน"
- ทองคำกำลังชะลอตัวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย DMA-100 วัน บริเวณ 1,790 เหรียญ
- ดอลลาร์รีบาวน์
- นักลงทุนกำลังประเมินโอกาสการคุมเข้มของเฟดจากรายงานประชุมมิ.ย. ในสัปดาห์นี้
- ภาพหลักการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ กระทบกับ "ความเชื่อมั่น" ตลาดทองคำ
- เทรดเดอร์ทองคำรอคอยข้อมูลจากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ที่จะเปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการสหรัฐฯ ที่น่าจะสร้างโอกาสการเคลื่อนไหวของทองคำระยะสั้นๆได้
- ทองคำทรงตัวต่ำกว่าเส้น Horizontal Trendline ที่แนวต้าน 1,795 เหรียญ
- หากทองคำฝ่า 1,795 เหรียญไปได้ ก็จะค่อยๆขึ้นหาเส้น SMA ราย 100 วัน บริเวณ 1,798 เหรียญ
- ทองคำจำเป็นต้อง Break เหนือแนวต้านสำคัญให้ได้ จึงจะมีโอกาสขึ้นไปท้าทายระดับ 1,800 เหรียญ
- กรณีทองคำยืนเหนือ 1,800 เหรียญ ก็อาจเห็นแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,812 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดเมื่อ 17 มิ.ย.
กรณีขาลง
- สำหรับแนวรับของทองคำอยู่บริเวณเส้น SMA ราย 21 และ 50 ที่ 1,776 เหรียญ
- หากทองคำปรับลงมาต่ำกว่า จะมีแเป้าหมายถัดไป 1,770 เหรียญ และอาจทำให้ทองคำกลับทดสอบแนวโน้มขาลงมาทดสอบต่ำสุดรอบ 2 เดือนที่ 1,751 เหรียญ ที่ทำไว้ในสัปดาห์ที่แล้วได้
· FXStreet วิเคราะห์ทอง "ทรงตัว 1,790 เหรียญ" ท่ามกลางความกังวลที่ผสมผสานกัน และสหรัฐฯ ปิดทำการวันนี้
ราคาทองคำในวันนี้ ค่อนข้างทรงตัว แม้จะปรับขึ้นได้เล็กน้อย โดยยังเคลื่อนไหวแถว 1,787 เหรียญในตลาดยุโรป
ความหวังเรื่อง "การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤตไวรัส" และ "การแข็งค่าของดอลลาร์" 2 ตัวนี้ เป็นปัจจัยที่กดดันให้เกิดแรงเทขายในทองคำ และอาจเป็นตัวจุดประกายความหวังของกลุ่มผู้ซื้อทองคำด้วยเช่นกัน โดยที่สหรัฐฯปิดทำการวันนี้เนื่องในวันเฉลิมฉลองวันชาติ
รายงานจาก Bloomberg ที่ยังบ่งชี้ว่าธนาคารกลางอาจยังเพิ่มความต้องการสินทรัพย์หรือเข้าซื้อทองคำ หลังคงที่มาในปีที่แล้ว ก็ดูจะเป็น "ปัจจัยบวก" ต่อราคาทองคำเวลานี้ด้วย
วิเคราะห์ทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำสามารฟื้นตัวได้จากต่ำสุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเม.ย. จึงมีโอกาสห็นทองคำเคลื่อนไหว 1,790 เหรียญ ก่อนกลับไปหาเส้น Horizontal ช่วง 6 สัปดาห์บริเวณ 1,798 - 1,799 เหรียญ
ดังนั้น หากทองคำสามารถผ่าน 1,800 เหรียญไปได้ ก็มีโอกาสไปหา 1,808 เหรียญ
สำหรับสัญญาณจาก MACD สะท้อนความหวัง "ขาขึ้น" มากขึ้น เมื่อเส้น MACD มีการตัดกับเส้น Signal Line บ่งชี้ว่า ทองคำมีโอกาสขึ้นได้ต่อ
อย่างไรก็ดี หากทองคำล้มเหลวในการฝ่าเหนือแนวต้าน ก็อาจเห็นราคาถูกเทขายกลับลงมาทดสอบแนวรับสำคัญ 1,751 เหรียญได้ รวมทั้งมีโอกาสเห็นทองคำร่วงต่อมาหาจุด Double Bottom บริเวณ 1,676 - 1,678 เหรียญ ที่ ปัจจุบันกลายมาเป็นจุดวัดใจขาลงในตอนนี้
· ราคาซิลเวอร์ +0.3% ที่ระดับ 26.54 เหรียญ
· ราคาพลาเดียม +0.2% ที่ระดับ 2,791.52 เหรียญ
· ราคาแพลตินัม +0.7% ที่ระดับ 1,097.15 เหรียญ
· วันเฉลิมฉลองวันชาติของสหรัฐฯ - ไบเดนเรียกร้องชาวอเมริกาช่วยกันร่วมมือยุติการระบาดของไวรัส Covid-19
· ผลสำรวจจาก Reuters/Ipsos Poll ชี้ กลุ่มผู้สนับสนุน "ไบเดน" ลดลงจากการระบาดของไวรัสในสหรัฐฯที่ผ่านมา
อันเป็นผลจากการบริหารงานของเขา รวมทั้งสิ่งที่ได้ให้คำมั่นไว้กับชาวอเมริกา รวมทั้งประชาชนหลายๆคนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
· Caixin เผยดัชนี PMI ภาคบริการจีน ขยายตัวลดลงแตะต่ำสุดรอบ 14 เดือนในเดือนมิ.ย. ที่ระดับ 50.3 จุด (ต่ำสุดตั้งแต่เม.ย. 2020)
และลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 55.1 จุดโดยได้รับแรงกดดันหลักจากจำนวนยอดติดเชื้อใหม่ทางตอนใต้ของจีนที่เพิ่มสูงขึ้น
· เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเห็นการใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นจากแนวโน้มการช้อปปิ้ง
· กิจกรรมภาคบริการญี่ปุ่นอยู่ในแนวโน้มหดตัวลงต่อเนื่อง 17 เดือนในเดือนมิ.ย. จากวิกฤต Covid-19 กดดันอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ ตอกย้ำเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังชะลอตัว
ทั้งนี้ สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นชะลอตัวลง แม้ว่าจะเห็นความคืบหน้ามากขึ้นจากโครงการฉีดวัคซีน โดยดัชนี Jibun เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ญี่ปุ่นออกมาขยายตัวที่ 48 จุด แม้จะปรับขึ้นจากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ 46.5 จุด แต่ภาพรวมก็ยังอยู่ในแนวโน้มเศรษฐกิจหดตัว
· กรุงโตเกียวเสียงแตกจากยอด Covid-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นก่อนการจัดกีฬาโอลิปิก 23 ก.ค. นี้
ท่ามกลางความกังวลด้านความเสี่ยงของสาธารณสุข ก่อนการจัดกีฬาในอีกช่วง 3 สัปดาห์ โดยการจัดกิจกรรมในวันดังกล่าวจะส่งผลให้มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน 15,000 ราย เจ้าหน้าที่จากบริษัทสปอนเซอร์และบุคคลสำคัญอีกกว่า 50,000 ราย รวมถึงอาสาสมัครอีกกว่า 70,000 ราย
ดังนั้น ผลสำรวจล่าสุดกว่า 60% จึงสะท้อนว่า “ควรยกเลิกการจัดงาน” หรือ “เลื่อนการจัดงานอีกครั้ง” จากความกังวลเรื่องความล่าช้าในการฉีดวัคซีน จากประชากรเพียง 10% ของประเทศที่ฉีดวัคซีนครบ
· ผลสำรวจของ Reuters เผยว่า ยอดส่งออกของไต้หวันในเดือนมิ.ย.มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 20-42% นับเป็นการเพิ่มขึ้น 12 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเนื่องจากผู้คนจำนวนมากทำงานและเรียนจากที่บ้าน
· คณะรัฐมนตรีของไต้หวัน กล่าวว่า กรณีของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาที่คลี่คลายลง ทำให้มีช่องว่างในการผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ
· ข้อมูลกิจกรรมยูโรโซนปรับขึ้นในเดือนมิ.ย. จากการคลาย Lockdown
IHS Markit เผยดัชนี PMI ขั้นสุดท้ายของยูโรโซนพบว่าออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะ 59.5 จุด และยังสูงกว่าระดับเดือนพ.ค. ที่อยู่ที่ 57.1 จุด ดังนั้นข้อมูลล่าสุดจึงเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่มิ.ย. ปี 2006 หรือขยายตัวเร็วสุดรอบ 15 ปี
อย่างไรก็ดี การขยายตัวในเวลานี้ก็ยังเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ, การขาดแคลนแรงงาน และอุปสรรคจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
· รัฐบาลอังกฤษ ระุบว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกำหนดแผนสำหรับขั้นตอนสุดท้ายของการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในวันนี้ ซึ่งรวมถึงคำแนะนำเกี่ยวกับการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมแมส และการทำงานในรูปแบบ Work from home
· การขาดแคลนแรงงานก่อสร้างบ้านในฝรั่งเศส รวมทั้งปัญหาห่วงโซ่อุปทานอาจกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจฝรั่งเศส และบริษัทบางแห่งที่พยายามผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว รวมถึงปัญหาด้านการฉีดวัคซีนล่าช้าด้วย
· ยอดติดเชื้อ Covid-19 พุ่ง ส่งผลต่อการตัดสินใจต่อสถานการณ์ในเมือง New South Wales ของออสเตรเลียในอีก 2 วันข้างหน้า ว่าจะเกิดการ Lockdown เพิ่ม 2 สัปดาห์หรือไม่ จากที่จะครบกำหนดสิ้นสุดมาตรการ 9 ก.ค. นี้ ท่ามกลางสายพันธุ์ Delta ที่กำลังระบาดเพิ่มมากขึ้น
· ผู้ว่าการธนาคารกลางซาอุดิอาระเบีย (SAMA) เผย ยอดนำเข้าเพิ่มหลังจากที่มีการลดการสำรองดอลลาร์
โดยพบว่า การสำรองเงินตราต่างประเทศของ SAMA ปรับลงรายเดือนราย 8 พันล้านเหรียญ สู่ระดับ 4.36 แสนล้านเหรียญในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับการสำรองเงินตราต่างประเทศที่ต่ำที่สุดตั้งแต่พ.ค. ขณะที่เดือนพ.ค. ลดลงต่อมาที่ระดับประมาณ 4.33 แสนล้านเหรียญ
· สำนักข่าว Shana เผย นายไบจาน นามเดอร์ ซานกาเนห์ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าอิหร่านจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้ใน "เวลาอันสั้น" หากสหรัฐฯยกเลิกการคว่ำบาตร
· รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียจะให้บริการการแพทย์รูปแบบโทรเวชกรรมฟรีแก่ผู้ป่วยไวรัสโคโรนาที่มีอาการไม่รุนแรง เพื่อลดแรงกดดันต่อภาคการดูแลสุขภาพที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
· รัฐบาลทหารพม่าสั่งห้ามผู้บริหารระดับสูงด้านโทรคมนาคมเดินทางออกนอกประเทศ
ที่มา: Kitco, CNBC, Reuters