MTS Help Center

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 1 เดือน แถวระดับ 1,834 เหรียญโดยประมาณ โดยตลาดทองคำได้รับอานิสงส์จากถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ตั้งแต่คืนวันพุธ ที่มองว่าตลาดแรงงานยังอยู่ไกลจากความคืบหน้าที่เฟดตั้งเป้าไว้ เฟดจึงต้องรอข้อมูลดังกล่าวก่อนนำมาลดการใช้นโยบายสนับสนุนทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก

· ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้น +0.1% ปิดแถว 1,829.16 เหรียญ

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ตลาด COMEX ปิดปรับขึ้น 4 เหรียญ ที่ระดับ 1,829 เหรียญ

· กองทุนทองคำ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันถือครองทองคำเท่าเดิมบริเวณ 1,034.37 ตัน

· นักกลยุทธ์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ราคาทองคำขยับเหนือ 1,800 เหรียญได้ในสัปดาห์นี้ ควบคู่กับความกังวลเกี่ยวกับแรงเทขายในตลาดหุ้นที่มาช่วยหนุนความต้องการ Safe-Haven ท่ามกลางนักลงทุนทั่วโลกบางส่วนที่ให้ความสนใจกับสถานการณ์ Delta Covid-19 รวมถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีนที่ดูจะจุดประกายความกังวลให้แก่ตลาดหุ้นต่างๆทั่วโลก และทำให้นักลงทุนหันกลับมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ ทองคำและซิลเวอร์

· เศรษฐกิจจีนไตรมาสที่ 2/2021 ขยายตัวน้อยกว่าที่คาด ขณะที่จำนวนผู้ขอรัรบสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯออกมาลดลงทำต่ำสุดรอบ 16 สัปดาห์ ขณะที่การผลิตเขตนิวยอร์กทำสูงสุดประวัติการณ์

· หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า เงินเฟ้อที่ปรับขึ้นดูไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนคิดว่าเป็นเพียง “สภาวะชั่วคราว” ขณะที่อัตราดอกเบี้ยแท้จริงอยู่ระดับต่ำ ทั้งหมดนี้อาจหนุนให้ทองคำปรับขึ้นแตะ 1,900 เหรียญได้ในอีกไม่กี่เดือน

· ผู้อำนวยการจาก Bannockburn Global Forex คาด ทองคำมีโอกาสร่วงแตะ 1,750 เหรียญ ภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงกดดันตลาดทองคำจะมาจาก
- ความแข่งขันกันในการปรับขึ้นดอกเบี้ย
- ความร้อนแรงของตลาดหุ้น
- ความแข็งแกร่งของดอลลาร์

ดังนั้น โอกาสทองไปเหนือแนวต้าน 1,850 เหรียญได้อาจจะเป็ฯไปได้ยาก แต่ในสิ้นปีนี้ ทองคำมีโอกาสซื้อขายแวถระดับ 1,750 เหรียญ และภาพรวมทองคำจะมีกรอบใหญ่ระหว่าง 1,500 – 2,000 เหรียญ

· ดอลลาร์แข็งค่าเล็กน้อย จากข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.1% ปิดที่ 92.504 จุด หลังทำต่ำสุดของวันที่ 92.272 จุด

· นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อข้อมูลเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่จะเห็นข้อมูลเงินเฟ้ออ่อนตัวลง พร้อมกังวลว่าปัญหาเงินเฟ้อจะกระทบต่อตลาดที่อยู่อาศัย เพราะส่งผลต่อกำลังซื้อของครอบครัวรายได้น้อย

· “โพเวลล์” ประธานเฟดตอบข้อซักถามสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับประเด็นเงินเฟ้อ, การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

· Reuters poll สะท้อนมุมมองนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ โดยระบุว่า เฟดอาจสิ้นสุดการใช้นโยบายเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงประมาณสิ้นปี 2022 Fed ขณะที่การขึ้นดกเบี้ยคาดจะเกิดขึ้นเร็วสุดช่วงปีหน้า

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ดูจะกำลังสร้างความเสี่ยงครั้งใหญ่ให้แก่เศรษฐกิจของสหรัฐฯได้

· นักวิเคราะห์จาก BTIG คาด เฟดอาจเริ่มต้นหารือการลด QE ภายใน 1 หรือ 2 ของการประชุมที่จะมาถึงนี้ และคาดว่าจะเริ่มต้นลดการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินฉบับพิเศษในช่วงปี 2022

· CNBC เผย มุมมองนักเศรษฐศาตร์ ที่ระบุว่า แผนการคืนภาษีเด็กรายเดือน ถือเป็นหนึ่งในแผนที่ทีที่สุดสำหรับการจัดสรรงบของรัฐบาลไบเดน

· Reuters เผยข้อมูลวงใน ชี้ สหรัฐฯคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนเพิ่ม และกล่าวเตือนบริษัทต่างๆที่มีการแทรกแซงเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

· World Bank หั่นคาดการณ์จีดีพีในเอเชียตะวันออก และแถบแปซิฟิก อันเนื่องจากความกังวล Covid-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาด

· HSBC คาดว่า “สิงค์โปร์” เป็นประเทศที่น่าดึงดูดดมากที่สุดในตลาดเอเชีย ท่ามกลางภูมิภาคที่กำลังต่อสู้กับวิกฤต Covid

· CORONAVIRUS UPDATES:

ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกใกล้ทะลุ 190 ล้านราย ล่าสุดรวมอยู่ที่ 189.69 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมรวมเพิ่มขึ้นมแตะ 4.08 ล้านราย

· สถานการณ์ในไทยล่าสุดเช้านี้ ศบค. รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 9,692 ราย ทำให้มียอดรวมติดเชื้อสะสม 381,907 ราย

ขณะที่มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 67 ราย และยอดผู้เสียชีวิตรวมสะสมเป็น 3,099 ราย

· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.60 - 32.75 บาท/ดอลลาร์

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- กระทรวงสาธารณสุขไทย เตรียมเสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ชุดใหญ่ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในการพิจารณาแนวทางการให้วัคซีนสลับชนิดหลังจากผ่านการพิจารณาอย่างรอบแล้วจากที่ประชุมคณะกรรมการวิชาการ ภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อแห่งชาติ ตลอดจนคณะกรรมการในระดับต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุข

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 64 ลดลงมาเหลืออขยายตัว 1% จากเดิมที่ 1.8% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีความรุนแรงกว่าที่เคยประเมิน ส่งผลกระทบให้ระบบสาธารณสุขของไทยเผชิญข้อจำกัด

จึงมีความจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการจ้างงานมีมากขึ้น และมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้ทรุดตัวไปกว่าเดิม ขณะที่มาตรการเยียวยาจากทางภาครัฐคาดว่าจะช่วยประคองการดำรงชีพ

- ธนาคารโลก (World Bank) ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 64 ลงเหลือ 2.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน มี.ค.ที่ระดับ 3.4% เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะได้รับผลกระทบอย่างหนักต่อไปอีกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จำเป็นของประชาชน แต่ไม่สามารถชดเชยผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยรวม

· อ้างอิงจากสำนักข่าว Thestandard.co

- KKP Research หั่น GDP ปีนี้จาก 1.5% เหลือ 0.5% ประเมินกรณีเลวร้ายอาจถึงขั้นติดลบ