· หุ้นเอเชียร่วง - ไวรัสสายพันธุ์เดลล์ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
หุ้นเอเชียร่วงลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าในตลาดภูมิภาคและทำให้ทางการจีนตื่นตัวในระดับสูง กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน
การซื้อขายในตลาดเอเชียอ่อนแอตามตลาดหุ้นสหรัฐฯหลังจากที่นักลงทุนพิจารณาถึงผลกระทบทั่วโลกกรณีของการแพร่ระบาดไวรัสเดลต้าที่เพิ่มขึ้นอาจมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.40% ในการซื้อขายช่วงแรก
· ดัชนี Nikkei ปิดลง จากความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้น
ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นปิดตัวลง เนื่องจากกรณีของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน ขณะที่หุ้นผู้ผลิตวิดีโอเกมลดลงหลังจากสื่อจีนระบุว่าเกมออนไลน์เป็น 'เกมคือยาเสพติด'
ดัชนี Nikkei ปิด -0.5% ขณะที่หุ้นผู้ผลิตเกมออนไลน์ Nexon -6.51%
ดัชนี Topix -0.46%
· หุ้นเกมออนไลน์ของจีนร่วงลง หลังสื่อของรัฐมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ
หุ้นของ Tencent ในฮ่องกงร่วงลงมากกว่า 7% ขณะที่ Netease และ Bilibili -7.96% และ -6.28% ตามลำดับ
ดัชนี Hang Seng Tech -1.48%
ความสูญเสียเกิดขึ้นหลังจาก Economic Information Daily ในเครือสำนักข่าว Xinhua ของจีน ตีพิมพ์บทความที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาที่เยาวชนใช้ในการเล่นเกมออนไลน์
ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง -0.32%
ด้านดัชนี Shanghai composite -0.21% ขณะที่ดัชนี Shenzhen component -0.209%
· เม็ดเงินลงทุน "ต่างชาติ" ไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้นในเดือนก.ค. จากความกังวลไวรัสระบาด
รายงานจาก Reuters ล่าสุด พบว่า เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติในตลาดหุ้นเอเชีย ไหลออกหนักในเดือนก.ค. จากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของ Delta COvid-19 ขณะที่จีนเองก็กำลังปราบปรามบริษัทเทคโนโลยี จึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นเอเชียสุทธิ 1.06 หมื่นล้านเหรียญในเกาหลี, ไต้หวัน, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และอินเดีย เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. ที่ขายออก 725 ล้านเหรียญ
· ตลาดหุ้นยุโรปมีการซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยัง
- การประกาศผลประกอบการภาคบริษัท
- ยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้น
- กฎระเบียบด้านเทคโนโลยีของจีน
- ความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐสหรัฐฯ
โดยดัชนี Stoxx600 เคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว ด้านหุ้นน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้น 1% จากผลระกอบการที่แข็งแกร่งของ BP ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.1%
สำรับวันนี้จะมีการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
· ดัชนีฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังร่วงลงในช่วงก่อนหน้า
ดัชนีฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย หลังจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อแรงเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวานนี้
ดัชนี Dow Jones Industrial +97 จุด
ดัชนี S&P 500 futures และดัชนี Nasdaq 100 futures เคลื่อนไหวในแดนบวก
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้ายังคงกดดันนักลงทุน โดยค่าเฉลี่ยรายวันของผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯช่วง 7 วันอยู่ที่ 72,790 รายในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเกินจุดสูงสุดที่เคยเห็นเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว
ทางด้านความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตที่ชะลอตัวทางเศรษฐกิจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯลดลงในวันจันทร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาก 8 จุดเป็น 1.15% หลังจากที่ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ช้ากว่าเมื่อเดือนที่แล้ว
ขณะที่ 88% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 2 ที่เป็นบวกอย่างน่าประหลาดใจ
· ตลาดหุ้นเผชิญสัญญาณ "Bearish Trend" อาจเห็นการผันผวน 10% - 15% ในการปรับฐาน
หัวหน้านักกลยุทธ์ดัชนีอนุพันธ์จาก BTIG กล่าวว่า ตลาดหุ้นดูจะเกิดสัญญาณบางอย่างก่อนเข้าสู่สภาวะ "ปรับฐาน"
ดัชนี S&P500, Nasdaq และดัชนีชี้วัดความผันผวน (CBOE) ต่างก็ปรับตัวสูงขึ้น และบ่อยครั้งที่เกิดเหตุการณ์นี้ จะเห็นแรงเทขายกลับลงมา 10% - 15%
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นปี 2018 ก็จะเห็นได้ถึงช่วงเวลาหลายสัปดาห์ก่อนการปรับฐาน ขณะที่ล่าสุดในปีที่แล้วเกิดขึ้นช่วงเดือนก.ย.
ดังนั้น จึงอาจเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้ และน่าจะเห็น Bearish Trend เกิดขึ้น 2-3 เดือน
สำหรับ S&P500 อาจกลับมาซื้อขายแถว 4,000 จุด หลังวานี้ปิดบริเวณ 4,387.16 จุด (ปี 2021 ดัชนี S&P500 ปรับขึ้น +17%)
ทางด้านสถานการณ์ยอติดเชื้อ Covid-19 ที่กำลังเพิ่มขึ้น จาก Delta Covid-19 ก็ดูจะสร้างความกังวลว่าอาจจะทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเป็นไปได้อย่างยากลำบาก และมีความเป็นไปได้ว่า อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เริ่มชะลอตัวลง
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ
- หุ้นไทยวันนี้ (3 ส.ค.) เปิดตลาด +1.41 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,527 จุด
ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (3 ส.ค.) ดัชนี SET Index เปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1,526.52 จุด ปรับขึ้น +1.41 จุด หรือคิดเป็น +0.09% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 3,089 ล้านบาท เมื่อเวลา 10:00:36 น.
ดัชนี SET50 ล่าสุดปรับขึ้น +0.86 จุด หรือคิดเป็น +0.09% อยู่ที่ 915.12 จุด มูลค่าซื้อ-ขายรวม อยู่ที่ 1,296 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 41.96% ของการซื้อ-ขายทั้งหมด
- หุ้นไทยปัจจัยลบรุมเร้า ราคาน้ำมันร่วง-ดัชนีภาคการผลิต “สหรัฐ-จีน” อ่อนตัว
ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัว 1,515 – 1,535 จุด เหตุตัวเลขภาคการผลิตเดือน ก.ค.ของสหรัฐ – จีน และราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง ชี้ดัชนีมีโอกาสรีบาวนด์จากแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น กลุ่มส่งออก กลุ่มงบไตรมาส 2/64 ที่โดเด่น ติดตามการประชุม ครม. ลุ้นออกมาตรการเยียวยาโควิดเพิ่ม
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- BAY คาดศก.Q3/64 เข้าสู่ภาวะถดถอยหลังโควิดลามภาคการผลิต-หลายกิจกรรมหยุดชะงัก
ฝ่ายวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/64 อ่อนแอลงจากไตรมาสแรก ผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกสามของโควิด-19 ที่เริ่มตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.64 โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่า GDP ในไตรมาส 2/64 อาจหดตัวจากไตรมาสแรกที่ -0.6% QoQ sa แต่หากเทียบกับไตรมาส 2/63 อาจขยายตัวได้ 7% YoY ซึ่งเป็นผลของฐานที่ติดลบหนักเป็นสำคัญ
- สรท.ชี้ส่งออกปีนี้โต 10% ต้องทำยอด 2 หมื่นล้านดอลล์/เดือน ถ้าคุมโควิดไม่ได้เหลือโต 7%
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า สรท.คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 64 เติบโต 10% ซึ่งหากจะให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องมียอดส่งออกให้ได้มากกว่าเดือนละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่หากควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในภาคการผลิตไม่ได้จนเกิดผลกระทบรุนแรง จะทำให้การส่งออกขยายตัวลดลงเหลือเพียง 7%
- แอสตร้าฯ เผยก.ค.ส่งมอบวัคซีนให้ไทย 5.3 ล้านโดส รวม 2 เดือน 11.3 ล้านโดส
นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 5.3 ล้านโดส ให้กับกระทรวงสาธารณสุข ตามแผนการจัดหาวัคซีนจำนวน 61 ล้านโดสให้กับประเทศไทยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้