MTS Help Center

ทองทรงตัวเหนือ 1,750 เหรียญ ตลาดผ่อนคลายโอกาสลด QE  เร็วกว่าคาด

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิดทรงตัวบริเวณ 1,750.91 เหรียญ โดยทองคำตลาดโลกมีการทำสูงสุดบริเวณ 1,758 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.1% ที่ระดับ 1,751.80 เหรียญ

 

·         ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเหนือระดับสำคัญ 1,750 เหรียญ โดยด้รับแรงหนุนนจาก ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯ เดือนก.ค. ในภาพรายปีขยายตัวได้มากที่สุดในรอบกว่า 10 ปี แตะ 7.8% ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ปี 2010 ตอกย้ำแรงกดดันเงินเฟ้อในระดับสูง ขณะที่ข้อมูลรายเดือนออกมาดีกว่าคาดแตะสูงถึง 1% จึงช่วยบรรเทาตลาดเกี่ยวกับโอกาสเฟดเร่งลด QE

ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ดูจะให้ความสำคัญกับ แผนค่าใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากที่ วุฒิสภสาสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายค่าใช้จ่าย 3.5 ล้านล้านเหรียญ ตามมาหลังจากที่อนุมัติแผนโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญเมื่อคืนวันอังคาร

ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปิดทรงตัวบริเวณ 1.379% หลังการประมูลผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 30 ปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก

อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันการปรับขึ้นของราคาทองคำเมื่อวานนี้ได้แก่

- สมาชิกเฟด ยังคงกล่าวหนุนโอกาสลด QE ดังนี้
นางแมรี ดาร์ลีย์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ย้ำว่า เฟดควรเริ่มจำกัดการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วสุด “ปีนี้” อันเนื่องจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และค่าใช้จ่ายผู้บริโภค

นายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ หนุนโอกาสทำ Tapering QE ใกล้เข้ามา แต่ก็อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ในการรอให้ข้อมูลตลาดแรงงานฟื้นตัวเพียงพอ

นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ สนับสนุนการสิ้นสุดการเข้าซื้อพันธบัตรเช่นกัน ท่ามกลางเงินเฟ้อที่สูง และข้อมูลตลาดแรงงานฟื้นตัว ประกอบกับคาดการณ์ที่คาดว่าจะเห็นอุปสงค์แข็งแกร่งต่อเนื่อง

นายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวกับทาง CNBC โดยยังย้ำแนวคิดเฟดควรเริ่มต้นลด QE ในเดือนต.ค. ซึ่งควรประกาศกรอบเวลาดดำเนินการในการประชุมเดือนหน้า

- กรอบเวลาเฟดที่ดูจะหนุนความชัดเจนมากขึ้นต่อแนวทางการดำเนินกลยุทธ์การใช้นโยบายการเงินของเฟด  รวมถึงการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟดด้วย

- ดอลลาร์แข็งค่าต่อ ปิด +0.1% ที่ระดับ 93.019 จุด

- ข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาดีขึ้นตามคาดที่ระดับ 375,000 ราย

- ซิลเวอร์ร่วงปิด -1.6% ที่ 23.14 เหรียญ

- ดัชนี S&P500 และ Dow Jones ยังทำ  Record Highs และหุ้นส่วนใหญ่ปิดวันแดนบวก

ดัชนี Dow Jones ปิด +14.88 จุด ปิดทำสูงสุดประวัติการณ์ต่อที่ระดับ 35,499.85 จุด

ดัชนี S&P500 ปิด +0.3% ที่ 4,460.83 จุด ยังคงเปิดสูงสุดประวัติการณ์เช่นกัน

ดัชนี Nasdaq ปิด +0.3% ที่ระดับ 14,816.26 จุด โดยได้รับอานิสงส์จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

·         นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco กล่าวว่า หากราคาทองคำสามารถเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ได้ต่อไปในระยะสั้น ก็อาจลดโอกาสจะเห็นทองขึ้นต่อได้ในระยะสั้นๆ เช่นกัน โดยมาตรการทางการเงินต่างๆของสหรัฐฯ กับการลด QE ของเฟด เป็นสิ่งสำคัญที่ตลาดทองคำให้ความสำคัญ  เนื่องด้วยมีโอกาสส่งผลต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ

 

·         ผู้อำนวยการจากสถาบัน Silver Institute มองว่าก การลงทุนในซิลเวอร์ถูกคาดว่าจะเห็นการปรับขึ้นได้ต่อในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ควบคู่กับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรม ที่เป้นผลจากการเติบโตของการใช้แผงโซลาร์เซลล์ ที่มีแนวโน้มจะขยายตัวไปทั่วโลกราว 150 กิกกะวัตจ์ ภายในปีนี้

 

·         Bloomberg รายงาน แนวโน้มทองจ่อปิดร่วงต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติด ท่ามกลางเทรดเดอร์ถือครองดอลลาร์มากขึ้น และกระแสเฟดลด QE

 

·         Bitcoin ปิด -2.6% ที่ 44,348.59 เหรียญ หลังจากที่ไปทำสูงสุดรอบ 3 เดือน

 

·         “เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวเตือน “สภาคองเกรส” อีกครั้ง เรื่อง การจำกัดเพดานหนี้ ท่ามกลางการโจมตีของรีพับลิกันที่เพิ่มขึ้นกับโอกาสที่ต้นทุนการกู้ยืมเงินทุนรัฐบาลสูงขึ้น

ทั้งนี้ ความล้มเหลวในการเพิ่มหรือจำกัดเพดานหนี้ จะส่งผลให้ยอดหนี้ขณะนี้ที่ 2.85 ล้านล้านเหรียญ อาจก่อตัวเพิ่มและส่งผลให้หน่วยงานรัฐบางส่วนต้องเข้าสู่สภาวะ Shutdown หรือ ผิดนัดชำระหนี้ได้

 

·         แหล่งข่าวเผย นายกรัฐมนตรีแคนาดามีแผนจัดเลือกตั้งก่อนกำหนด (Snap Election) และการหาแนวทางอนุมัติงบเพิ่มเพื่อต่อสู้กับ Covid-19

 

·         ตอลิบานรุกคืบคุมจังหวัดสำคัญในอัฟกานิสถานนได้ ขณะที่กองทัพอังกฤษและสหรัฐฯเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่จากสถานทูตอัฟกานิสถานเพื่อเร่งอพยพ

 

·         ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ะยังเคลื่อนไหวได้ดีในกรอบด้านบน

น้ำมันดิบปิดปรับลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังเคลื่อนตัวได้ดีในกรอบ ขณะที่เทรดเดอร์ในตลาดยังมีความกังวลเรื่องอุปสงค์น้ำมันที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นอย่ารวดเร็ว

น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 16 เซนต์ ที่ระดับ 69.09 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent ปิดลง 13 เซนต์ ที่ระดับ 71.31 เหรียญ/บาร์เรล

 

·         รายงานจาก IEA หั่นคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปี 2021 คาดโตได้ 5.3 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิม 5.4 ล้านบาร์เรล/วัน

นอกจากนี้ มีการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดอาจลดลงราว 600,000 บาร์เรล/วัน แตะ 98.15 ล้านบาร์เรล/วัน

ทั้งนี้ IEA เผย อุปสงค์เดือนก.ค. ลดลงไป 120,000 บาร์เรล/วัน อันเนื่องจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีน,  อินโดนีเซีย และประเทศอื่นๆในเอเชีย

·         รายงานจาก OPEC ยังคงแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันโลกปีนี้ และปี 2022 ไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมระบุว่า อุปสงค์น้ำมันน่าจะปรับขึ้นได้และอยู่ระดับสูงกว่าอุปทานในอีกหลายเดือนข้างหน้า

·         COVID-19 UPDATES:

·         ติดเชื้อสะสมทั่วโลพุ่งแตะ 206.22 ล้านราย ด้านเสียชีวิตสะสมปรับขึ้นที่ 4.34 ล้านราย

 

·         ผู้อำนวยการ CDC เผย สหรัฐฯร่วมมือกับบรรดาผู้ผลิตวัคซีน เร่งสนับสนุนการฉีดเข็มต่อไปเพื่อกระตุ้นภูมิแก่ประชาชน รับมือ Covid-19

 

·         รายงานจาก Woldometers เผย รายงานติดเชื้อไทยวันนี้ส่งผลให้ ไทยกลายเป็นอันดับ 2 ของโลกที่มียอดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยที่ยอดติดเชื้อใหม่ของไทยทำ New High 23,418 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 863,189 ราย

ยอดเสียชีวิตใหม่ในไทยเพิ่ม 184 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 7,126 ราย

 

สำหรับภาพรวมการรายงานยอดติดเชื้อใหม่-เสียชีวิตใหม่ช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้ไทยอยู่อันดับที่ 1 ของเอเชีย ขณะที่เกาหลีใต้รองมาพบผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 จากการพบยอดติดเชื้อใหม่ 1,990 ราย ทางด้านจีนพบติดเชื้อใหม่ 99 ราย