• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 11 สิงหาคม 2564

    11 สิงหาคม 2564 | Gold News


ความเสี่ยงจาก Delta Covid ช่วยพยุงทอง

ราคาทองคำปรับตัวกลับขึ้นมาได้ หลังจากเผชิญแรงเทขายครั้งใหญ่ เนื่องจากตลาดเริ่มแสดงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับ “ผลกระทบทางเศรษฐกิจ” จากการระบาดของสายพันธ์ Delta Covid-19 ขณะที่ การแข็งค่าของดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นตัวกดดันตลาด

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.1ที่ระดับ 1,730.93 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.3ที่ระดับ 1,731.70 เหรียญ

 

·         กระแสเฟดกับโอกาสลดการเข้าซื้อพันธบัตรที่ชัดเจนขึ้น ดูจะหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับขึ้นทำสูงสุดตั้งแต่ 15 ก.ค. ที่ 1.349%

ขณะที่ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง 3 วันทำกำาร ทำสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 93.102 จุด และกดยูโรทำต่ำสุดใหม่รอบ 4 เดือน

 

·         หัวหน้านักกลยุทธ์จาก TD Securities กล่าวว่า ทองคำอาจได้รับแรงกดดันต่อในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ควบคู่กับโอกาสทำ Tapering QE ของเฟด ที่จะกดดันทองขาลง

นอกจากนี้ ตลาดยังคาดว่าจะเห็นข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งต่อเนื่อง แต่การระบาดของสายพันธุ์ Delta Covid-19 ก็ยังสร้างความวิตกกังวลว่าจะกลายมาเป็นอุปสรรคขวางเฟดจากการทำ Tapering QE ได้เร็วกว่าคาดการณ์หรือไม่

 

·         Delta Covid ส่งผลให้ยอดติดเชื้อในหลายๆประเทศทางเอเชียและสหรัฐฯเองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายมาเป็นปัจจัยคุกคามแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิ

·         กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1,023.54 ตัน

 

·         ราคาแพลทินัมปิด +1.8ที่ 997.84 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียามปิด +1.9% ที่ระดับ 2,650.25 เหรียญ

 

·         นักวิเคราะห์จาก Standard Charterd กล่าวว่า แพลทินัมและพลาเดียมเป็นสินค้าที่ได้รับแรงขับเคลื่อนขนานใหญ่จากอุปสงค์และอุปทาน ขณะที่ช่วง Q3/2021 คาดว่าน่าจะเห็นปัจจัยต่างๆตึงตัวขึ้น จึงน่าจะส่งผลให้ระยะสั้นทั้งแพลทินัมและซิลเวอร์เคลื่อนไหว “ขาลง”

 

·         ซิลเวอร์ปิด -0.2% ที่ระดับ 23.40 เหรียญ

 

·         การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯล่าสุด ดูจะชัดเจนว่าเป็นผลจากถ้อยแถลงของบรรดาสมาชิกเฟด ที่สร้างความชัดเจนมากขึ้นเรื่องการถอนนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจ


·         Coinbase เผย ปริมาณการซื้อขายในตลาด Crypto พุ่งกว่า 1,500%

 

·         “นายชาร์ล อีวานส์” ประธานเฟดสาขาชิคาโก ต้องการเห็น “จ้างงานเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย” ก่อนทำการลดการเข้าซื้อพันธบัตร

ขณะที่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในปัจจุบันไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เฟดตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งการเจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องใช้เวลาอีกไม่กี่เดือนเพื่อให้มั่นใจถึงการเพิ่มขึ้นของข้อมูลแรงงาน ควบคู่กับความมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อจะยังอยู่เหนือเป้าหมาย 2ที่เฟดกำหนดได้

 

·         “นายอีริค โรเซ็นเกร็น” ประธานเฟดสาขาบอสตัน หนุนการลด QE ควรเริ่มต้นในช่วงก.ย. นี้ เพื่อเป็นการช่วยหนุนเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

·         “นายราฟาเอล บอสติก” ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า เรียกร้องให้เฟดเร่งทำการลด QE  ท่ามกลางเศรษบกิจที่แข็งแกร่ง ประกอบกับหลังช่วง 1 – 2 เดือนนี้จ้างงานแกร่ง

 

·         ส.ว. สหรัฐฯ เตรียมผันร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานฉบับ 3.5 ล้านเหรียญต่อ

เมื่อวานนี้ ส.ว.สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายสาธารณูปโภควงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญ และร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและลงมติในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯต่อไปในเดือนก.ย. ซึ่งคาดว่าอาจเผชิญแรงต้านมากกว่าในสภาสูง

 

·         การขยายตัวของประสิทธิผลทางการผลิตของสหรัฐฯไตรมาสที่ 2/201 ชะลอตัวลง ด้านค่าใช้จ่ายในแรงงานไตรมาสที่ 1/2021 มีการปรับตัวลดลง

 

·         ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯปรับตัวลงจากการปราศจากแรงงาน

 

·         ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนกระทบการลงทุนทั่วโลกของจีน โดยเฉพาะในเรื่องโลหะและเหมืองแร่

ศูนย์ทรัพยากรธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของภาคเอกชนระดับโลก (NGO) เปิดเผยถึงการบันทึกข้อหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจน มากถึง 679 ข้อหาต่อบริษัทจีนที่ดำเนินงานในต่างประเทศระหว่างปี 2013 – 2020

 

·         นักเศรษฐศาสตร์จาก Tanto Capital Management กล่าวว่า ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน อาจสะท้อนต่อการเลือกลงทุนในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น

ขณะที่สินทรัพย์ต่างๆในตลาดเกิดใหม่ดูจะอ่อนไหวอย่างมากต่อโอกาสที่มากขึ้นในการที่เฟดจะทำการลด QE ควบคู่กับปัญหาตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน


การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เป็นผลจากสมาชิกเฟดประสานเสียงลด QE ที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ ก็ดูจะตามมาด้วยเรื่องของโอกาสการหารือเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย จึงทำให้นักลงทุนเลือกลดการถือครองตราสารหนี้และสินทรัพย์อื่นๆในตลาดเกิดใหม่ เพื่อมองหาผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลที่จะเพิ่มขึ้น ท่ามกลางพันธบัตรประเทศใหญ่ๆที่อยู่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์

 

·         จีดีพีสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเกินคาดในช่วงไตรมาสที่ 2/2021 แตะ 14.7%

 

·         อัตราว่างงานในเกาหลีใต้ลดลงต่อเนื่อง 2 เดือนติด

 

·         รายงาน U.N.  ชี้การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศจำเป็นต้องเร่งเพิ่มงบการลงทุนในพลังงานสีเขียว เพื่อช่วยลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่จะเพิ่มมากขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียสจากภาคอุตสาหกรรมในปี 2040

 

·         เกาหลีเหนือยังย้ำ เตือนถึง “วิกฤตด้านความมั่นคง” หากสหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ยังเดินหน้าสร้างแรงตึงเครียดเพิ่ม จากการร่วมฝึกซ้อมรบ

 

 

·         COVID-19 UPDATES:

 



ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 605,231 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสม 204.72 ล้านราย

ด้านเสียชีวิตสะสมทั่วโลกยังอยู่สูงแตะ 4.32 ล้านราย

 

สหรัฐฯกลายเป็นประเทศที่มียอดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดของโลก โดยมีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นวานนี้ 100,970 ราย รวมสะสมที่ระดับ 36.89 ล้านราย และเสียชีวิตสะสม 634,662 ราย

 

·         Delta Covid-19 ระบาดหนักชาวไทยติดเชื้อแล้วกว่า 92%  - จีนยอติดเชื้อทะลุ 100 ราย/วัน

 

·         หุ้นบริษัท Pfizer พุ่งทำสูงสุดประวัติการณ์ จากความต้องการวัคซีน Covid-19 ที่เพิ่มมากขึ้น

 

·         ยอด "โควิดไทย" วันนี้ ยิ่งต้องเกาะติด หลังพบติดเชื้อใหม่เพิ่มสูง 21,038 ราย ทำให้ยอดสะสมทะลุ 8 แสน ปัจจุบันมียอดสะสมที่ 816,989 ราย


ขณะที่ผู้เสียชีวิตก็สูง 207 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 6,795 รายแล้ว

จึงตอกย้ำถึงสถานการณ์การระบาดของโควิดไทยนั้นยังคงวิกฤติ และต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

 

โดยเฉพาะวันนี้ชลบุรีพบยอดติดเชื้อพุ่ง 1,368 ราย เสียชีวิต 11 ราย ตรวจสอบ คลัสเตอร์โรงงาน

 

สถานการณ์การฉีดวัคซีน

 



·         “เงินบาท”เปิดตลาดวันนี้ทรงตัวที่ 33.46 บาท/ดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า

โดยรวมค่าเงินบาทยังมีโอกาสผันผวนและอ่อนค่าลงจากปัญหาการระบาดของโควิด รวมถึงโมเมนตัมขาขึ้นของเงินดอลลาร์ที่ยังมีอยู่จากท่าทีสนับสนุนการทยอยลด QE ในปีนี้ของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.40 - 33.55 บาท/ดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้ระหว่างวันบาทค่อนข้างแกว่งในกรอบแคบที่ 33.45-33.49 บาท/ดอลลาร์ ตามแรงซื้อ-แรงขายในตลาด และยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระทบ โดยตลาดรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ในคืนนี้เป็นหลัก รวมทั้งสถานการณ์โควิดในประเทศ และต่างประเทศ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com