ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นจากตลาดหวังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลงต่อ
ราคาน้ำมันดิบวันนี้ขยับขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลดลงในวันก่อนท่ามกลางตลาดที่ตอบรับ
- ภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว
- คาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯลดลงต่อเนื่อง
ปัจจัยลบต่อตลาดตอนนี้: การระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ ที่กำลัง "จำกัด" การปรับตัวขึ้นของราคา
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนก.ย. ปรับขึ้น 36 เซนต์ หรือ +0.5% ที่ 75.52 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เมื่อวันก่อนปิด -0.5%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ปรับขึ้น 35 เซนต์ หรือ +0.5% ที่ 74.45 เหรียญ/บาร์เรล
นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Fujitomi Co. กล่าวว่า มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว และการปรับลงของสต็อกน้ำม้ันดิบสหรัฐฯกำลังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันเวลานี้
ผลสำรวจจาก Reuters ชี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯสัปดาห์นี้ ถูกคาดว่าจะปรับตัวลงต่อเนื่องเป็น "สัปดาห์ที่ 8" ท่ามกลางสต็อกแก๊สโซลีนที่มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมาเป็นเวลากว่าหลายสัปดาห์ โดยข้อมูลล่าสุดในสัปดาห์ที่แล้ว ปรับตัวลดลงมาทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ก.พ. ปี 2020
· IEA คาด OPEC+ อาจเผชิญความเสี่ยงจาก "สงครามราคาน้ำมัน" (Price War) จากอุปสงค์น้ำมันที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
ทบวงน้ำมันระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (IEA) เผยว่า การไม่สามารถหาข้อตกลงเรื่องการผลิตน้ำมันได้ของกลุ่มผู้นำ OPEC+ อาจเป็นตัวก่อสงครามราคาอีกครั้ง แม้ว่าการฉีดวัคซีน Covid-19 จะเป็นตัวหนุนอุปสงค์น้ำมันให้กำลังปรับตัววสูงขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด "การแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด" และอาจทำให้ตลาดน้ำมันแกว่งตัวแรงอีกครั้ง ท่ามกลางความเป็นไปได้ ที่อาจเห็นราคาน้ำมันที่จะปรับตัวสูงขึ้นหนุน "เงินเฟ้อ" และยิ่งสร้างความเสียหายให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ "เปราะบาง" มากขึ้น
รายงานสรุปภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนของ IEA ระบุว่า การที่ OPEC+ ยังไม่แถลงการณ์ใดๆ จนกว่าจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ อาจจะยังทำให้โควต้าการผลิตน้ำมันคงเดิมเท่าระดับเดือนก.ค.นี้ และตลาดน้ำมันน่าจะตึงตัวมากขึ้น จากอุปสงค์น้ำมันที่รีบาวน์ได้จากที่เผชิญ Covid-19 กดดันตั้งแต่ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ความเห็นที่แตกต่างกันระหว่าง "ซาอุดิอาระเบีย" และ "สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์" ที่เป็นบทบาทสำคัญใน OPEC+ ทำให้เกิดการยกเลิกเจรจาต่อในสัปดาห์ที่แล้วเรื่องการหนุนกำลังการผลิตหลังจากที่เจรจามาในช่วงหลายวันก่อนหน้า
ที่มา: Reuters, CNBC