MTS Help Center

ทองคำทรงตัวกรอบแคบ ท่ามกลางนักลงทุนที่จับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ

· ราคาทองคำทรงตัวในกรอบแคบๆท่ามกลางนักลงทุนที่ให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่อาจเป็นตัวแปรหนุนการกำหนดกรอบเวลาดคุมเข้มทางการเงินของเฟดได้

· ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้น 0.1% ที่ 1,808.24 เหรียญ

· สัญญาทองคำปรับขึ้น 0.2% ที่ 1,809.10 เหรียญ

· หลังจากที่ดัชนีผู้บริโภคสหรัฐฯ (CPI) เวลา 19.30น. เป็นสิ่งที่นักลงทุนในตลาดจับตาเพราะมีโอกาสเป็นผลต่อถ้อยแถลงของประธานเฟดก่อนแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรสในวันพุธและวันพฤหัสบดี ในการรับมือกับข้อมูลเงินเฟ้อ

· นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดจาก IG Markets กล่าวว่า ข้อมูล CPI และถ้อยแถลงประธานเฟดกำลังเป็นตัวชี้วัดตลาด และคิดว่าข้อมูลคืนนี้เฟดจะจับตาใกล้ชิดเช่นกันในการปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งหากเร่งยังเคลื่อนไหวทรงตัวหรือรวดเร็วกินไปก็อาจสร้างความผันผวนแก่ตลาดทองได้

· ผู้อำนวยการที่ปรึกษาบริษัท AirGuide คาดทองคำจะสะสมพลังในกรอบ 1,800 - 1,820 เหรียญ จนถึงสัปดาห์หน้า

· ราคาทองคำรอข้อมูล "CPI" สหรัฐฯ และ "โพเวลล์"

ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ตั้งแต่คืนวันศุกร์ และปิดสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ขณะที่สัปดาห์นี้ ตลาดให้ความสนใจกับข้อมูล CPI สหรัฐฯคืนนี้ และถ้อยแถลงของประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนในการเคลื่อนไหวต่อไป

นักวิเคราะห์จาก FXStreet กล่าวว่า ตลาดจะยังให้ความสนใจไปยังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ คืนนี้ ตลอดจนถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนวันพุธและพฤหัสบดีนี้ เพื่อกำหนดทิศทางต่อไปของทองคำ

หากทองคำปรับลงต่ำกว่า 1,800 เหรียญ

- ราคาอาจกลับย่อลงมาทดสอบแนวรับ 1,795 - 1,793 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับแนวรับที่สำคัญ

- กรณีต่ำกว่าแนวรับสำคัญ จะเกิด "แรงขายทางเทคนิค" และกดดันให้ราคาไหลลงมาอย่างรวดเร็วบริเวณแนวรับต่อไป 1,780 - 1,778 เหรียญ

- ถ้าไม่สามารถยืนบริเวณแนวรับถัดไปได้อีกมีโอกาสหลุดต่ำกว่า 1,775 เหรียญ

- แนวรับสำคัญต่อไปคือ 1,762 -1,760 เหรียญหากไม่สามารถยืนได้ก็จะกลับลงมาหาแนวรับ 1,750 เหรียญ

· ซิลเวอร์ปรับขึ้น 0.1% ที่ระดับ 26.20 เหรียญ

· พลาเดียมปรับลง 0.5% ที่ระดับ 2,841.09 เหรียญ

· แพลทินัมทรงตัวที่ระดับ 1,118.51 เหรียญ

· ดร.กวิตา อดีตทีมบริหารของนายโอบามา ระบุถึงความจำเป็นในการกระตุ้นภูมิด้วยการฉีดวัคซีนเพิ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากสายพันธุ์ใหม่ๆที่กำลังเพิ่มมากขึ้น

· องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ออกคำเตือนใหม่เกี่ยวกับการใช้วัคซีน Johnson & Johnsons เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของภูมิต้านทานที่หาได้ยาก

· WHO เตือนการผสมและการใช้วัคซีน Covid-19 ที่แตกต่างกันของบรรดาผู้ผลิต กำลังเป็น "แนวโน้มอันตราย" และเรามีเพียงข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ

และยังมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการ Mix and Match วัคซีน โดยหลายๆประเทศดูจะเริ่มต้นว่าจะตัดสินใจเมื่อไหร่สำหรับการฉีดวัคซีนเข็ม 2, เข็มที่ 3 และเข็มที่ 4 ด้วยวัคซีนที่ต่างบริษัทกัน

· ธนาคารกลางจีน ชี้ การดำเนินนโยบายแบบมหภาคจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขภายในประเทศเป็นสำคัญ

· ญี่ปุ่นออกโรงเตือน "วิกฤตไต้หวัน" จะเป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงด้านการแข่งขันของ "สหรัฐฯ-จีน"

ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางการทหารที่เพิ่มขึ้นบริเวณหมู่เกาะไต้หวัน ควบคู่กับการแข่งขันด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของ "สหรัฐฯ-จีน" ที่อาจเป็น ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงในเอเชียตะวันออก ท่ามกลางการเปลี่ยนสมดุลอำนาจของภูมิภาคในประเทศจีน

· รัฐมนตรีอาวุโสของสิงคโปร์ แนะ ทั่วโลกต้อง "เริ่มเตรียมพร้อม" สำหรับการระบาดครั้งต่อไป ที่อาจเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้

· สิงคโปร์อัดฉีดเงินอีก 50 ล้านเหรียญในการพัฒนาการวิจัย AI และความมั่นคงทางไซเบอร์ของประเทศ

· เกาหลีใต้เร่งฉีดวัคซีน Covid-19 ให้แก่ประชาชน 55-59 ปี เพื่อยับยั้งการเพิ่มขึ้นของยอดติดเชื้อใหม่ หลังจากที่ยอดติดเชื้อรายวันทะลุหลักพันต่อเนื่อง 7 วันทำการ ล่าสุดวันนี้พบยอดติดเชื้อใหม่ 1,150 ราย

· ธนาคารอังกฤษจะเฝ้าจับตาใกล้ชิดต่อตลาดที่อยู่อาศัย

· ยุโรปพยายามประเมินการเข้าถึงวัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ท่ามกลางช่องว่างด้านข้อมูลที่ยังเป็นอุปสรรคเวลานี้

· ประชาชนกว่า 900,000 รายในฝรั่งเศสเร่งเข้ารับการฉีดวัคซีน แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศเข้าใกล้เข้มงวดมากขึ้น

· ยอดติด Covid ในซิดนีย์ปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ความเป็นไปได้ในการขยาย Lockdown ยังมีอยู่

· อิสราเอลเริ่มปรับกลยุทธ์รับมือสถานการณ์ภายในประเทศที่ได้รับผลกระบจากการระบาดของสายพันธุ์ Delta

ที่มา: Reuters, CNBC, FXStreet